วันนี้ (5 กันยายน) กลุ่มนักเรียนได้ร่วมกันจัดกิจกรรม #หนูรู้หนูมันเลว ที่หน้ากระทรวงศึกษาธิการ โดยมีนักเรียนขึ้นปราศรัยถึง 3 ข้อเรียกร้อง ได้แก่
1 ยกเลิกการคุกคามนักเรียนทั้งทางเพศ ทางร่างกาย และจิตใจ โดยระบุว่า ครูมักอ้างถึงคำว่าหวังดี ซึ่งเป็นการส่งเสริมให้ครูใช้อำนาจได้โดยมิชอบ อีกทั้ง กระทรวงเองยังไม่เข้ามาตรวจสอบปัญหาเหล่านี้ด้วย โดยช่วงที่ผ่านมา มีเหตุการณ์ทางการเมืองที่นักเรียนชูสามนิ้ว แต่ครูกลับเรียกตำรวจมาตรวจสอบนักเรียน ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการมีส่วนรับผิดชอบในประเด็นนี้ แต่กลับออกกระดาษมาแผ่นเดียวเท่านั้นว่านักเรียนสามารถแสดงออกได้
2 ยกเลิกกฎระเบียบ เนื่องจากนักเรียนไม่มีสิทธิและส่วนร่วมในการออกกฎระเบียบ ซึ่งกฎระเบียบต่างๆ ก็มีความล้าหลัง และผู้ใหญ่ก็ไม่สามารถอธิบายเหตุผลของกฎระเบียบเหล่านี้ให้นักเรียนฟังได้ และทางกระทรวงเองก็ไม่สามารถให้คำตอบกับนักเรียนได้ ทั้งยังบอกว่า นักเรียนมีสิทธิ เสรีภาพ ไม่ใช่หุ่นเชิดในระบบการศึกษา
“ไดโนเสาร์สูญพันธ์เพราะอุกาบาต และพวกเราคืออุกาบาตในวันนี้”
3 ปฏิรูปการศึกษา โดยระบุว่า ถ้ายังไม่มีการเปลี่ยนแปลง นักเรียก็ยังต้องเรียนตามเนื้อหาวิชาเดิมๆ ซึ่งเป็นการกำหนดให้เด็กอยู่ในกรอบ และบอกแต่เด็กว่าไม่ควรทำ อีกทั้ง ยังมีปัญหาเรื่องสุขภาพจิตนักเรียนที่ไม่ได้รับการดูแลด้วย
“เรากำลังอยู่ในระบบการศึกษาที่เขาอยากให้เราเป็นแบบนั้น แต่เขาไม่เคยทำให้เราดูเป็นตัวอย่าง” เมนู นักเรียนจากเชียงใหม่กล่าวบนเวที
ขณะที่ ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ขึ้นเวทีพร้อมกล่าวถึงเรื่องของการคุกคามนักเรียนว่าได้รับเรื่องร้องเรียนจาก 109 โรงเรียนว่ามีการคุกคามนักเรียน ซึ่งสะท้อนว่าโรงเรียนยังไม่เข้าใจการแสดงออกของนักเรียน แต่ก็มีครูอีก 5 แสนคนที่เข้าใจ และพยายามบริหารจัดการเรื่องนี้
โดยณัฏฐพล ย้ำว่า ครูที่ไม่เข้าใจคือครูจำนวนน้อย แต่ก็มีการร้องเรียนเข้ามาน้อยลง ซึ่งนักเรียนสามารถส่งเรื่องร้องเรียนมายังช่องทางต่างๆ ได้ พร้อมระบุว่า เรื่องที่คุยในวันนี้ เป็นเรื่องละเอียดอ่อน เป็นเรื่องที่เราไม่คุ้นเคยในประเทศไทย
ขณะเดียวกัน ลภนพัฒน์ หวังไพสิฐ จากกลุ่มนักเรียนเลว ระบุว่า การคุกคามนักเรียน ไม่ใช่แค่การแสดงออกเชิงสัญลักษณ์ แต่รวมถึงการตีนักเรียน ทำร้าย ลงโทษอย่างไม่สมเหตุสมผล ซึ่งเรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ เพราะเป็นมานานกว่า 10 ปีแล้ว ขณะเดียวกัน การรับเรื่องร้องเรียนก็ถูกรวบรวมด้วยองค์กรเดียว ซึ่งแปลว่าอาจจะมีการคุกคามมากกว่านี้ก็ได้ ซึ่งกระทรวงควรจะต้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบทุกโรงเรียน
“กระทรวงมีศักยภาพในการปกป้องโรงเรียนได้มากกว่านั้น เช่น การประเมินโรงเรียน ไม่ว่าโรงเรียนสีขาว โรงเรียนปลอดบุหรี่ต่างๆ มากกว่าส่งตัวแทนไปประเมินว่าโรงเรียนยังมีการคุกคามอยู่ไหม”
#Brief #TheMATTER