ต้นเดือนนี้ หลายคนก็คงจะมีเงินเด้งเข้าบัญชีจำนวนมาก ถ้าตัดค่าใช้จ่ายที่เป็น fixed cost ออกไป บางคนก็อาจจะมีเงินเหลืออยู่จำนวนหนึ่งเอาไว้ซื้อความสุข ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเอาไป ‘ช้อปปิ้ง’ นั่นเอง
การช้อปปิ้งหรือ retail therapy ถือเป็นการบำบัดจิตใจที่ดีนะ เพราะขณะที่เรากำลังเลือกรูปทรง กลิ่น สี รสชาติ หรือขนาดของสินค้า เราได้กลายเป็นผู้มี ‘อำนาจในการตัดสินใจ’ หรือ ‘อำนาจในการควบคุม’ สิ่งต่างๆ ทำให้ช่วงหนึ่ง เรารู้สึกหายเครียดเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ แถมอยู่บ้านเฉยๆ ไม่ต้องขับรถไปเผชิญความวุ่นวาย ก็สามารถช้อปของที่ต้องการได้ ช่างสะดวกสบายเหลือเกิน
แต่รู้ตัวอีกที ก็มีของมากมายกองอยู่เต็มบ้าน พร้อมเงินในบัญชีที่เหลืออยู่หลักร้อย อ้าว! แล้วอีก 2-3 อาทิตย์ที่เหลือจะกินอะไรดีล่ะเนี่ย! กลายเป็นเครียดมากกว่าเดิมซะงั้น เพราะการ ‘เสพติด’ การช้อปปิ้ง นำไปสู่ผลเสียต่อสถานภาพทางการเงิน และเกิดเป็นความรู้สึกเชิงลบ เช่น ความเครียด ความกังวลใจ ที่ตามมา
ดังนั้น มารู้จักกับ 4 วิธี ที่จะทำให้เราใช้จ่ายเงินอย่างมีสติ และเหลือเงินกินข้าวไปจนถึงสิ้นเดือนกัน
ซื้อในสิ่งที่ ‘จำเป็น’ ไม่ใช่สิ่งที่ ‘ต้องการ’
คำว่าต้องการ (want) กับจำเป็น (need) นั้นแตกต่างกัน ลองพิจารณาดีๆ แล้วลิสต์ออกมาดูว่าสิ่งไหนที่เราจำเป็นจะต้องมี จะต้องซื้อจริงๆ ซึ่งขาดไปไม่ได้เลยสำหรับชีวิตในตอนนี้ หรือสิ่งไหนที่แค่ต้องการเพราะเห็นว่าสวย หรือกำลังลดราคา โดยวิธีนี้จะทำให้เราตัดสิ่งฟุ่มเฟือยออกจากชีวิตได้
กำจัดสิ่งล่อใจ
เชื่อว่าหลายคนแค่เห็นโฆษณาแฝงในโซเชียลมีเดีย ก็เกิดตวามรู้สึกอยากซื้อสิ่งๆ นั้นแล้ว ซึ่งโฆษณาเหล่านั้นเป็นสิ่งล่อตาล่อใจที่ดีทีเดียว ฉะนั้น เราอาจจะต้องกำจัดมันออกไปเพื่อลดการกระตุ้นให้อยากซื้อ เช่น ปิดการติดตามข่าวจากแบรนด์ที่ชอบ ปิดแจ้งเตือนแอปพลิเคชั่นช้อปปิ้งออนไลน์ หรือลดการเดินเล่นที่ห้างสรรพสินค้าลง โดยเฉพาะในโซนที่เราเสียเงินให้บ่อยๆ
ให้เวลาตัวเองตัดสินใจ
เป็นวิธีที่ได้ผลดีอีกวิธีหนึ่ง โดยการ ‘เลื่อน’ ระยะเวลาการตัดสินใจออกไปอีก 30 วัน เพื่อดูว่าเรายังอยากได้สิ่งๆ นั้นอยู่หรือเปล่า เพราะบางทีการซื้อของอาจเกิดขึ้นจากความลำเอียงของตัวเอง ณ ขณะนั้น คิดว่าเราอยากได้มันจริงๆ ทำให้เรารีบจ่ายเงินไปแบบไม่คิด ดังนั้น การรอจนถึง 30 วัน จะทำให้ความรู้สึกชัดเจนมากขึ้น ถ้าเราอยากได้จริงๆ เราจะกลับไปซื้อ แต่ถ้าไม่ได้อยากได้ เราอาจจะลืมสิ่งๆ นั้นไปเลย
พอใจกับสิ่งที่มี
เสื้อผ้าบางตัวยังใส่ไม่ถึง 3 ครั้ง รองเท้าบางคู่ก็ยังไม่ทันได้เอาออกจากกล่อง แต่ไหงไปซื้อของใหม่มาซะแล้ว บางทีเราอาจจะต้องหันกลับมามองสิ่งที่เรามีอยู่ในปัจจุบัน แล้วใช้เวลากับมันให้คุ้มค่ามากขึ้น วิธีนี้จะช่วยให้เราลดความต้องการที่ซื้อของใหม่ๆ เพราะเมื่อเรามีความสุขกับสิ่งที่มีอยู่ เราจะ ‘พอ’ และไม่ต้องการอะไรมากไปกว่านี้แล้ว
ยังไงก็ลองใช้วิธีเหล่านี้ดูได้ และหวังว่าสิ้นเดือนนี้จะไม่ต้องกินมาม่ากันอีกต่อไป
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://bemorewithless.com/how-to-stop-shopping/
https://www.verywellmind.com/retail-therapy-and-stress-3145259
https://lifehacker.com/put-a-30-day-delay-on-all-impulse-purchases-to-ensure-y-1721716412
#Goodsmorning #TheMATTER