ผู้คนติดค้างในบ้าน ไฟฟ้าถูกตัด โทรศัพท์มือถือกำลังจะแบตหมด แจ้งขอความช่วยเหลือแล้วแต่ไม่มีใครมาถึง อาสาสมัครทำงานอย่างเต็มที่ แต่ก็สุดกำลังของพวกเขาแล้ว ที่จะช่วยเหลือทุกคนออกมาได้
นี่คือภาพภัยพิบัติน้ำท่วม ที่ไม่ใช่แค่เพียงในหาดใหญ่ แต่รุนแรงมากที่สุดครั้งหนึ่งที่ประเทศไทยเคยเจอมา สิ่งหนึ่งที่ผู้คนกำลังส่งเสียงกันอย่างต่อเนื่อง คือปัญหาของการจัดการโดยรัฐบาล และขาดการวิธีการบูรณาการที่นำทุกภาคส่วนมาช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นเอกภาพ
พวกเราเห็นปัยหาอะไรในการจัดการภัยพิบัติครั้งนี้บ้าง?
1) สั่งให้อพยพแต่ไม่บอกว่าต้องทำอะไรต่อ
เมื่อวานนี้ (25 พ.ย.) ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาได้สั่งการให้ประชาชนในหาดใหญ่ ต้องอพยพจากพื้นที่โดยด่วน ถึงอย่างนั้น คำถามที่ประชาชนในพื้นที่ส่งเสียงออกมาคือ “แล้วจะให้พวกเขาทำอย่างไร” พวกเขาต้องการที่จะอพยพอยู่แล้ว หากแต่ขาดทั้งอุปกรณ์ ทรัพยากร และกำลังคนที่คอยพาพวกเขาออกจากพื้นที่ บางคนก็ไม่ทราบว่า ต้องอพยพไปที่ไหน หรือมีอะไรมาช่วยให้เขาปลอดภัยจากการอพยพได้บ้าง
ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา รัฐศาสตร์ ชิดชู กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องให้ผู้บริหารท้องถิ่นแจ้งข้อมูลมายังศูนย์บัญชาการที่ มทบ.42 ว่าประชาชนที่เดือดร้อนอยู่ตรงไหนบ้าง จึงกลายเป็นว่า ทุกอย่างต้องรอข้อมูลที่แจ้งเข้ามา และต้องส่งข้อมูลนี้ไปยังเจ้าหน้าที่ต่ออีกทอดหนึ่ง
“ถ้าท่านไม่แจ้ง เราไม่รู้ว่าพี่น้องประชาชนอยู่ตรงไหน แต่ตอนนี้พยายามเก็บตกทั้งหมด ที่แจ้งผ่านเฟซบุ๊ก ผ่านไลน์ ผ่านโทรศัพท์ เพราะบางทีโทรศัพท์ติดต่อไม่ได้ ก็ต้องให้ผู้นำท้องถิ่น สมาชิก สท. สมาชิก อบต. ผู้นำชุมชนแจ้งมา เราจะได้ลงไปช่วย” ผู้ว่าฯ สงขลา ระบุ
2) ผู้บัญชาการเหตุการณ์มีอยู่จริงไหม?
แนวทางการจัดการภัยพิบัติโดยทั่วไปแล้ว ย่อมจะต้องมีผู้บัญชาการเหตุการณ์ ที่คอยสั่งการทุกหน่วยงานต่างๆ อยู่ อย่างไรก็ดี เมื่อวานนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีกระทรวงเกษตรฯ เป็นผู้อำนวยการศูนย์บริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ
อย่างไรก็ดี หลังจากที่มีคำสั่งนี้ออกมา และมีการประชุมเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมขึ้น กลับไปปรากฎว่า ร.อ.ธรรมนัส อยู่ในการประชุมด้วย โดยนายกฯ ได้เรียกหาถึง ร.อ.ธรรมนัส อยู่พักหนึ่งในการประชุม แต่ก็ไม่มีเสียงกลับออกมา
มีคนพบว่า ในช่วงเวลานั้น ร.อ.ธรรมนัส เดินทางไปที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยไปปฏิบัติภารกิจติดตามโครงการเพิ่มปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำเขื่อนแม่กวงอุดมธารา และโครงการพัฒนาสวนลำไย
หลังจากที่มีคำสั่งนี้ออกมา มีคำถามจากสื่อมวลชนว่า ตกลงแล้ว ร.อ.ธรรมนัส คือผู้บัญชาการเหตุการณ์หรือไม่ หรือยังเป็นผู้ว่าฯ สงขลา ที่อยู่ในพื้นที่มากกว่า
คำตอบนี้ได้รับการเฉลยออกมาเมื่อเช้านี้ เมื่อผู้ว่าฯ สงขลา ตอบคำถามในรายการ ‘กรรมกรข่าวคุยนอกจอ’ ว่า “แต่เดิมเป็นผม แต่ตอนนี้ท่านนายกฯ มีคำสั่งให้ท่านธรรมนัสเป็นผู้บัญชาการที่กำกับดูแลบริหารจัดการ”
ล่าสุดเช้าวันนี้ ร.อ.ธรรมนัส ได้เดินทางถึงสนามบินใหญ่แล้ว และได้นัดประชุมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยระบุว่า ที่ผ่านมา การจัดการปัญหาเป็นไปกันคนละทิศละทาง และต้องมีการจัดการที่เป็นทิศทางเดียวกันมากขึ้นกว่านี้
3) ประเมินสถานการณ์ผิด เมื่อเกิดเหตุจึงขาดทรัพยากรช่วยเหลือชาวบ้าน
น้ำท่วมหาดใหญ่ไม่ใช่ภัยพิบัติที่ป้องกันไม่ได้ ข้อมูลจากกรมอุตุนิยมวิทยาและหลายฝ่ายก็ได้แจ้งเตือนไว้แล้วว่าจะเกิดฝนตกที่รุนแรงในพื้นที่ดังกล่าว แต่การแจ้งเตือนและการประเมินสถานการณ์ที่ผิดพลาด ทำให้ประชาชนไม่สามารถตั้งตัวกับมวลน้ำก้อนมหาศาลที่มาได้ทัน
ตัวอย่างคือในวันที่ 20 พ.ย. ที่ผ่านมา ทางการได้มีการแจ้งว่าสถานการณ์ระดับน้ำที่ คลอง ร.1 หาดใหญ่นั้นยังอยู่ในขั้น ‘ธงเขียว’ หรือปกติดี แต่ไม่ได้ประเมินถึงมวลน้ำจาก อ.สะเดา ที่กำลังจะเข้ามา และเมื่อมวลน้ำเข้ามาอย่างรวดเร็ว และเปลี่ยนจาก ‘ธงเขียว’ เป็น ‘ธงแดง’ ได้ไม่นาน น้ำก็ทะลักเข้าสู่เมืองแล้ว
“48 ชั่วโมงก่อนเกิดสาธารณภัยน้ำท่วม ทางศูนย์อำนวยการป้องกันและบรรเทาอุทกภัยเทศบาลนครหาดใหญ่ ที่มีนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่เป็นผู้อำนวยการ ยังเพิ่งออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 และแจ้งว่าอยู่ในสภาวะปกติ ธงเขียว คือความผิดพลาดร้ายแรงในการบริหารจัดการภัยพิบัติ และทำให้คนหาดใหญ่นับแสนต้องเผชิญชะตากรรม สูญเสียชีวิต ทรัพย์สิน บ้าน รถ จมน้ำนับร้อยนับพัน มูลค่าความเสียหายไม่น้อยกว่าหมื่นล้านบาท” สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ หัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ ระบุ
#Explainer #น้ำท่วมหาดใหญ่ #หาดใหญ่ #TheMATTER