รางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปีนี้ ได้มอบให้แก่ Nadia Murad และ Denis Mukwege 2 ผู้รณรงค์ต่อต้านความรุนแรงทางเพศ และการข่มขืนในสงคราม โดย Berit Reiss-Andersen ประธานคณะกรรมการโนเบลกล่าวว่าทั้งคู่มีความสำคัญในการต่อสู้กับอาชญากรรม และทั้ง 2 คนต่างใช้วิธีของตัวเอง ให้เกิดความตระหนักถึงความรุนแรงทางเพศช่วงสงคราม
สำหรับ Murad เธอเป็นสาวยาซิดีวัย 25 ปี ซึ่งเป็นชนกลุ่มน้อยเชื้อสายเคิร์ดที่อาศัยอยู่ทางภาคเหนือของอิรัก ที่เคยถูกจับตัวพร้อมพี่สาวไปทรมานและถูกข่มขืนโดยกลุ่มก่อการร้าย ISIS ในช่วงเดือนสิงหาคม ปี 2014 หลังจากหนีออกมาได้ เธอได้เคลื่อนไหว ต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน และเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้หญิงคนอื่นๆ ให้กล้าหาญ และต่อสู้กับความโหดร้าย
ในปี 2016 Murad ได้รับรางวัลอันทรงเกียรติ Sakharov ของสหภาพยุโรป และรางวัลคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติในยุโรป (Václav Havel) ทั้งการได้รับรางวัลโนเบลในครั้งนี้ ยังทำให้เธอเป็นคนที่อายุน้อยที่สุดคนที่ 2 ที่ได้รางวัลนี้ รองจาก Malala Yousafzai ที่อายุ 17 ปี เมื่อได้รับรางวัลในปี 2014
ด้าน Mukwege เป็นนรีแพทย์ หรือแพทย์ผู้ชำนาญโรคสตรี ชาวคองโก ที่เคยรักษาผู้ที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงทางเพศหลายหมื่นรายในประเทศคองโก ซึ่งคณะกรรมการรางวัลระบุว่าคุณหมอเป็น “สัญลักษณ์สำคัญของการต่อสู้เพื่อยุติความรุนแรงทางเพศในสงครามและความขัดแย้ง ทั้งในประเทศคองโก และทั่วโลก”
โดยในปีนี้ มีผู้ถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมากถึง 331 ชื่อ ทั้งหน่วยงาน และชื่อบุคคล ซึ่งมีการระบุว่า Mukwege มีโอกาสเป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขานี้ มาหลายปีแล้ว และได้รับการถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลมาแล้วกว่า 10 ปีด้วย
อ้างอิงจาก
https://www.theguardian.com/world/live/2018/oct/05/nobel-peace-prize-2018-live-updates
https://www.bbc.com/news/world-europe-45759221
#Brief #TheMATTER