รัฐบาลฝรั่งเศสของเอ็มมานูเอล มาครง ตัดสินใจพักการเก็บภาษีน้ำมันเพิ่มออกไปอีก 6 เดือน หลังเผชิญการต่อต้านการผู้ชุมนุมกลุ่ม ‘เสื้อกั๊กเหลือง’ ที่ทวีความรุนแรงจนกลายเป็นเหตุจลาจล
นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศสเอดูอาร์ด ฟิลลิปป์ ระบุว่า ใครที่ไม่ได้ยินเสียงตะโกนแห่งความโกรธเกรี้ยวต่อนโยบายนี้ คง ‘หูหนวกหรือตาบอด’ เป็นแน่แท้ แม้จะเป็นนโยบายที่ออกมาด้วยเจตนาดี คือเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงของสภาวะภูมิอากาศ ที่เกิดจากการใช้พลังงานฟอสซิลมากเกินไปก็ตาม
ความจริงแล้วการเก็บภาษีนี้จะเริ่มใช้จริงในวันที่ 1 ม.ค.ของปีหน้า แต่พอมาครงตัดสินใจเลื่อนไปอีกครึ่งปี ก็คงต้องไปว่ากันกลางปี 2019 อีกที (แม้โฆษกของกลุ่มผู้ประท้วงจะบอกว่าแค่เลื่อนไม่พอ ต้องยกเลิกไปเลย) โดยปัจจุบันรัฐบาลฝรั่งเศสก็อยู่ระหว่างหามาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจใช้มาตรการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ
การประท้วงการเก็บภาษีน้ำมันเพิ่ม เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา และเริ่มขยายตัวไปเป็นการประท้วงเรื่องความเหลื่อมล้ำ เพราะผู้ประท้วงหลายๆ คนเชื่อว่ามาครงมีแนวคิดที่จะออกนโยบายต่างๆ เพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับคนรวยมากกว่าคนจน
ประเมินกันว่าจำนวนผู้ประท้วงในบางช่วงเวลาอาจมีมากถึง 3-4 หมื่นคน ซึ่งผลจากการเคลื่อนไหวอย่างรุนแรง และมีเหตุปะทะกับเจ้าหน้าที่ของรัฐอยู่เนืองๆ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บกว่า 600 คน และถูกจับกุมไปแล้วกว่า 400 คน
อ้างอิงจาก
https://edition.cnn.com/2018/12/04/europe/france-yellow-vest-protests-intl/index.html
#Brief #TheMATTER