แม้จะยกเลิกแผนขึ้นภาษีน้ำมันในปี 2019 ไปแล้ว แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ทันยุติกระแสความโกรธเกรี้ยวที่ขยายวง จากคัดค้านภาษีดังกล่าวเป็นการขับไล่รัฐบาลของ ‘ม็อบเสื้อกั๊กเหลือง’
ผู้ชุมนุมชาวฝรั่งเศสที่ใช้เสื้อกั๊กสีเหลืองเป็นสัญลักษณ์ได้ชุมนุมคัดค้านการขึ้นภาษีน้ำมันมาตั้งแต่วันที่ 17 พ.ย.ที่ผ่านมา เนื่องจากการขึ้นภาษีดังกล่าวจะทำให้ค่าครองชีพของคนทั่วไปสูงขึ้นมาก ซึ่งการชุมนุมดังกล่าวมีการปะทะกับตำรวจประปรายจนกลายเป็นการจลาจลในหลายๆ จุด จนรัฐบาลของเอ็มมานูเอล มาครง ตัดสินใจเปลี่ยนแผน ตอนแรกแค่จะชะลอการขึ้นภาษีไป 6 เดือน ก่อนจะยกเลิกไปเลย ในภายหลัง
แต่การชุมนุมก็ยังไม่ยุติ เพราะประเด็นของม็อบเสื้อกั๊กเหลืองก็เปลี่ยนไปจากเดิมแล้ว หลังมองว่ารัฐบาลของมาครงทำเพื่อคนรวยมากกว่าคนจน นำไปสู่การขับไล่ผู้นำวัย 40 ปีนี้ในที่สุด ในช่วงที่เจ้าตัวมีคะแนนนิยมตกต่ำที่สุด นับแต่เข้ารับตำแหน่งมา 18 เดือน โดยเหลือเพียง 23% เท่านั้น
สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า รัฐบาลฝรั่งเศสได้ส่งตำรวจกว่า 8-9 พันนายเข้ามาควบคุมสถานการณ์ พร้อมกับขอให้ร้านค้า ร้านอาหาร รวมถึงพิพิธภัณฑ์ในกรุงปารีสบางแห่ง อาทิ ลูฟวร์ ออร์เซย์ ฯลฯ โดยเฉพาะบนถนนฌ็องเซลิเซ่ปิดตัวชั่วคราว รวมถึงแลนด์มาร์กสำคัญอย่างหอไอเฟล ที่จะปิดตัวในวันเสาร์นี้ เพราะคาดว่าช่วงสุดสัปดาห์จะมีคนมาร่วมประท้วงเป็นจำนวนมาก
“เราจะไม่เสี่ยงกับอะไรทั้งนั้น” รมว.กระทรวงวัฒนธรรมของฝรั่งเศสระบุ
สถานการณ์การเมืองในฝรั่งเศสเป็นอะไรที่น่าติดตามอย่างใกล้ชิด
อ้างอิงจาก
#Brief #TheMATTER