ประกาศสละ ‘เงินเดือน’ ยอมทำงานฟรี 3 เดือน ..แล้วทำไมยังมีเสียงต่อว่า แทนที่จะชื่นชม?
ดูเหมือน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะไม่รู้ว่าสิ่งที่ประชาชนจำนวนมาก ‘ต้องการ’ ที่สุดในเวลานี้คืออะไร – ในช่วงเวลาที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจาก COVID-19 ขึ้นสูงสุดทำลายสถิติเดิมหรือ new high แทบจะทุกวัน และการจัดหาวัคซีนที่มีคุณภาพ เพียงพอ และมาทันเวลา ดูจะยังไม่ได้รับการตอบสนองนัก
และทั้งๆ ที่ สละเงินเดือนเรือนแสน ก็ยังมีหลายคนมองว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังมี ‘รายได้’ จากทางอื่นอยู่อีก โดยเฉพาะการเป็นคณะกรรมการชุดต่างๆ กว่า 56 ชุด
The MATTER ใช้เวลาประมาณหนึ่งในการตรวจสอบว่า นับแต่ยึดอำนาจเข้ามาในปี 2557 (ที่เขาจะพูดย้ำๆ ว่า “เสียสละ”) และอยู่ในอำนาจยาวนานถึงปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ได้รับ ‘ค่าตอบแทน’ จากเงินภาษีประชาชนไปมากน้อยเพียงใด ทั้งในรูปแบบของเงินเดือน-เบี้ยประชุม
โดยข้อมูลทั้งหมดนี้ จะนับจนถึงวันที่ 10 ก.ค.2564 ซึ่งครบสองปีที่ พล.อ.ประยุทธ์เข้ามาเป็นนายกฯ สมัยสอง
เป็นช่วงเวลาไม่กี่วัน หลังเจ้าตัวเพิ่งโชว์การนั่งทำงาน เบื้องหน้าภาพ ‘หลังพระ-ปิดทอง’ ออกสื่อ
เงินเดือน
ในขณะที่ประกาศกฎอัยการศึกตอนตีสามของวันที่ 20 พ.ค.2557 และยึดอำนาจในช่วงบ่ายวันที่ 22 พ.ค.2557 พร้อมประกาศจัดตั้ง ‘คณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)’ ขณะนั้น พล.อ.ประยุทธ์รับเงินเดือนในตำแหน่ง ‘ผู้บัญชาการทหารบก’ หรือ ผบ.ทบ. เป็นหลัก กระทั่งเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย.2557
เราไม่ทราบตัวเลขเงินเดือนในฐานะ ผบ.ทบ.ที่แน่ชัด แต่ถ้ายึดจาก พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร ซึ่งมาเป็น ผบ.ทบ.คนถัดไป ที่แจ้งไว้ในบัญชีทรัพย์สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช.เมื่อครั้งพ้นจากตำแหน่ง รมช.กลาโหม ในปี 2560 จะพบว่า อยู่ที่เดือนละ 109,960 บาท จึงขออนุมานว่าน่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงกัน
นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังรับเงินเดือนในฐานะนายกฯ ตั้งแต่วันที่ 24 ส.ค.2557 หลังจากสภาที่คณะรัฐประหารแต่งตั้งอย่าง ‘สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)’ จัดการประชุมเพื่อเลือกนายกฯ ในเชิงพิธีกรรม และเจ้าตัวเป็นคนเดียวที่ได้รับการเสนอชื่อ โดยเงินเดือนนายกฯ จะอยู่ที่ 125,590 บาท
ขณะเดียวกัน พล.อ.ประยุทธ์ยังลงนามใน ‘พรฎ.เงินประจําตําแหน่งและประโยชน์ตอบแทนอื่นของผู้ดํารงตําแหน่งตามรัฐธรรมนูญบางตําแหน่ง พ.ศ.2557’ เพื่อกำหนดเงินเดือนให้กับสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) สนช. และ คสช. ส่งผลให้เจ้าตัวและคนใน คสช.จะได้รับเงินเดือนหลายทาง โดยเงินเดือนในฐานะหัวหน้า คสช. พล.อ.ประยุทธ์จะได้รับหลังเกษียณอายุราชการจากการเป็นข้าราชการประจำ คือ ผบ.ทบ.ไปแล้ว
– ดูเพิ่มเติมได้ที่: https://www.senate.go.th/assets/portals/1/files/Decree_money_2557.pdf
กล่าวโดยสรุป หลังรัฐประหารในปี 2557 เขาจะได้รับเงินเดือนจาก 3 แหล่งหลักๆ
1.) ผบ.ทบ. (จนถึงวันที่ 30 ก.ย.2557) เดือนละราว 109,960 บาท *อนุมานจากเงินเดือนของ พล.อ.อุดมเดช ผบ.ทบ.คนถัดไป
2.) หัวหน้า คสช. (ระหว่างวันที่ 1 ต.ค.2557 – 16 ก.ค.2562) เดือนละ 125,590 บาท
3.) นายกรัฐมนตรี (ระหว่างวันที่ 24 ส.ค.2557 – ปัจจุบัน) เดือนละ 125,590 บาท *แม้ตอนเป็นนายกฯ สมัยสองจะควบตำแหน่ง รมว.กลาโหมด้วย แต่ตามกฎหมายให้รับเงินเดือนจากตำแหน่งเดียวที่ได้สูงกว่าแค่ตำแหน่งเดียว
เมื่อ The MATTER ลองนำรายได้จากเงินเดือนที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับทั้ง 3 ตำแหน่งมาคำนวณ (โดยคิดเป็นรายวัน!) จะพบว่าตัวเลขรายได้ในส่วนนี้ที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้รับจะอยู่ที่ราว 18,067,192 บาท
ซึ่งในช่วงวิกฤต COVID-19 เจ้าตัวเคยประกาศบริจาคเงินเดือนในฐานะนายกฯ ของเดือน มี.ค.2563 เข้า ‘กองทุนสนับสนุนการดำเนินการแก้ไขปัญหาจาก COVID-19’ ของสำนักงานปลัดสำนักนายกฯ(สปน.) และประกาศไม่รับเงินเดือนในฐานะนายกฯ ของเดือน ก.ค.-ส.ค.-ก.ย.2564 ล่วงหน้าอีกด้วย
เบี้ยประชุม
หลังจากเห็นข้อมูลที่แชร์กันในโซเชียลมีเดียว่า พล.อ.ประยุทธ์ร่วมอยู่ในคณะกรรมการ 56 ชุด เราก็ทำการตรวจสอบเพื่อยืนยันข้อเท็จจริง (factchecking) ทันทีว่า ในปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ร่วมอยู่ในคณะกรรมการชุดต่างๆ ของราชการที่ได้รับเงินเดือนกี่ชุดกันแน่ โดยตรวจสอบจากวาระการประชุม คำสั่งและเอกสารการแต่งตั้งต่างๆ ซึ่งทำได้ไม่ง่ายนัก เพราะอยู่ค่อนข้างกระจัดกระจาย
ก่อนจะพบข้อมูลที่ยืนยันได้ว่า ถึงปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ร่วมเป็นคณะกรรมการของภาครัฐแบบที่ได้เบี้ยประชุมอย่างน้อย 30 คณะ (ซึ่งทุกคณะเจ้าตัวในฐานะนายกฯ จะเป็น ‘ประธานกรรมการ’) ที่เราขอจัดเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ ดังนี้
ก. คณะกรรมการที่ได้เบี้ยประชุมและหาตัวเลขเบี้ยประชุมได้ มีอย่างน้อย 19 คณะ
- คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) / ได้เบี้ยประชุมรายเดือน เดือนที่มีประชุมจะได้ 10,000 บาท
- คณะกรรมการนโยบายเทคโนโลยีป้องกันประเทศ / ได้เบี้ยประชุมรายเดือน เดือนที่มีประชุมจะได้ 20,000 บาท
- คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ / ได้เบี้ยประชุมรายครั้ง ครั้งละ 20,000 บาท
- คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐ / ได้เบี้ยประชุมรายเดือน เดือนที่มีประชุมจะได้ 10,000 บาท
- คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) / ได้เบี้ยประชุมรายเดือน เดือนที่มีประชุมจะได้ 10,000 บาท
- คณะกรรมการนโยบายตำรวจแห่งชาติ (ก.ต.ช.) / ได้เบี้ยประชุมรายเดือน เดือนที่มีประชุมจะได้ 10,000 บาท
- คณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) / ได้เบี้ยประชุมรายเดือน เดือนที่มีประชุมจะได้ 10,000 บาท
- คณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) / ได้เบี้ยประชุมรายเดือน เดือนที่มีประชุมจะได้ 10,000 บาท
- คณะกรรมการนโยบายเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศสำหรับอุตสาหกรรมเป้าหมาย / ได้เบี้ยประชุมรายเดือน เดือนที่มีประชุมจะได้ 10,000 บาท
- คณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ / ได้เบี้ยประชุมรายเดือน เดือนที่มีประชุมจะได้ 10,000 บาท
- คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ / ได้เบี้ยประชุมรายเดือน เดือนที่มีประชุมจะได้ 10,000 บาท
- คณะกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาค (ก.บ.ภ.) / ได้เบี้ยประชุมรายเดือน เดือนที่มีประชุมจะได้ 10,000 บาท
- คณะกรรมการบริหารงานจังหวัดและกลุ่มจังหวัดแบบบูรณาการ (ก.น.จ.) / ได้เบี้ยประชุมรายเดือน เดือนที่มีประชุมจะได้ 10,000 บาท
- คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน / ได้เบี้ยประชุมรายเดือน เดือนที่มีประชุมจะได้ 10,000 บาท
- คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม / ได้เบี้ยประชุมรายครั้ง ครั้งละ 10,000 บาท
- คณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เฉพาะกิจ) / ได้เบี้ยประชุมรายครั้ง ครั้งละ 10,000 บาท
- สภาความมั่นคงแห่งชาติ / ได้เบี้ยประชุมรายเดือน เดือนที่มีประชุมจะได้ 10,000 บาท
- สภากลาโหม / ได้เบี้ยประชุมรายเดือน เดือนที่มีประชุมจะได้ 10,000 บาท
- คณะกรรมการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ยุทธศาสตร์ชาติ และการสร้างความสามัคคีปรองดอง (ป.ย.ป.) / ได้เบี้ยประชุมรายครั้ง ครั้งละ 6,000 บาท
ข. คณะกรรมการที่มีสิทธิได้รับเบี้ยประชุม/เบิกเบี้ยประชุมได้ แต่ยังหาตัวเลขเบี้ยประชุมไม่พบ (ใครรู้ช่วยบอกที) มีอย่างน้อย 11 คณะ
- คณะกรรมการขับเคลื่อน 5G แห่งชาติ / ตั้งโดยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 133/2563
- คณะกรรมการจิตอาสาพัฒนาคุณภาพชีวิตเพื่อความสุขของประชาชน / ตั้งโดยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 156/2563
- คณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
- คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ / ตั้งโดยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 194/2562
- คณะกรรมการบริหารการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ-เศรษฐกิจหมุนเวียน-เศรษฐกิจสีเขียว (Bio-Circular-Green Economy : BCG Model) / ตั้งโดยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 325/2562
- คณะกรรมการบริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ศบค. / ตั้งโดยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 76/2563
- คณะกรรมการอำนวยการเตรียมความพร้อม ป้องกัน และแก้ไขปัญหาโรคติดต่ออุบัติใหม่แห่งชาติ / ตั้งโดยคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 23/2563
- คณะกรรมการอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร
- คณะกรรมการนโยบายการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ (กพศ.)
- คณะกรรมการบริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ศบศ.
- คณะกรรมการประสานงานและสนับสนุนงานโครงการหลวง (กปส.)
ส่วนรายชื่อคณะกรรมการ 56 คณะที่แชร์ๆ กัน หลายคณะมีมาก่อนปี 2562 ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกฯ สมัยสอง และหลายคณะได้มอบหมายให้บุคคลอื่นไปเป็นประธานกรรมการแทน เช่น คณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (เทวัญ ลิปตพัลลภ รมต.ประจำสำนักนายกฯ), คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ), คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ (จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ รองนายกฯ), สภานโยบายการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรมแห่งชาติ (ดอน ปรมัตย์วินัย รองนายกฯ) เป็นต้น
– ดูเพิ่มเติมได้ที่: https://www.soc.go.th/wp-content/uploads/2020/08/authorize_13082563_1.pdf
จากการคำนวณเบื้องต้นของเรา พบว่า พล.อ.ประยุทธ์จะได้รับ ‘เบี้ยประชุม’ จากการเข้าประชุมคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่เป็นประธานกรรมการ (เฉพาะที่หาตัวเลขเบี้ยประชุมได้) ตลอดทั้ง 2 ปีที่ผ่านมา (ระหว่างวันที่ 10 ก.ค.2562 – 10 ก.ค.2564) อย่างน้อย 1,076,000 บาท โดยคณะกรรมการที่เจ้าตัวได้รับเบี้ยประชุมมากที่สุด 3 ลำดับแรก คือ ก.ตร. 190,000 บาท, สภากลาโหม 170,000 บาท คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนกับคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) 100,000 บาท ตามลำดับ
ใครเจอข้อมูลการร่วมอยู่ในคณะกรรมการชุดอื่นๆ ของ พล.อ.ประยุทธ์ หรือตัวเลขเบี้ยประชุมคณะกรรมการที่ The MATTER หาไม่พบ สามารถแจ้งเข้ามาได้เสมอ ทางเรายินดีแก้ไขเพิ่มเติมข้อมูลให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น
ทรัพย์สิน
ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง โดยเฉพาะคนในตำแหน่งสำคัญๆ อย่างนายกฯ รัฐมนตรี ส.ส. และ ส.ว. จะต้องแจ้งบัญชีทรัพย์สินเมื่อเข้ารับตำแหน่งและพ้นจากตำแหน่ง (ในอดีตถ้าพ้นจากตำแหน่งครบ 1 ปียังต้องแจ้งด้วย) แต่ข้อกำหนดนี้ก็ถูกแก้ไขโดย สนช. ซึ่งเป็นกลุ่มบุคคลซึ่ง คสช.ตั้งขึ้นมาทำงานแทนรัฐสภาในช่วงเวลาของการยึดอำนาจ (หลายคนตอนนี้มาเป็น ส.ว.แต่งตั้ง)
โดยระบุว่าไว้ในมาตรา 105 ของกฎหมาย ป.ป.ช. ฉบับแก้ไขเมื่อปี 2561 ว่า
“ในกรณีที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถ้าพ้นจากตำแหน่งและได้รับแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งเดิมหรือตำแหน่งใหม่ภายใน 1 เดือน ผู้นั้นไม่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สิน กรณีพ้นจากตำแหน่งและกรณีเข้าดำรงตำแหน่งใหม่ แต่ไม่ต้องห้ามที่ผู้นั้นจะยื่นเพื่อเป็นหลักฐาน”
ส่วนผลให้ พล.อ.ประยุทธ์รวมถึงรัฐมนตรีอีก 6 คนที่เคยอยู่ใน ‘ครม.ประยุทธ์1’ และได้ไปต่อใน ‘ครม.ประยุทธ์2’ ไม่จำเป็นต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินใหม่ เมื่อเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีอีกครั้ง
แม้วิษณุ เครืองาม รองนายกฯ ฝ่ายกฎหมาย จะอ้างว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินของตัวเองไว้กับ ป.ป.ช. ตอนเข้ารับตำแหน่งนายกฯ อีกครั้งในปี 2562 ไปแล้ว แต่เมื่อ The MATTER ทำหนังสือไปขอดู ทาง ป.ป.ช. ก็ปฏิเสธ โดยอ้างว่ากฎหมายไม่ได้ให้อำนาจในการเปิดเผย
ทำให้ ‘ตัวเลขทรัพย์สินของ พล.อ.ประยุทธ์’ ที่เรารับรู้ล่าสุด คือตัวเลขของเมื่อปี 2557 โน่น
ครั้งนั้น พล.อ.ประยุทธ์และคู่สมรสแจ้งว่า มีทรัพย์สินมากกว่าหนี้สิน 128 ล้าน ซึ่งหากใครยังจำกันได้ ข้อมูลในบัญชีทรัพย์สินดังกล่าว โดยเฉพาะรายได้จากการขายที่ดิน 540 ล้านบาท ให้กับบริษัทในเครือของมหาเศรษฐียักษ์ใหญ่ของประเทศรายหนึ่งรายหนึ่ง และแบ่งเงินก้อนนี้ให้กับบุตรสาวฝาแฝด และพี่น้อง (พล.อ.ปรีชา, ประคัลภ์ จันทร์โอชา และ พล.อ.ต.ประกายเพชร จันทร์โอชา) ถูกสื่อมวลชนบางสำนักตรวจสอบอย่างหนัก โดยเมื่อถามเรื่องนี้กับ พล.อ.ประยุทธ์ครั้งใด เจ้าตัวจะออกอาการหงุดหงิดเสมอ
เวลาผ่านมา 7 ปีแล้ว พล.อ.ประยุทธ์ได้รับเงินเดือนจากตำแหน่งต่างๆ ราว 18 ล้านบาท และได้รับเบี้ยประชุมจากคณะกรรมการชุดต่างๆ ปีละหลายแสนบาท แต่สาธารณชนไม่สามารถตรวจสอบได้เลยว่า ‘บรรทัดสุดท้าย’ ในบัญชีทรัพย์สินเจ้าตัวมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นมากน้อยเพียงใด และการที่ต้องจ่าย ‘ค่าน้ำค่าไฟ’ บ้านพักสวัสดิการกองทัพบก เลขที่ 253/54 ในกรมทหารราบที่ 1 รักษาพระองค์ (ซึ่งอาศัยมาตั้งแต่ปี 2555) เองแล้วนับแต่ต้นปีนี้ จะกระทบกับเงินในกระเป๋าของเจ้าตัวหรือไม่
กรณีบริหารจัดการวิกฤต COVID-19 ล้มเหลว จนขนาดประกาศสละเงินเดือน 3 เดือนก็ยังหาคนชื่นชมได้ยาก ก็เรื่องหนึ่ง
แต่การได้รับเงินเดือน-รายได้หลายทาง ทั้งที่ปากบอกเสมอว่า “เสียสละ” หรือการแก้ไขกฎหมายจนความโปร่งใสลดลง ก็เป็นอีกเรื่อง
ช่วงเวลา 7 ปีเศษ ภายใต้ผู้นำคนนี้ (และเครือข่ายที่อยู่ข้างหลัง) ประเทศก้าวไปข้างหน้าหรือเดินถอยหลัง เชื่อว่าทุกๆ คนคงมีคำตอบอยู่ในใจ วิกฤต COVID-19 เป็นเพียงตัวเร่งให้เห็นสภาพความเป็นจริงได้แจ่มชัดยิ่งขึ้น
#Politics #รายได้ #เงินเดือน #เบี้ยประชุม #ประยุทธ์ #TheMATTER