10 ปีที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุสะเทือนใจหลังมีรายงานว่ามีรถกระบะแต่งซิ่งขับชนร้านสเต็ก จน ‘น้องการ์ตูน’ เด็กหญิงไว้ 5 ขวบต้องพิการติดเตียง รวมถึงผู้เป็นพ่อเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ
จนล่าสุดในปีที่ผ่านมา คดีก็ขาดอายุความลง พร้อมกับคำถามว่าด้วยช่องว่างทางกฎหมายของคดีเมาแล้วขับ และบทลงโทษของจำเลยในคดีลักษณะนี้
- 19 กันยายน 2557 เกิดเหตุรถกระบะแต่งซิ่ง ยี่ห้อฟอร์ด เรนเจอร์ สีดำ พุ่งชนร้านสเต็กลุงใหญ่ ซึ่งเป็นร้านของครอบครัวน้องการ์ตูน ตั้งอยู่ริมถนนพุทธมณฑลสาย 1 เขตบางบอน กรุงเทพฯ
- เป็นเหตุให้ นายภาณุทัต ศักดิ์สืบพรรณ พ่อของน้องการ์ตูน เสียชีวิตทันที ณ จุดเกิดเหตุ
- น้องการ์ตูน ซึ่งขณะนั้นอายุ 5 ขวบ ได้รับบาดเจ็บสาหัส สมองเสียหาย 75% ตาบอด และไม่สามารถพูดได้ และกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง
- คนขับรถกระบะ คือ น้ำผึ้ง ใจเสงี่ยม ถูกจับกุมในที่เกิดเหตุ โดยตรวจพบว่ามีปริมาณแอลกอฮอล์ในเลือดสูงเกินกว่าที่กฎหมายกำหนด ทั้งนี้ แม่น้องการ์ตูนตั้งขอสังเกตว่าคนขับอาจไม่ใช่ตัวจริง เนื่องจากกล้องวงจรปิดจับภาพได้ว่ามีรถสองคันแข่งกันมา
- ปลายปี 2557 สามี(ในขณะนั้น)ของน้ำผึ้งโพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊ก ว่า “เสียเวลากับแม่ลูกสเต็ก” และ “ไม่จ่ายแน่ ยืดเต็มอายุความ”
- มีนาคม 2558 ศาลอาญาธนบุรีพิพากษาคดี น้ำผึ้ง จำเลย ในข้อหาขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้รับบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินเสียหาย และเมาแล้วขับ ให้จำคุก 1 ปี โดยไม่รอลงอาญา ให้จ่ายค่าปรับ
- และสั่งให้ชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่ครอบครัวของน้องการ์ตูนและผู้เสียหาย เป็นจำนวนเงินประมาณ 6.3 ล้านบาท
- น้ำผึ้งถูกคุมขังในเรือนจำ ในปี 2558 โดยไทยรัฐออนไลน์ รายงานว่า ครอบครัวน้องการ์ตูนเริ่มสืบทรัพย์ แต่ไม่พบเนื่องจากมีการโอนหลบเลี่ยงทรัพย์สิน
- นับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ ครอบครัวของน้องการ์ตูนเผชิญกับภาระค่าใช้จ่ายในการดูแลน้องการ์ตูนที่หนักหน่วง เนื่องจากน้องกลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ อาหารทางสายยาง และการดูแลตลอด 24 ชั่วโมง โดยแม่น้องการ์ตูนเผยว่า รวมถึงตอนนี้เป็นหลักหลายล้านบาท
- ด้วยภาระด้านค่ารักษา ทำให้ในปี 2561 โรงพยาบาลฟ้องครอบครัวน้องการ์ตูนมูลค่า 1.9 ล้านบาท จากการที่ไม่ได้ชำระค่ารักษา
- ปี 2565 แม่น้องการ์ตูนเริ่มโพสต์ขอความช่วยเหลือผ่านทางเฟซบุ๊กเพจ โดยระบุถึงภาระค่าใช้จ่ายที่หนักหน่วง จนไม่มีเงินสำหรับชำระค่าไฟฟ้า
- ปี 2566 ก่อนคดีขาดอายุความในปีต่อไป แม่น้องการ์ตูนได้รับคำแนะนำด้านกฎหมาย เพื่อต่อสู้เฮือกสุดท้าย โดยการเรียกร้องให้ทนายช่วยฟ้องล้มละลายแก่คู่กรณี เพื่อขยายเวลาชดใช้สินไหม แต่แม้สุดท้ายอาจถูกฟ้องล้มละลายจริง ก็จะมีผลอยู่เพียง 3 ปีอยู่ดี
- จนวันที่ 19 กันยายน 2567 ครบ 10 ปีนับจากเกิดเหตุการณ์ คดีน้องการ์ตูนก็ได้ขาดอายุความลง นั่นหมายถึงการไม่สามารถเรียกร้องความยุติธรรมทางกฎหมายใดๆ ได้อีก
- วันที่ 1 พฤษภาคม 2568 คุณแม่ตัดสินใจยุติการรักษาน้องการ์ตูน หลังจากปรึกษาแพทย์และครอบครัว เนื่องจากน้องการ์ตูนต้องทนทุกข์ทรมานกับอาการเจ็บปวดมานานกว่า 10 ปี โดยไม่มีวี่แววว่าจะฟื้นตัวได้ และต้องการให้น้องได้จากไปอย่างสงบและไม่เจ็บปวดอีกต่อไป
- 11 มิถุนายน 2568 คุณแม่ของน้องการ์ตูน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว แจ้งข่าวเศร้าว่า น้องการ์ตูน ได้จากไปอย่างสงบแล้ว ด้วยวัย 16 ปี หลังจากต่อสู้กับอาการบาดเจ็บมานานกว่า 10 ปี
- คดีน้องการ์ตูน ได้ทิ้งรอยแผลเป็นและความเจ็บปวดให้กับครอบครัวตลอด 10 ปีที่ผ่านมา และยังเป็นกรณีศึกษา ที่สะท้อนถึงช่องโหว่และปัญหาในการบังคับใช้กฎหมายสำหรับคดีเมาแล้วขับ ที่ผู้เสียหายต้องรับภาระทั้งหมด ทั้งยังมีช่องโหว่ทางกฎหมายที่ทำให้หลีกเลี่ยงการรับผิดชอบได้
- ล่าสุด ในวันเดียวกันกับที่น้องการ์ตูนเสียชีวิต มีรายงานว่า นายโกศลวัฒน์ อินทุจันทร์ยง อธิบดีอัยการ สำนักงานอัยการคุ้มครองสิทธิและช่วยเหลือทางกฎหมายและการบังคับคดี เผยว่า สำนักงานอัยการสูงสุด จะมีแนวทางในการสั่งฟ้องคดีเมาแล้วขับใหม่
- โดยเมื่ออัยการได้รับสำนวนคดี ที่มีการดำเนินคดีกับผู้ที่เมาแล้วขับ ให้พิจารณาว่ามีการขับรถโดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยหรือความเดือดร้อนของผู้อื่น ตาม พ.ร.บ.จราจร มาตรา 43(8) ด้วยหรือไม่
- หากพิจารณาว่าผิดและยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหานี้ ก็ให้พนักงานอัยการสั่งกับพนักงานสืบสวนแจ้งข้อหาเพิ่ม และในการฟ้องคดีให้พนักงานอัยการขอให้ศาลสั่ง ‘ริบรถ’ เป็นของกลาง
- หลังจากนี้จึงเป็นประเด็นที่น่าติดตามต่อถึงการปรับปรุงหรือแก้ไขข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการบังคับคดีเพื่อชดใช้ค่าสินไหมทดแทน ว่าจะจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งคดีของน้องการ์ตูนและในอดีตที่ผ่านมา จะทำให้มีการปรับปรุงแก้ไขอย่างไรต่อไปหรือไม่ ให้ข้อกฎหมายมีความยุติธรรมต่อผู้เสียหายมากที่สุด