เจ็บคอก็ขอยาแก้อักเสบ ปวดหัวก็ขอยาแก้อักเสบ เป็นสิวก็ขอยาแก้อักเสบ การมองยาแก้อักเสบเป็นเหมือนยาวิเศษและเชื่อว่ายาแก้อักเสบทำให้อาการที่เป็นอยู่หายได้อย่างรวดเร็วกำลังจะต้องพังทลายลงเสียแล้ว โดยล่าสุดโลกกำลังจะเดินทางเข้าสู่ยุคที่ยากำลังจะช่วยอะไรเราไม่ได้อีกต่อไป
ยาแก้อักเสบ: ยาวิเศษหรือความเข้าใจผิด ?
เรามักเข้าใจกันว่ายาแก้อักเสบคือยาที่ทำให้ไม่อักเสบและอาการป่วยที่เป็นอยู่หายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น แต่จริงๆ แล้วยาแก้อักเสบที่เราเรียกกันอย่างติดปาก คือ’ยาปฏิชีวนะ’ หรือแอนติไบโอติค (antibiotic) เป็นยารักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อ (ซึ่งโดยทั่ว ๆ ไปก็จะหมายถึงเชื้อแบคทีเรีย) โดยยาปฏิชีวนะที่ว่านี้ก็มีหลากหลายชนิดเพื่อให้ตรงกับเชื้อแต่ละประเภท และใช้ในขนาดที่เหมาะสม
โคลิสติน: สุดยอดยาปฏิชีวะที่กำลังจะพ่ายแพ้ต่อเชื้อแบคทีเรีย
‘โคลิสติน’คือยาปฏิชีวนะที่ทำหน้าที่เป็นยาตัวสุดท้ายเมื่อใช้ยาปฏิชีวนะอื่น ๆ ไม่ได้ผล โคลิสตินจึงไม่ต่างอะไรกับสุดยอดยาปฏิชีวนะที่ทำหน้าที่เป็นความหวังของผู้ป่วยที่เชื้อดื้อยาตัวอื่นๆ มาหมดแล้ว
แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้าเมื่อโคลิสตินกำลังจะพ่ายแพ้ต่อเชื้อโรค โดยปลายปีที่แล้วผู้ป่วยที่จีนรายหนึ่งแสดงอาการดื้อยาโคลิสติน ซึ่งหมายความว่าโลกกำลังเดินทางเข้าสู่ยุคที่ยาปฏิชีวนะจะไม่สามารถรักษาโรคที่เกิดจากการติดเชื้อได้ ความกังวลจึงแพร่ขยายไปทั้งวงการแพทย์
ความวิตกไม่หยุดเพียงแค่นั้น เพราะล่าสุดพบผู้ป่วยรายหนึ่งที่สหรัฐอเมริกาก็แสดงอาการดื้อยาโคลิสตินเช่นกัน ทำให้คาดการได้ไม่ยากว่าเชื้อที่ดื้อยาตัวนี้มีอยู่ทั้งในเอเชียและยุโรป ข่าวร้ายยิ่งกว่านั้นคือดีเอ็นเอที่ทำให้แบคทีเรียด
แบคทีเรียจอมดื้อยา มีอยู่ที่ไหนบ้าง ?
แบคทีเรียที่ดื้อต่อโคลิสตินไม่ได้เป็นแบคทีเรียร้ายแรงอย่างในหนังซอมบี้แบบที่เราจินตนาการไว้เท่าไหร่ แต่กลับอาศัยอยู่ในที่ที่ง่ายต่อการรับเชื้อจนเรานึกไม่ถึงอย่างในสัตว์ตามแหล่งปศุสัตว์ รวมถึงที่ที่เราล้วนมีโอกาสรับเชื้ออย่างเนื้อที่วางขายอยู่ตามซุปเปอร์มาเกตทั่วไปนี่เอง
โลกที่เราเคยเชื่อว่ายาปฏิชีวนะรักษาได้ทุกอย่างกำลังเดินทางมาถึงทางตัน แต่ศูนย์ควบคุมป ้องกันโรคก็พยายามบอกเราให้มีความหวังว่ายังไม่มีเชื้อแบคทีเรียตัวใดที่ดื้อต่อยาทุกตัวเสียทีเดียว อย่างไรก็ตามสำหรับผู้ป่วยบางคนนี่คือสัญญานว่าโคลิสตินสุดยอดยาปฏิชีวนะใช้รักษาเชื้อให้เขาไม่ได้อีกต่อไป จึงน่าจับตามองไม่น้อยว่าวงการการแพทย์จะต่อกรกับวิกฤตทางตันของยาปฏิชีวนะอย่างไรต่อไป
อ้างอิงข้อมูลจาก