“People who deny the existence of dragons are often eaten by dragons. From within.”
— The Wave in the Mind, Ursula K. Le Guin
[คนที่ไม่เชื่อในมังกร มักจะถูกมังกรกลืนกิน จากภายใน]
คุณยังเชื่อในมังกรอยู่รึเปล่า Ursula K. Le Guin นักเขียนแนวแฟนตาซีคนสำคัญคนหนึ่งของยุค เตือนเราว่า เมื่อเราหลงลืมและละทิ้งโลกแห่งจินตนาการ สุดท้ายเราอาจกำลังถูกกลืนกินจากภายใน เมื่อก่อนเราเงยหน้ามองท้องฟ้าแล้วเห็นเรื่องราวไม่รู้จบ แต่ถ้าวันนี้เราเห็นเพียงความว่างเปล่า ท้องฟ้าที่ไร้จินตนาการก็คงไม่ต่างอะไรกับตัวตนภายในที่เหือดแห้งถูกเขมือบกลืนไป เมื่อวันจันทร์ (22 มกราคม) ที่ผ่านมานักเขียนผู้ชวนให้เราเชื่อในเรื่องมหัศจรรย์ได้จากโลกนี้ไปในวัย 88 ปี
Ursula K. Le Guin เป็นนักเขียนมืออาชีพ ที่โดดเด่นด้านงานเขียนแนวแฟนตาซี-ไซไฟ ผลงานสำคัญเช่นงานเขียนชุด A Wizard of Earthsea วรรณกรรมแนวแฟนตาซีที่สตูดิโอจิบลิเอามาทำเป็นอนิเมชั่นในปี 2006 อีกหนึ่งงานเขียนสำคัญคือ The Left Hand of Darkness งานเขียนแนวไซไฟที่ทำให้เธอขึ้นแท่นนักเขียนไซไฟชั้นแนวหน้าของยุคสมัย
นอกจากงานเขียนสร้างชื่อแล้ว Le Guin ถือเป็นนักเขียนอาชีพที่มีงานแทบทุกประเภทและผลิตงานอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่เรื่องสั้นเรื่องแรกตอนอายุ 11 ปีจนกระทั่งถึงช่วงบั้นปลายของชีวิต เธอเขียนทั้งงานแนวบันเทิงคดี บทความ หนังสือสำหรับเยาวชน บทกวี เรื่อยไปจนถึงคู่มือการสร้างงานเขียน งานเขียนชิ้นสุดท้ายของเธอคือ No Time to Spare เพิ่งตีพิมพ์ไปหนึ่งเดือนก่อนหน้าที่เธอจะจากโลกนี้ไป
งานเขียนของ Le Guin แม้ว่าจะเป็นการสร้างโลกที่พ้นไปจากโลกแห่งความจริง แต่ในโลกแฟนตาซีหรือดินแดนต่างดาวของเธอนั้น กลับให้ภาพและปัญหาที่เราทุกคนต่างสัมผัสได้ แน่นอนว่าพอเราพูดถึงไซไฟเรามักนึกถึงนักเขียนยิ่งใหญ่ที่เป็นผู้ชาย งานไซไฟของเธอจึงมีความโดดเด่นด้านการนำเสนอประเด็นเรื่องเพศสถานะและความลื่นไหลทางเพศ นวนิยายของเธอได้รับรางวัลสำคัญด้านงานแนวแฟนตาซีและไซไฟทั้งจาก Hugo Award และ Nebula and Locus awards หลายต่อหลายครั้ง
Le Guin ถือเป็นนักเขียนที่ยิ่งใหญ่และส่งอิทธิพลกับนักเขียนชั้นครูคนสำคัญของโลกโดยเฉพาะเหล่านักเขียนที่พาเราก้ามข้ามเส้นแบบของดินแดนแห่งความจริงและโลกในจินตนาการ นักเขียนสำคัญๆ เช่น Salman Rushdie ผู้เล่าประวัติศาสตร์และความขัดแย้งในอินเดียด้วยประกายของความมหัศจรรย์, David Mitchell ผู้ชี้ชวนให้เราเห็นความเชื่อมโยงของสรรพสิ่งภายใต้จักรวาลและกาลเวลาใน เมฆาสัญจร (Cloud Atlas) รวมถึงเจ้าพ่องานแฟนตาซีที่มืดมนเล็กน้อยเช่น Neil Gaiman ต่างเป็นนักเขียนที่ได้รับพลังจากเธอทั้งสิ้น
ในวันที่นักเขียนยิ่งใหญ่คนหนึ่งจากโลกนี้ไป สิ่งสำคัญและพรของการเป็นนักเขียนคือแม้ว่าเขาหรือเธอนั้นได้ลาจากผืนดินนี้ไป แต่น้ำเสียง โลก และเรื่องราวที่คนคนนั้นสร้างไว้ย่อมจะยังคงอยู่กับเราเสมอ ดังเช่นที่ Gaiman ทวีตถึงเธอว่า “ถ้อยคำของเธอย่อมยังอยู่กับเรา บ้างนั้นได้สลักไว้กระทั่งในวิญญาณของผม”
ด้วยความรำลึกและถ้อยคำที่จะไม่หายไปไหน
อ้างอิงข้อมูลจาก
ขอบคุณภาพประกอบจาก literary-arts.org