ก้าวแรกไม่เป็นไร ก้าวต่อไปไฟเริ่มไหม้สบง… แม้จะแป้กบ้าง ฮาบ้าง แต่ความขำขันก็เป็นอะไรที่อยู่คู่กับคนไทยเราเสมอ แต่เราเบื่อกับมุกเดิมๆ รึยังนะ ปี ค.ศ. 2019 พัฒนาการความขำขันไปถึงไหนกันแล้ว
The MATTER พาไปสำรวจความตลกแบบไทยๆ ผ่านรายการเรียกเสียงหัวเราะ ‘บริษัทฮาไม่จำกัด (มหาชน)’ ที่อยู่กับเรามานาน และน่าจะพอทำให้เห็นภาพกว้างๆ ของมุกตลกไทยได้ จาก20 ตอน ความยาวตอนละ 45 นาที ออกอากาศระหว่างเดือนกุมภาพันธ์-กรกฎาคม ค.ศ. 2019 (ตอนที่ 68-87) นับไปนับมา รู้ตัวอีกทีก็เล่นมุกกันไปกว่า 3,320 ครั้ง
โดยเกณฑ์ที่ใช้ในการนับว่าอะไรคือการ ‘เล่นมุก’ จะดูการโยนมุกจากบุคคลหนึ่งไปอีกบุคคลหนึ่ง 1 ครั้ง คิดเป็น 1 มุก …รอนานๆ เดี๋ยวจะฝืดเอา ว่าแล้วก็ไปดู 10 ประเภทมุกตลกยอดฮิตกันเลย…แทน แท่น แท่น แท้น!
อันดับ 1 : มุกอำ มุกด้นสด 20.48% (จำนวน 680 ครั้ง)
ไหวพริบและความฉับไว ทักษะที่แทบไม่มีเวลาให้ใครได้คิด ชงมาก็ต้องรีบตบกลับไปให้ไว ไม่งั้นก็อาจจะโดนคนอื่นชิงไปเล่นก่อน ดังนั้นมุกอำหรือมุกด้นสดเลยกลายเป็นมุกที่ถูกใช้มากที่สุดเป็นอันดับหนึ่ง
หากใครเป็นแฟนคลับรายการจะเห็นว่าอำกันแรงจริงๆ ไม่ว่าจะเป็น ‘บอล เชิญยิ้ม’ ขาประจำที่ชอบโยนมุกให้คนอื่นแบบตั้งตัวไม่ทัน ทั้งต้องเต้นหรือคิดเรื่องเล่ากันแบบสดๆ โดยคนที่รับกรรมบ่อยที่สุดนั่นก็คือ ‘แจ๊ส ชวนชื่น’ ที่ถึงกับเคยเอ่ยปากว่า “คนที่อยู่กับมึงได้นี่ ถ้าไม่เก่งไปเลย ก็เป็นบ้าไปเลย” นอกจากนี้ยังเคยแกล้งแขกรับเชิญอย่าง ‘เจี๊ยบ เชิญยิ้ม’ หรือแม้แต่ ‘น้าค่อม ชวนชื่น’ เอง โดยเปิดรายการตอนที่พวกเขากำลังหลับอยู่ เรียกว่าเขินไปตามๆ กัน ไหนจะแกล้งหลอกให้เพื่อนเดินเข้าฉากไปคนเดียว แกล้งดักมุกที่อีกคนหนึ่งเตรียมจะเล่นไว้ กลายเป็นไม่เหลือมุกให้เล่นไปเลย
อันดับ 2 : มุกครอบครัว มุกทะลึ่ง 17.05% (จำนวน 566 ครั้ง)
‘เป็นตลกต้องมีเมียเยอะ’ อาจเป็นประโยคที่หลายคนเคยได้ยิน (ส่วนจะจริงหรือไม่ เป็นอีกเรื่อง) หรือเป็นเพียง ‘มุก’ ที่สร้างขึ้นมาเพื่อใช้อำเป็นเรื่องตลกขบขัน ศิลปินตลกชายมักจะมีมาดของความเจ้าชู้อยู่ในตัวเกือบทุกคน มีการแซวเรื่องเมียน้อยคนนั้นคนนี้ การพูดถึงการไปเที่ยวกลางคืนให้เป็นเรื่องขำขัน บ้างก็มีมุกที่เล่นกันถึงเนื้อถึงตัว การใช้ท่าทางหรือคำที่สองแง่สองง่ามส่อไปเป็นเรื่องใต้สะดือซะหมด
แต่ละคนก็มีความโดดเด่นให้เห็นกันไปคนละแบบ อย่าง ‘ตั๊ก บริบูรณ์’ ก็มักจะเป็นเรื่องของการถึงเนื้อถึงตัว การพูดถึงสถานบันเทิงอาบอบนวด ที่พาดพิงไปยังหลายๆ คน ส่วน ‘แจ๊ส ชวนชื่น’ ก็มักจะถูกพาดพิงถึงชื่อตัวละครลับอย่าง ‘สาลี่’ หรือ ‘น้องจันทร์เจ้า’ ที่ถูกแซวว่าเป็นบ้านเล็กอีกบ้านหนึ่งที่อยู่จังหวัดสุพรรณบุรี
อันดับ 3 : มุกแป้ก 16.36% (จำนวน 543 ครั้ง)
เวลาเราได้ยินว่า มุกแป้ก มุกฝืด (สมัยนี้อาจจะใช้คำว่า ‘มุกจาง’) สิ่งเหล่านี้เนี่ยแหละที่ดูเหมือนจะไม่ตลก แต่บางครั้งมันก็ดันตลกขึ้นมาอย่างสุดขั้ว จนไม่แน่ใจว่าสุดท้ายแล้วมันตลกหรือมันแป้กกันแน่
ความตลกจากมุกประเภทนี้ก็มีความคลาสสิกที่หลายคนใช้เล่นกันมานาน ตั้งแต่ยุคที่ยังเป็น ‘มุกคาเฟ่’ ไม่ว่าจะเป็นการเล่นมุกแบบ ‘เรื่องไม่เป็นเรื่อง’ หรือเอา ‘เรื่องไม่จริง’ มาใช้ในการขยี้ความไม่ตลกให้ดูตลก รวมถึงการชงมุกเพื่อให้อีกคนนึงตบกลับมา ตัวอย่างเช่น การพูดถึงอำเภอหนึ่งซึ่งอาจอยู่ในภาคใต้ แต่พอถามจังหวัดไหนกลายเป็นจังหวัดที่อยู่ทางภาคเหนือ หรืออย่างการแกล้งหันผิดทาง ทำท่าตะเบ๊ะผิดฝั่ง เดินสโลว์ให้ดูตลก ไปจนถึงการเล่นมุกการยืนเรียงแถวแล้วนับ 1 2 3 4 ใครนับ 10 ถือว่าแพ้ ก็ยังคงไม่ได้หายไปจากแนวทางการเล่นมุกทุกวันนี้
อันดับ 4 : มุกเล่นคำ 13.13% (จำนวน 436 ครั้ง)
ความตลกที่เกิดจากการเล่นคำก็แบ่งได้อีกหลายข้อยิบย่อย ตั้งแต่การสร้างคำใหม่ ใช้คำใกล้เคียง แต่งกลอน ร้องเพลง จงใจพูดให้ผิด ล้อเลียนสำเนียงท้องถิ่น
ตัวอย่างคำที่ปรากฏให้เห็นก็คือ ‘เจ้าของร้านอาหารหรือเจ้าของทัณฑสถานกันแน่’, ‘ลิเวอร์พูล-แมนยู (แม่นอยู่)’, ‘หมอตำลึง เอ้ย! หมอตำแย’, ‘อยู่ยงคงกระหมื่น (อยู่ยงคงกระพัน)’ หรือการสร้างคำด่าที่ ‘โรเบิร์ต สายควัน’ ถูกแซวว่า ‘ไอ้หน้าโจ๊กเดือด’
อันดับ 5 : มุกตลกรูปลักษณ์ 9.25% (จำนวน 307 ครั้ง)
ความตลกที่เกิดจากรูปลักษณ์คงเป็นความตลกที่คนจำนวนไม่น้อยมองว่าไม่ควรจะทำให้เป็นเรื่องตลก เพราะถ้ามองอีกแง่ก็ถือเป็นรูปแบบของการเหยียดประเภทหนึ่ง แต่ในนามของความตลก สิ่งที่เสนอขึ้นมานั้นเพื่อให้เห็นเจตนาในการสร้างรอยยิ้มจากการสร้างคาแรคเตอร์ ซึ่งบ้างก็เป็นการล้อเลียนลักษณะทางกายภาพ โดยส่วนใหญ่จะเป็นการที่นักแสดงแซวตัวเองกัน
อย่างเช่น ‘ค่อม ชวนชื่น’ ที่มักถูกแซวเรื่องฟันเหยินว่าเป็นกระดูกหมูติดฟัน, ‘นุ้ย เชิญยิ้ม’ ถูกแซวเรื่องจมูกบานว่า หายใจแล้วจะโดนดูดเข้าไปรึเปล่า แต่ก็จะมีบ้างที่สร้างบุคลิกขึ้นมาให้ดูเป็นคนแก่บ้าง คนพิการบ้าง โดยผสมผสานไปกับคาแรคเตอร์ที่ถูกสร้างขึ้นมา นอกจากนี้บางมุกก็เป็นการแต่งหน้าทำผมเพื่อให้รู้สึกตลกตั้งแต่แรกเห็น อย่างการใส่แว่นที่มีเลนส์เดียว เลือกชุดที่ไม่เข้ากัน ใส่วิกผิดด้าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ก็จะไม่ใช่สิ่งที่คนปกติทั่วไปจะแต่งกันอย่างแน่นอน
อันดับ 6 : มุกเจ็บตัว 7.53% (จำนวน 250 ครั้ง)
บางครั้งความความตลกก็เกิดจากการเจ็บตัวของคนอื่น แต่ความเจ็บตัวที่กล่าวมานั้น ไม่ได้ถึงขั้นทำร้ายร่างกายหรือเลือดตกยางออก ไม่ว่าจะมีเตี๊ยมกันมาหรือไม่ก็ตาม
จริงๆ แล้วมุกประเภทนี้มีให้เราได้เห็นกันมานานแล้ว ตั้งแต่ฝากล่องคุกกี้อาร์เซนอล ถาดสแตนเลส ท่อแอร์ ไปจนถึงการใช้อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายในการสร้างเสียงหัวเราะ โดยอวัยวะส่วนใหญ่ที่ถูกกระทำมากที่สุดพบว่าเป็น ‘หัว’ นั่นเอง เพียงแต่ขึ้นอยู่กับจะเป็นการ ‘เจ็บตัว’ ในรูปแบบใดเท่านั้นเอง รวมทั้งมีการเล่นแบบไม่ทันได้ตั้งตัวหรือเตรียมตัวกันไว้ว่าจะเล่นจังหวะไหนซ้ำเพื่อขยี้ความสนุก ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งรูปแบบในการสร้างเสียงหัวเราะให้กับผู้ชมอย่างเราๆ (แต่ไม่ใช่การเจ็บตัวที่เกิดจากอุบัติเหตุแบบคนทั่วๆ ไปนะ)
นอกจากการเจ็บตัวที่เกิดจากระหว่างสองบุคคลขึ้นไปแล้ว บางครั้งก็เกิดจากการที่ศิลปินตลกจงใจให้เกิดการเจ็บตัวจากร่างกายของตัวเองก็มีให้เห็นเช่นกัน
อันดับ 7 : มุกหยาบคาย 6.75% (จำนวน 224 ครั้ง)
ความหยาบคายก็เป็นหนึ่งในรูปแบบที่มีลักษณะคล้ายๆ กับมุกประเภทเจ็บตัว นั่นก็คือมีให้เห็นกันมานานแล้ว อาจไม่ใช่ความตลกที่มาเพื่อด่าหยาบคายเพียวๆ เท่านั้น แต่อาจจะเกิดจากการเล่นคำ การผวนคำ รวมไปถึงการสบถต่างๆ ทั้งตั้งใจหรือไม่ก็ตาม แล้วพอมีนักแสดงเบอร์ใหญ่อย่าง ‘ค่อม ชวนชื่น’ แน่นอนว่าหลายคนอาจจะมีภาพจำ เคยแซวๆ กับเพื่อนว่า “ไอ้สัตว์” (ทำเสียงน้าค่อม) หรืออาจจะเคยเห็นคลิปที่มีเสียงว่า “น้าค่อม ด่าหน่อยค้าบ” จนกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ทำให้ผู้ชมหลายคนรู้สึกว่าเป็นสิ่งที่สร้างรอยยิ้มให้เขาได้
แต่พอมาอยู่ในรูปแบบของรายการทีวีแล้วอาจจะมีข้อจำกัดหลายๆ อย่างมากขึ้น แต่หลายครั้งก็เหมือนพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสจากการเซ็นเซอร์เสียงนั้นออกไป แล้วเปลี่ยนคำผ่านซับไตเติลให้สร้างสรรค์ขึ้น กลายเป็นความตลกอีกแบบหนึ่ง อย่างเช่นคำว่า ‘ไอ้รวย’, ‘แม่เบี้ย’, ‘หน้าหมี’ (ซึ่งเราจะไม่อธิบายแล้วกันว่ามาจากคำไหน)
อันดับ 8 : มุกล้อเลียนหรือพาดพิงบุคคลอื่น 4.4% (จำนวน 146 ครั้ง)
ความตลกที่เกิดจากการล้อเลียนเป็นบุคคลที่สาม หรือการกล่าวพาดพิงไปยังบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ตรงนั้น ส่วนมากจะเป็นบุคคลสาธารณะ บุคคลที่เป็นไวรัลอยู่ในโซเชียลเน็ตเวิร์ก บุคคลที่มีบุคลิกเฉพาะตัวชัด เช่น ประยุทธ์ จันทร์โอชา, ประวิตร วงศ์สุวรรณ, วัน อยู่บำรุง, มงคลกิตติ์, หม่ำ เท่ง โหน่ง, จินตหรา พูนลาภ, ยังโอม, ต๋อย ไตรภพ ไปจนถึงพาดพิงบุคคลที่เคยเป็นที่พูดถึงอย่าง ‘เขยทุเรียนเงินล้าน’ ซึ่งถูกเอามาใช้สวมบทบาทหนึ่งในตอนของรายการเลยทีเดียว
อันดับ 9 : มุกสิ่งผิดกฎหมาย (อบายมุก) 2.8% (จำนวน 93 ครั้ง)
มุกประเภทนี้อาจจะมีความเฉพาะเจาะจงของรายการเล็กน้อย แต่ด้วยจำนวนครั้งที่เล่นกันในรายการนั้นมากพอจนเราอดไม่ได้ที่จะนับเป็นมุกอีกประเภทหนึ่ง ยิ่งมีนักแสดงอย่าง ‘โรเบิร์ต สายควัน’ ชื่อก็บอกอยู่ว่าสายควัน ทำให้หลายคนนึกถึงสิ่งเสพติดบางประเภท ไหนจะความผอมของร่างกายโรเบิร์ตเอง ทำให้มีทั้งแซวตัวเองบ้างหรือถูกชงมุกให้กลายเป็นภาพจำของผู้เสพสิ่งเสพติดบ้าง อย่างการแกล้งประสาทหลอน อำว่าตัวเองดีดจนแทบไม่ต้องนอน ร้อนตัวเวลาพูดถึง ‘ของ’, ‘คุก’, ’ตำรวจ’ จนบางครั้งมุกประเภทนี้ก็ถูกเอาไปใช้เล่นร่วมกับนักแสดงคนอื่นๆ ด้วยเช่นกัน
อันดับ 10 : มุกร่างกายเลอะเทอะ 2.26% (จำนวน 75 ครั้ง)
มุกร่างกายเลอะเทอะอาจจะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกับมุกเจ็บตัว แต่พอเลอะเทอะอาจจะมีการเปรอะเปื้อนหรือเล่นอะไรแผลงๆ ที่คนปกติไม่ค่อยเล่นกันสักเท่าไหร่ มีตั้งแต่สะบัดน้ำตาเทียนใส่กัน, การรดน้ำดำหัวกันด้วยน้ำต้มเล้ง, เอานิ้วคนน้ำในแก้วให้คนอื่นกิน, เอาน้ำมูกไปป้ายคนอื่น, สูบก้อนวาซาบิเข้าทางจมูก, เอาน้ำเย็นหรือน้ำหวานราด, แป้งดินสอพองทาหน้า เรียกได้ว่าเป็นกิจกรรมที่บางคนเอาตัวเข้าแลกเลยก็ได้ว่า เพราะหลังจากนั้นคงต้องไปทำความสะอาดร่างกายหรือกินน้ำล้างลำไส้ไปอีกลิตรก็ไม่อาจประเมินได้จริงๆ
จาก 10 อันดับมุกจากรายการบริษัทฮาฯ คงพอเห็นรูปแบบ ‘มุกตลกไทย’ ที่ยังมีการเล่นเวียนซ้ำและต่อยอดมาให้เห็นกันอยู่เรื่อยๆ หยิบเรื่องบางเรื่องมาผสมผสานกับไหวพริบเพื่อสร้างเสียงหัวเราะ ชงมาตบไปอย่างกับแบดมินตัน และเรื่องเหล่านี้หลายครั้งก็ช่วยสร้างเสียงหัวเราะให้กับเราได้จริงๆ