จะเป็นอย่างไร ถ้าเราต้องไปทำภารกิจที่นอกโลกอย่างดวงจันทร์ โดยที่แทบไม่รู้อะไรเลย และมีโอกาสรอดกลับมาบนโลกเพียงแค่ 10% เท่านั้น
นั่นคือเหตุการณ์ที่ กับตันฮัน ยุนแจ (รับบทโดย กงยู), ดร.ซง จีอัน (รับบทโดย แบดูนา) และลูกเรืออีก 9 ชีวิตต้องพบเจอ กับภารกิจการเดินทางไปสถานีอวกาศบัลแฮ สถานีร้างบนดวงจันทร์ ที่มีปริศนามากมาย ในซีรีส์ทะเลสงัด หรือ The Silent Sea ซึ่งกำลังจะออนแอร์ลง Netflix ในวันนี้ (24 ธันวาคม 2564)
แต่ก่อนที่จะกดปุ่มรับชม พร้อมซาวด์ ‘ตื่อดึงงงง’ ของ Netflix แล้ว The MATTER อยากชวนอ่านบทสัมภาษณ์พิเศษของกงยู แบดูนา รวมไปถึงผู้อำนวยการผลิต จองอูซอง ที่สนทนากับเราในยุค New Normal ด้วยการวิดีโอคอนเฟอร์เรนซ์ ถึงความเป็นมาของซีรีส์เรื่องนี้ เหตุผลที่พวกเขาเลือกรับบทบาท ไปถึงคำถาม คำตอบสนุกๆ เกี่ยวกับการออกไปอยู่นอกอวกาศกัน
The Silent Sea จากหนังสั้นธีสิตของผู้กำกับ สู่ซีรีส์ไซไฟทริลเลอร์เรื่องแรกของ Netflix
เกาหลีใต้ประสบความสำเร็จกับซีรีส์มากมาย ไม่ว่าจะแนวแฟนตาซี เซอร์ไวเวิล หรือรักหวานแหวว แต่สำหรับ The Silent Sea หรือทะเลสงัดนั้น ถือเป็นซีรีส์แนวอวกาศ หรือไซไฟทริลเลอร์เรื่องแรกของเกาหลีใต้ โดยก่อนจะกลายมาเป็นซีรีส์ 8 ตอนให้รับชมกันนั้น มันเคยเป็นหนังสั้นสมัยทำธีสิตในมหาวิทยาลัยของผู้กำกับเรื่องนี้มาก่อน
กงยู และแบดูนาเอง ก็ได้เล่าว่า พวกเขาเลือกรับบท เพราะความท้าทายในซีรีส์แนวใหม่นี้ด้วย
“ฉันได้รับบทซีรีส์พร้อมกับบทภาพยนตร์สั้นของ ทะเลสงัด (The Silent Sea) ก่อนที่จะเปิดอ่านบทซีรีส์ ฉันอ่านบทภาพยนตร์สั้นซึ่งเป็นผลงานจบการศึกษาของผู้กำกับก่อน ถึงจะเป็นแค่ภาพยนตร์สั้นไม่ใช่สเกลระดับฮอลลีวูด แต่เขาทำได้อย่างน่าทึ่ง ถึงตอนนั้นจะยังไม่รู้จักว่าคนนี้เป็นใคร แต่ถ้าเป็นคนคนนี้ ฉันคิดว่าอยากจะลองร่วมงานดูสักครั้ง” แบ ดูนาตอบ
ขณะที่กงยูเอง ก็ได้บอกว่า เขาเป็นคนที่อยากขยายความกว้าง และความหลากหลายของคอนเทนต์ในวงการแสดงของเกาหลีใต้ และซีรีส์เรื่องนี้ก็มีทั้งความ dystopia มีสตอรี่ และแบ็กกราวน์ของอวกาศ ทำให้เขาสนใจ “โดยส่วนตัวผมอยากลองทำผลงานแนวใหม่ๆ เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว พอได้อ่านบทผมก็รู้ทันทีเลยว่าเรื่องนี้ใช่เลย! พูดสั้นคือๆ ทั้งจินตนาการอันเลิศล้ำ ไอเดียสร้างสรรค์ แนวที่ผมชอบ และจองอูซอง (ผู้อำนวยการผลิต) ทั้งหมดนี้มีแต่องค์ประกอบที่ไม่ควรปฏิเสธบทในเรื่องนี้
อย่างที่เล่าไปข้างต้น ว่าบทบาทของทั้งสอง คือกัปตันทีม และด็อกเตอร์ ซึ่งแบดูนา และกงยูเอง ก็ได้เล่าถึงตัวละครของทั้งคู่ โดย แบดูนาเริ่มเล่าว่า “ซงจีอันเป็นนักชีวดาราศาสตร์ เธอต้องเข้าร่วมปฏิบัติภารกิจพิเศษที่สถานีวิจัยบนดวงจันทร์ร่วมกับสมาชิกอีกหลายคน แต่เธอต่างจากสมาชิกคนอื่นๆ เพราะเธอล่วงรู้ความลับบางอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน และต้องการไขปริศนาเหล่านั้น”
ด้านกัปตันฮันยุนแจนั้น กงยูเล่าถึงตัวละครของเขาว่า “เป็นหัวหน้าทีมหัวกะทิที่ถูกส่งตัวไปปฏิบัติภารกิจพิเศษ เขาเป็นคนที่มีความรับผิดชอบต่อภารกิจที่ได้รับ และใส่ใจลูกทีมของเขาอยู่เสมอ แต่เขาเป็นคนค่อนข้างเฉยชา ไม่ค่อยแสดงความรู้สึกส่วนตัวต่อหน้าลูกทีม” ทั้งกงยูยังพูดถึงลักษณะอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นรอยสักที่คอ หรือทรงผม ที่อาจจะไม่ถูกใจแฟนๆ แต่นั่นคือคาแรคเตอร์ของกัปตันฮันด้วย รวมถึงผู้กำกับเองยังเจาะจงว่า เขาอยากให้กงยูมารับบทกัปตันฮันมาก เพราะคาแรคเตอร์ที่ตรงกับผู้นำทีม ทั้งในเรื่อง The Silent Sea และในฐานะผู้นำการแสดง
นอกจากนักแสดงที่โด่งดังแล้ว The Silent Sea ยังได้จองอูซอง นักแสดงรุ่นใหญ่ของเกาหลีใต้ ที่เรื่องนี้ผันตัวมาเป็นผู้อำนวยการผลิต ซึ่งในงานแถลงข่าวนั้น นักแสดงหลายคนก็ได้บอกว่า ตัดสินใจรับบทเรื่องนี้ เพราะตัวจองอูซอง รวมถึงกงยูเอง ยังให้คะแนนเขา มากถึง 10/10 ในฐานะผู้อำนวยการผลิตด้วย
เหมือนกับนักแสดงทั้งสอง จองอูซองก็มองว่า ไซไฟทริลเลอร์แนวอวกาศเรื่องนี้ เป็นการเสนอคอนเทนต์แนวใหม่สำหรับเกาหลีใต้ “ผมมองว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้ชมจะได้เข้าถึงคอนเทนต์เกาหลีที่หลากหลายมากขึ้น Netflix สร้างสรรค์ผลงานแนวใหม่อยู่ตลอด ซึ่งอาจเป็นเรื่องราวที่เราไม่คุ้นเคย ถือเป็นการท้าทายที่น่าสนใจ การผลิต The Silent Sea เองก็เป็นหนึ่งในความท้าทาย”
แม้จะเป็นความท้าทาย แต่ซีรีส์เรื่องนี้เองก็มีแนวโน้มจะประสบความสำเร็จสูง เมื่อถามผู้อำนวยการผลิตถึงความเป็นไปได้ถึงซีซั่น 2 นั้น เขาเองก็ตอบว่า
“ตอนจบของ The Silent Sea เปิดโอกาสให้ได้ตีความ แต่จะมีซีซั่นใหม่หรือไม่ขึ้นอยู่กับผู้ชมแล้วแหละครับว่าจะมอบความรักให้กับซีรีส์เรื่องนี้มากแค่ไหนครับ”
การแสดงบนอวกาศ และดวงจันทร์ และสิ่งที่กงยู และแบดูนาจะเลือกเอาไปนอกโลก!
ก่อนหน้านี้ แบดูนาเอง ได้ร่วมงานกับ Netflix มาแล้ว ไม่ว่าจะ Sense8 หรือ Kingdom จึงมีการถามว่า บทบาทการแสดงในเรื่องนี้ แตกต่างจาก หมอซอบี ใน Kingdom อย่างไร
“ตัวละครซอบีในเรื่อง Kingdom และตัวละครซงจีอันใน The Silent Sea ต่างกันมาก สิ่งที่ต่างมากที่สุดคือ ซงจีอันมีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ มีบาดแผลที่ซ่อนเอาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ ถ้าติดตามชมซีรีส์แล้วจะเข้าใจค่ะ ส่วนซอบีเป็นตัวละครที่มีความรักมากกว่า คล้ายๆ กับคนเป็นแม่ ซึ่งต่างจากซงจีอันมาก”
ขณะตอบคำถามนี้ แม้แต่กงยูเองก็เกิดความสงสัย และร่วมถามขึ้นมาด้วยว่า “ตัวละครไหนที่ใกล้เคียงกับตัวคุณแบดูนามากกว่ากันครับ” ซึ่งแบดูนาเอง ก็มองว่า เธอคล้ายกับ ดร.ซงจีอันมากกว่าด้วย
Original Netflix ของเกาหลีใต้เอง ก็ได้ประสบความสำเร็จ และความนิยมไปทั่วโลก อย่างเช่น Kingdom เอง ที่โด่งดัง และปลุกกระแส K-Zombie ไปทั่วโลก ซึ่งสำหรับ The Silent Sea นักแสดงทั่งคู่ก็คาดหวังว่า จะเป็นไปในแนวโน้มที่ดีด้วยเช่นกัน
“ฉันมีลางสังหรณ์ว่ามันต้องดีมากแน่เลย ผู้ชมทั่วโลกน่าจะชื่นชอบนะคะ ฉันเองก็ตอบไม่ได้เหมือนกันค่ะว่าจะปลุกกระแสอะไรบ้าง แต่ลางมีสังหรณ์ที่ดี” แบดูนาคาดเดา
กงยูเอง ก็เสริมคำตอบขึ้นมาว่า “เรื่องราวและแนวผลงานของ The Silent Sea เป็นเรื่องราวที่เราอาจเคยพบเห็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดหลายๆ เรื่อง เป็นแนวที่ยากสำหรับประเทศฝั่งเอเชีย The Silent Sea พยายามที่จะยกระดับมาตรฐานให้ผู้ชมทั่วโลกได้เข้าถึงได้ทั่วกัน แต่อาจแปลกใหม่จากผลงานแนวเดียวกันที่มีอยู่เดิม ยกตัวอย่างเช่น ผลงานเรื่อง Kingdom ที่คุณแบดูนาแสดง และภาพยนตร์ Train to Busan ที่ผมแสดง ต่างก็เป็นเรื่องเกี่ยวซอมบี้ แต่ทั้งสองผลงานต่างมีเอกลักษณ์และความคิดสร้างสรรค์ในแบบที่ต่างกัน ทำให้เป็นที่รักของผู้ชม The Silent Sea เองก็เป็นผลงานแนวไซไฟที่เราเคยได้ชมผ่านภาพยนตร์ฮอลลีวูด แต่มีเอกลักษณ์และไอเดียสร้างสรรค์ที่ไม่เหมือนผลงานอื่นๆ ด้วย”
“ใช่แล้ว Kingdom มัดใจผู้ชมทั่วโลกได้เพราะองค์ประกอบที่แปลกใหม่ น่าตื่นเต้น” แบดูนาเสริม “แต่ The Silent Sea มีความตรงกันข้าม เพราะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการท่องอวกาศและมีองค์ประกอบที่ผู้ชมทั่วโลกคุ้นเคยและเคยเห็นผ่านตากันมาบ้างแล้ว แต่สำหรับคนเกาหลีเรื่องนี้กลับเป็นเรื่องแปลกใหม่ และกลิ่นอายความเป็นเกาหลีผสมผสานอยู่ด้วย
อย่างที่นักแสดงทั้งคู่บอกไปว่า เรื่องนี้เป็นแนวที่ยากสำหรับฝั่งเอเชีย ทั้งยังเป็นซีรีส์ไซไฟเรื่องแรกของเกาหลีใต้ ที่พูดถึงอวกาศ สำหรับด้านการแสดงนั้น แม้ว่ากงยู และแบดูนา จะเป็นนักแสดงมากประสบการณ์ พลิกบทบาทกันมาแล้วหลายคาแรคเตอร์ ตั้งแต่ก็อบลิน มนุษย์เทียม หรือซอมบี้ แต่กับการถ่ายทอดการแสดงในอวกาศ ทั้งคู่ก็บอกว่าต้องใช้จินตนาการสูงมาก
แบดูนา เริ่มเล่าเรื่องการสวมบทบาทของการเดินทางไปอวกาศว่า “เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยากค่ะ ต้องใช้จินตนาการสูง แต่นั่นคือหน้าที่ของนักแสดงที่สร้างให้เรื่องราวที่ไม่มีอยู่จริงดูสมจริงขึ้นมา การที่ใช้จินตนาการขณะแสดงหน้ากรีนสกรีนถือเป็นการฝึกฝนอย่างหนึ่ง ฉันต่างจากคุณกงยูตรงที่ตัวละครที่ฉันรับบทได้เดินทางไปอวกาศเป็นครั้งแรก ดังนั้นไม่แปลกที่ฉันจะไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์นั้นๆ แต่ตัวละครกัปตันฮันเคยมีประสบการณ์ในอวกาศมาก่อน น่าจะต้องใช้จินตนาการมากกว่าฉันเยอะ”
ซึ่งกงยูเองก็ได้เสริมว่า “ใช่แล้วครับ ต้องใช้จินตนาการสูงมาก ถ้าพูดอีกแง่หนึ่ง ตัวละครผมมีอาชีพทหาร ผมจึงเริ่มโฟกัสจากการเป็นทหารก่อน โชคดีที่ตัวละครผมเป็นกัปตันที่ไม่แสดงอารมณ์ตัวเองให้ลูกเรือได้เห็นมากนัก เลยทำให้เข้าถึงตัวละครได้ไม่ยากนัก ถึงจะกังวลที่ต้องแสดงเสมือนอยู่ในสภาวะไร้แรงโน้มถ่วงและแรงโน้มถ่วงต่ำ แต่ก็ได้นักออกแบบท่าเต้นคอยช่วยเหลือและมีสลิงช่วย ในผลงานแอคชั่นอื่นๆ ใช้สลิงค่อนข้างเยอะ แต่ในเรื่องนี้มีเทคนิคที่แตกต่างออกไป ซึ่งเป็นเทคนิคที่แปลกใหม่และเป็นประสบการณ์ที่ดีครับ ถ้ามีโอกาสได้ไปท่องอวกาศอีกครั้งผมว่าผมต้องทำได้ดีกว่านี้แน่ๆ ครับ”
นอกจากคำถามเรื่องการแสดง บทบาทต่างๆ แล้ว การพูดคุยยังมีโอกาสได้ถามคำถามสนุกๆ กับสองนักแสดงด้วย โดยเมื่อถามว่า หากสามารถนำอาหารหนึ่งชนิดขึ้นไปบนอวกาศเพื่อรับประทานในทุกๆ วันโดยไม่รู้ว่าจะได้กลับมาโลกอีกเมื่อไร ทั้งสองอยากจะนำอาหารอะไรไปด้วย และเพราะอะไร ซึ่งเมื่อนำไปได้แค่อย่างเดียว ตัวกงยูเองก็มีลังเลในเมนูอาหารอยู่เหมือนกัน
โดยในตอนแรก เขาตอบว่า “น่าจะต้องเป็นอาหารที่มีโปรตีนสูงนิดนึง อย่างเช่นสลัดอกไก่ครับ”
ขณะที่แบดูนาเลือกอาหารที่เธอชอบ “ถ้าเอาไปได้แค่อย่างเดียว ฉันอยากพกน้ำไปค่ะ แค่มีน้ำก็สามารถอยู่รอดได้แล้ว ถ้าเป็นอาหารก็คงเป็นสิ่งที่ฉันชอบมากที่สุด คือถั่วลิสงค่ะ”
เมื่อฟังคำตอบของแบดูนาแล้ว กงยูก็มีการเปลี่ยนใจโดยการบอกว่า “ถั่วมีโปรตีนเยอะดีนะครับ ผมขอเปลี่ยนดีกว่าครับ ไม่เอาสลัดไก่แล้ว เอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป (รามยอน) ไปดีกว่าครับ”
ไม่เพียงแค่อาหารที่เลือกติดตัวไปได้ ก็ยังมีคำถามที่ว่า หากหยิบของไปได้ 1 ชิ้น จะเลือกเอาอะไรไปอวกาศด้วย
“เกมครับ อ๊ะ! ไม่ดีกว่า ขอเปลี่ยนเป็นแมวที่ผมเลี้ยงไว้ที่บ้านแล้วกันครับ ต้องใส่ชุดนักบินอวกาศให้แมวด้วยไหมนะ” นี่คือคำตอบของกงยู
ขณะที่แบดูนาเอง ก็ใช้ความคิดในการตอบคำถามนี้ เพราะเธอเองบอกว่า ถ้าเอามือถือไปก็ไม่น่าจะมีสัญญาณ และเธอเองก็ไม่มีของที่จำเป็นมากขนาดนั้นด้วย แต่กงยูก็ได้แนะนำขึ้นมาว่า ให้นำไวน์ไป ซึ่งเธอก็ตอบกลับไปว่า “จะนำไวน์ขนาดนั้นไปได้ยังไง” ก่อนจะเลือกไอเทม กล้องถ่ายรูป เพราะคงน่าตื่นเต้นไม่น้อยเลยค่ะถ้าได้ไปถ่ายรูปกับดวงจันทร์
“แต่ก็คงได้แต่ถ่ายเก็บไว้คนเดียว ส่งไปให้คนบนโลกดูไม่ได้ ถ่ายรูปผมด้วยนะ” กงยูบอกกับแบดูนา ถึงไอเทมของเธอ
นอกจากอาหาร และสิ่งของแล้ว ปัจจุบันเองยังมีการพูดถึงการย้ายไปอยู่นอกโลก ย้ายไปดาวดวงใหม่มากขึ้น และจากการรับบทบาทเดินทางไปอวกาศมา เราจึงพูดคุยกับทั้งสองว่า ถ้าในอนาคตมีโอกาส จะเลือกย้ายไปอยู่ดาวดวงใหม่ หรืออาศัยบนโลกนี้เหมือนเดิม
“ผมอยากอาศัยบนโลกนี้เหมือนเดิมครับ” กงยูบอกกับเรา “ถ้าไม่มีเหตุสุดวิสัยที่ต้องย้ายออกไปนอกโลกจริงๆ ถ้ามีโอกาสยังไงผมก็ยังอยากอยู่บนโลกนี้ต่อไป แต่คงต้องพยายามคิดหาทางช่วยกันแก้ไขปัญหาขาดแคลนทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ เพื่อที่จะอยู่บนโลกได้นานยิ่งขึ้นครั้บ”
ด้านแบดูนาเอง ก็เลือกจะอยู่โลกนี้ต่อไปเช่นกัน “ฉันเป็นคนติดบ้านมาก แทบจะไม่ออกนอกบ้าน ไม่ชอบการย้ายบ้าน หรือย้ายประเทศด้วย ไม่ต้องพูดถึงการย้ายไปนอกโลกเลยค่ะ ยิ่งไม่อยากเข้าไปอีก อยากอยู่บ้านมากกว่าค่ะ
แต่สำหรับ The Silent Sea และการทำภารกิจนอกโลกของทั้งคู่นั้น จะได้กลับมาอยู่อาศัยที่โลก แบบที่ทั้งสองตอบคำถามไหม ไปติดตามกันได้ ที่ Netflix เริ่มออนแอร์แล้ว วันที่ 24 ธันวาคม 2564 นี้