หนึ่งในวงร็อคอัลเทอร์เนทีฟที่น่าจับตามองในช่วงนี้ แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่พูดถึง ‘Hitsujibungaku’
ท่ามกลางวงร็อคที่มีอยู่มากมายในญี่ปุ่น วงนี้โดดเด่นขึ้นมาได้ด้วยแนวดนตรีที่ให้กลิ่นอายเพลงร็อคช่วงยุค 90 ชวนให้นึกถึงช่วงเวลาวัยรุ่น เสียงร้องสดใสแต่ก็เจือด้วยความเศร้า เนื้อเพลงกินใจ ทั้งหมดนี้ถูกถ่ายทอดผ่านสมาชิกผู้หญิง(เกือบ)ล้วน ทั้ง 3 คน ได้แก่ โมเอกะ ชิโอซึกะ (Moeka Shiotsuka) นักร้องนำ มือกีตาร์ ผู้แต่งเพลง คนต่อมา ยูริกะ คะไซ (Yurika Kasai) มือเบส และคนสุดท้ายมือกลองผู้ชายหนึ่งเดียวของวง ฮิโรอะ ฟุคุดะ (Hiroa Fukuda)
แม้จะยังมีหลายคนที่ยังไม่คุ้นเคยกับวงนี้ แต่หากพูดถึงเพลง ‘more than words’ เพลงปิดประกอบอนิเมะเรื่องมหาเวทผนึกมาร (Jujutsu Kaisen) ซีซั่น 2 หรือเพลงล่าสุดอย่าง ‘Burning’ ที่เป็นเพลงปิดประกอบอนิเมะเรื่องเกิดใหม่เป็นลูกโอชิ (Oshi no Ko) ซีซั่น 2 ก็น่าจะทำให้หลายคนพอคุ้นเคยขึ้นมาบ้าง เพราะทั้งสองเพลงนี้ถือเป็นเพลงที่น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้คนทั่วไปรู้จักอย่างเป็นวงกว้าง
ไม่เพียงแต่เพลงอนิเมะ แต่เพลงส่วนตัวของวงก็ถือว่าประสบความสำเร็จไม่แพ้กัน อย่างเพลง 1999 หรือ Step จนได้ขึ้นแสดงที่ Fuji Rock เทศกาลดนตรีที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นบนเวทีหลักได้ในที่สุด
นอกจากนี้ในปี 2024 ที่ผ่านมายังเป็นปีสำคัญของแฟน Hitsujibungaku ชาวไทยด้วย เพราะปีนี้วงได้มาเยือนไทยถึง 2 ครั้ง คือ Asia Tour ที่มาแสดงที่ไทยปิดท้ายเมื่อเดือนเมษายน และล่าสุดคือ Mahorasop 2024 เทศกาลดนตรีชื่อดังของไทยช่วงพฤศจิกายน เรียกว่าเป็นการมาเยือนครั้งพิเศษ สมกับที่แฟนๆ ชาวไทยรอมานาน
ในวันที่วงดนตรีร็อคที่น่าจับตามองจากญี่ปุ่นมาเยือนไทยถึง 2 ครั้ง The MATTER เลยไม่พลาดที่จะชวนไปพูดคุยกับโมเอกะและยูริกะถึงความรู้สึกที่ได้มาแสดงที่ไทย รวมถึงการทำงานและความฝันต่อจากนี้ เพื่อทำความรู้จักกับพวกเธอกันให้มากขึ้นด้วยกัน
การกลับมาแสดงในไทยเป็นครั้งที่ 2 รู้สึกยังไงบ้าง มีความรู้สึกอะไรที่ต่างไปจากเดิมไหม
โมเอกะ: ครั้งนี้ที่แตกต่างคือครั้งที่แล้วอยู่กลางเมือง แต่พอครั้งนี้เป็นเฟสติวัล เลยรู้สึกว่าไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน บ้านเมืองก็ดูแตกต่างจากตอนแรกไปหมดเลย มีต้นไม้สีเขียวล้อมรอบ การประดับตกแต่งบ้านก็ดูน่ารักไปอีกแบบหนึ่ง เรียกได้ว่าเป็นความรู้สึกที่แตกต่างเลย
ยูริกะ: ครั้งที่แล้วเป็น Asia Tour แล้วมาปิดคอนเสิร์ตที่ไทย แต่ครั้งนี้เป็นเฟสติวัลก็แตกต่างกันอยู่แล้ว แต่ครั้งที่แล้วที่มามันก็พอจะมีเวลาอยู่ แต่ก็ป่วยเป็นไข้ก่อนแสดง แต่โชคดีที่วันที่แสดงอาการดีขึ้น ก็เลยผ่านไปได้ ส่วนครั้งนี้ไม่เป็นไรแล้วค่ะ
พูดถึงการทำเพลง Burning ที่เพิ่งปล่อยไม่นาน การทำเพลง Burning คุณตั้งใจทำเพลงนี้ออกมาด้วยความรู้สึกแบบไหน
โมเอกะ: จริงๆ อยากทำออกมาให้เป็นเพลงเท่ๆ ถึงจะเป็นเพลงอนิเมะก็ตาม แต่ก็ได้ใส่ความเป็นตัวของเองเข้าไปด้วย เลยรู้สึกว่าดีมากๆ
วิธีการทำเพลงประกอบอนิเมะ และเพลงของวงตัวเองมีความแตกต่างกันยังไงบ้าง
โมเอกะ: ต่างกันมากๆ เลยค่ะ เพราะว่าเพลงอนิเมะเขามีผลงานของเขาอยู่แล้ว เราต้องรับฟังเหตุผลจากคนที่หลากหลาย ซึ่งไม่เหมือนกับเพลงของตัวเองที่ทำได้เอง มันยากมากเลย (ยิ้ม)
เรื่องราวในการเขียนเพลงส่วนใหญ่มาจากอะไรบ้าง
โมเอกะ: ช่วงนี้เป็นสิ่งที่ตัวเองคิด และรู้สึกค่อนข้างเยอะ ฟังเพลงที่ชอบเยอะๆ แล้วมันก็ออกมาได้ค่ะ
มีแฟนๆ หลายคนชื่นชอบแนวดนตรีของวง Hitsujibungaku ที่ให้ความรู้สึกเหมือนวง alternative rock ยุค 90 คุณมีแรงบันดาลใจมาจากอะไร
โมเอกะ: จริงๆ แล้วตัวเองอาจจะไม่ได้ฟังเพลงยุค 90 ขนาดนั้นเท่าไหร่ พอทุกคนพูดกันแบบนี้ ก็มีอีกวงดนตรีที่พวกเราชื่นชอบ ชื่อวง ‘Yuck’ (วงดนตรีร็อคจากอังกฤษ) ซึ่งเป็นเพลงแนวที่ฟังแล้วที่คล้ายกับวงยุค 90 เพราะฉะนั้นอาจจะเป็นเพราะว่าได้รับแรงบันดาลจากวงนี้ก็ได้
การเป็นวงที่เริ่มต้นตั้งแต่สมัยเรียน เป้าหมายจากตอนแรกจนถึงตอนนี้มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างไหม
โมเอกะ: จริงๆ อาจจะไม่ได้มีเป้าหมายชัดเจนเป็นรูปเป็นร่างขนาดนั้น แต่ก็มีตอนเป็นเด็กนักเรียนเคยฝันว่าอยากไป Fuji Rock แล้วก็อยากไปแสดงสดที่ต่างประเทศ ซึ่งตอนนี้ก็ทำได้แล้ว เป้าหมายต่อไปก็อาจจะไม่ได้ใหญ่อะไร
เอาเป็นแบบง่ายๆ เลยคืออยากทำเพลงดีๆ
และได้แสดงสดเยอะๆ
ปกติก่อนขึ้นเวทีมีอะไรที่คุณทำบ่อยๆ เพื่อเตรียมตัวก่อนขึ้นแสดงไหม
โมเอกะ: หลายอย่างเลย ก่อนอื่นก็จะยืดเหยียดร่างกาย แล้วก็มีฝึกออกเสียง แต่งหน้าแต่งตัว แล้วประมาณ 2 นาทีก่อนแสดง พวกเราจะมารวมกันเพื่อบูม แล้วก็ออกเสียง โดยมีคำที่พูดประจำ ว่า “เพิ่มความสดใสแข็งแรงลงไป ช่า!” จริงๆ แล้วมันเป็นคำพูดที่มาจากเครื่องดื่มชูกำลังของญี่ปุ่น แล้วก็เอามาใช้ตลอดเลย (หัวเราะ)
เห็นว่าวง Hitsujibungaku เป็นชื่อที่มีมาจากคำว่า ‘แกะ’ ด้วย ถ้าเปรียบสมาชิกแต่ละคนเป็นแกะ แต่ละคนจะเป็นแกะแบบไหน
โมเอกะ: ยูริกะเป็นคนเงียบๆ เลย เลยจะเป็นแกะเงียบๆ ที่ชอบเทรนกล้ามเนื้อให้แข็งแรง
ยูริกะ: โมเอกะจะเป็นแกะที่วิ่งไปรอบๆ แล้วก็คุยกับแกะตัวอื่นๆ บางทีก็โกนขนบ้าง ไม่โกนขนบ้าง
(หัวเราะพร้อมกัน)
ถ้าให้เลือกมาหนึ่งเพลงให้คนที่เพิ่งเริ่มรู้จัก Hitsujibungaku คุณจะเลือกเพลงไหนให้ เพราะอะไร
โมเอกะ: (ปรึกษากับยูริกะ) เลือกเพลง ‘GO!!!’ ค่ะ อาจจะไม่ได้เป็นเพลงที่มีความเป็น Hitsujibungaku มากเท่าไหร่ แต่ว่าพวกเราค่อนข้างชอบ อย่างในไลฟ์นี้ก็มีเพลงนี้ที่ค่อนข้างสนุก แล้วก็เนื้อเพลงพูดถึงเรื่องที่ไม่เป็นไปตามที่เราคิดเท่าไหร่ เลยจะไปโทษพระเจ้าว่ามันไม่เป็นตามที่คิดเลย แต่สุดท้ายตัวเองก็ต้องพยายามไปในแบบของเรา เป็นอีกหนึ่งเพลงที่สนุก
นับตั้งแต่เดบิวต์มา มีเหตุการณ์ไหนที่คุณประทับใจมากที่สุด
โมเอกะ: (คิดนาน) จริงๆ มีหลายเรื่องเลย แต่ถ้าให้เป็นเรื่องที่ประทับใจมากที่สุด น่าจะเป็นเรื่องของปี 2021 ที่ได้แสดงในงาน Fuji Rock แล้วก็ได้ขึ้นเวทีหลักด้วย เพราะเป็นหนึ่งในเป้าหมายของตัวเองเลยดีใจมากๆ
ตอนนั้นมันเป็นช่วงที่มีโควิด เลยไม่ค่อยมีใครจัดงานเฟสติวัลเท่าไหร่ ก็จะมีในรูปแบบที่เป็นไลฟ์ (ออนไลน์) ค่อนข้างเยอะ ช่วงนั้นมีนักดนตรีหลายคนค่อนข้างต่อต้านการแสดงในช่วงโควิด และขอยกเลิกไม่มาแสดง ตอนนั้นก็เลยคิดมากเหมือนกันว่าจะทำยังไงดี แต่สุดท้ายพอมาขึ้นเวที แล้วได้เห็นคนที่มาดูเรา เพราะไม่มีโอกาสได้มาดูไลฟ์นานแล้ว ก็เลยรู้สึกว่าเป็นการแสดงที่เหมือนไม่เคยมีมาก่อนเลย
การเป็นที่รู้จักมากขึ้นจะทำให้แนวเพลงของคุณเปลี่ยนไปไหม
โมเอกะ: ก็พยายามที่จะทำเพลงให้ฟังง่ายขึ้นค่ะ (ยิ้ม) เพื่อให้คนมาฟังเพลงของเราเยอะขึ้น เพราะมันเป็นเพลงที่ดีนะ ส่วนตัวแล้วไม่ชอบทำเพลงที่เป็นท่อนฮุคเลย แต่ว่าก็อยากพยายามทำให้ดีขึ้นในแบบของวงตัวเองค่ะ
มีอะไรที่อยากลองทำในอัลบั้มหรือซิงเกิลต่อไปไหม
โมเอกะ: ตอนนี้ก็มีการทำนู่นทำนี่เยอะแยะเลย เลยอาจจะยังไม่ได้เตรียมการล่วงหน้าว่าอยากจะทำอะไร แต่ก่อนอื่นเลยจะทำสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้จบก่อน เพราะบางทีคิดไว้แล้วพอถีงเวลาตัวเองก็อาจจะเปลี่ยนความคิดไปที่แตกต่างไปจากเดิม
ช่วงนี้ได้ดูหนังเรื่องหนึ่ง แต่ลืมชื่อเรื่องไปแล้ว เป็นหนังของอเมริกา เป็นเรื่องของคู่รักสองคน แล้วอยู่ๆ ก็มีคนที่ดูเหมือนเป็นแยงกี้ กุ๊ยๆ หน่อยโผล่ขึ้นมา แล้วก็ไปด้วยกัน แล้วก็เผลอไปฆ่าคนตาย ก็เลยหนี แต่ก็ดันไปเผลอฆ่าคนตาย แล้วก็หนีไปอีกเรื่อยๆ
อาจจะดูเป็นหนังที่เป็นคอเมดี้ เป็นหนังวัยรุ่น แต่มันก็มีความเศร้าด้วย แล้วก็มีประโยคนึงที่เขาพูดขึ้นมาว่า ‘การมีชีวิตอยู่มันคืออะไร’ แล้วตอนนี้ฉันเองก็อายุใกล้ 30 แล้ว ไม่รู้ว่าคนไทยมองคนอายุ 30 ว่ายังไง แต่ในประเทศญี่ปุ่นคือวัยที่ต้องเป็นผู้ใหญ่แล้ว ฉันที่อยู่ในวัยใกล้ที่เป็นผู้ใหญ่แล้วมาย้อนกลับไปดูชีวิตวัยรุ่น มันทำให้เห็นอะไรที่ลึกขึ้นมากกว่า ถ้าเป็นตอนเด็กกว่านี้มาดูคงไม่เห็นอะไรอย่างนี้ พอมีความรู้สึกแบบนี้เลยอยากทำเพลงที่มีความรู้สึกแบบนี้ค่ะ