ปรบมือต้อนรับการกลับมาอีกครั้งกับ เครโทส เทพเจ้าสงครามผู้ซึ่งมีชีวิตเพื่อการฟาดฟันสังหารเทพเจ้าด้วยกัน แต่ในการกลับมาครั้งใหม่ของ God of War ตั้งแต่ปี 2018 ก็ได้เปลี่ยนความหมายของเกมแนวฟันแหลก (slasher) ให้ซับซ้อนขึ้นด้วยเนื้อเรื่อง และที่สำคัญคือการใส่ความสัมพันธ์พ่อลูก รวมถึงมิติของเครโทสเองที่มีความสลับซับซ้อนและเต็มไปด้วยความรู้สึกมากขึ้น
ถ้าเราย้อนดู God of War เป็นอีกเกมที่ใช้เนื้อเรื่องได้อย่างชาญฉลาด ปกรณัมหรือตำนานเทพเจ้าส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องการฆ่าฟันในสายเลือดของตน พ่อฆ่าลูก ลูกย้อนมาฆ่าพ่อวนไปอย่างไม่รู้จบ การเป็นเทพเจ้าเป็นทั้งพรและคำสาป วงจรชะตากรรมของเครโทสก็เป็นทำนองเดียวกันคือประกอบขึ้นด้วยคราบเลือดและน้ำตา การล้างแค้นและกลับไปฆ่าฟันพ่อและพี่น้องร่วมสายเลือดของตน ในภาคหลังนี้ การมีลูกและการใส่สถานะของความเป็นพ่อ ในการทำภารกิจในฐานะสามีของภรรยาผู้ล่วงลับจึงนับเป็นการสร้างปม และความพยายามในการหาทางยุติวงจรไม่รู้จบของการเข่นฆ่าเหล่าทวยเทพและความสัมพันธ์แบบลูกฆ่าพ่อ—ซึ่งถ้าใครเล่นจบภาคสุดท้ายก่อนภาค Ragnarök ก็คงมองเห็นลางบางอย่างที่ส่งกลิ่นตุๆ ซึ่งความสัมพันธ์พ่อลูกก็เตรียมเข้มข้นขึ้นในภาคล่าสุดนี้อย่างแน่นอน
ด้วยความที่ God of War ได้กลายเป็นเกมที่ได้รับคำชมด้านเนื้อเรื่องและความสัมพันธ์ของพ่อลูกแบบยุคเก่า ในความสัมพันธ์ของพ่อผู้เต็มไปด้วยบาดแผลและการเป็นนักรบ ในการดูแลเด็กชายที่จะต้องทั้งปราบพยศ คอยปลอบประโลมและฝึกฝนให้แข็งแรงขึ้นท่ามกลางศัตรูระดับทวยเทพ ในการผจญภัยสู่ยอดเขาและการต่อสู้ เราเองก็มองเห็นการสั่งสอน ความห่วงใย กระทั่งปรัชญาชีวิตที่มีความหมาย โดยเฉพาะในยามวิกฤติและการต่อสู้ดิ้นรน
The MATTER ชวนอ่านคำสอนและถ้อยคำจากเครโทส ถ้อยคำที่ทำให้เราได้ย้อนเรื่องราว มองเห็นความสัมพันธ์ของตัวละครที่กำลังจะก้าวต่อไปใน Ragnarök ภาคล่าสุดที่เพิ่งปล่อยให้เล่นกัน
Kratos: Close your heart to it. On our journey we will be attacked by all manner of creature. Close your heart to their desperation. Close your heart to their suffering. Do not allow yourself to feel for them. They will not feel for you.
คำสอนแรกๆ ที่เครโทสสอนก็เริ่มจากเรื่องพื้นฐานของเรื่องราวก่อน คือยังไงตัวเรื่องก็ว่าด้วยการต่อสู้และสังหารศัตรู ในฐานะนักรบและการเอาตัวรอด สิ่งที่เอทรีอัสต้องเรียนรู้ก่อนคือการระงับความรู้สึก การปิดความรู้สึกไว้ การสังหารและการต่อสู้เป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ในการเดินทาง ในทางกลับกัน ศัตรูก็จะไม่มีความรู้สึกในใจให้เราด้วยเช่นกัน
Atreus: What are we hunting?
Kratos: You are hunting deer.
Atreus: Which way?
Kratos: In the direction of deer.
ทักษะการต่อสู้และการสังหารแรกที่เครโทสสอนคือให้เอทรีอัสล่ากวาง พอลูกชายถามว่าให้ล่ากวางแล้วไปทางไหน พ่อก็บอกว่า ไปตามทางของกวาง ก็ง่ายๆ เนอะ ทำอะไรก็ไปทางนั้น ฟังดูกำปั้นทุบดิน แต่ชีวิตบางทีก็แค่นั้น หรือด้านหนึ่งต่อให้เอทรีอัสหรือเรารู้ว่าเครโทสแข็งแรงหรือยอดเยี่ยมแค่ไหน บางทีการชี้แนะก็เรียบง่ายแบบนี้ หรือกระทั่งตัวฮีโร่ก็ไม่ได้รู้ไปซะทุกอย่างอย่างมหัศจรรย์ ล่ากวาง ก็หาทางกวาง ไปตามกวางเอา
Kratos: Do not be sorry. Be better.
ในการสอน แน่นอนว่าพ่อนักรบสุดตึง พอตามๆ กวางไป เอทรีอัสดันยิงธนูโดยพลการ งานนี้ก็โดนพ่อโวยให้อย่างรุนแรงว่าอย่าได้ยิงถ้าไม่มั่นใจ ในแง่บทเรียนนักสู้ ถ้าลงมือทำอะไรในเงื่อนไขของความเป็นตายอาจเป็นเรื่องที่นำความตายมาสู่เราเอง ในฉากนี้เอทรีอัสก็กล่าวคำขอโทษออกมา สิ่งที่เครโทสตอบอาจตีความได้ว่าไม่ต้องรู้สึกเสียใจ แต่ให้เป็นคนที่ดีขึ้น เก่งขึ้น คือเรียนรู้จากความผิดพลาดนั้นแล้วเติบโตขึ้น
Kratos: We will fight it.
Atreus: Why?
Kratos: Because you are afraid of it.
ศัตรูใหญ่ตัวแรกที่เอทรีอัสเผชิญคือโทรลยักษ์ เครโทสผลักดันให้ลูกชายต่อสู้กับมันโดยให้เหตุผลว่า เพราะเอทรีอัสกลัวเจ้าอสูรกายนั้น คำสอนนี้ดูจะเป็นคำสอนคลาสสิกของพ่อที่ว่าให้เราเผชิญหน้าและเอาชนะสิ่งที่เรากลัว เผอิญว่าตัวนี้ตัวใหญ่หน่อย และเราต้องฆ่ามันจริงๆ
Kratos: Anger can be a weapon … if you control it.
คำสอนนี้น่าสนใจเพราะทั้งเรื่องดูเหมือนเครโทสเป็นเจ้าพ่อแห่งความพิโรธ เป็นเทพที่โกรธาและลงมือสังหารศัตรูอย่างบ้าคลั่ง แต่ในฉากที่เอทรีอัสเริ่มบ้าบอแบบเด็กน้อยและเล่นงานโทรลซ้ำๆ แม้ว่าจะตายแล้ว เครโทสลากลูกชายกลับบ้านและบอกว่าเขานั้นไม่พร้อม การต่อสู้ไม่ใช่แค่ความบ้าคลั่งหรือการตกอยู่ในห้วงความโกรธที่ควบคุมไม่ได้ คำสอนสำคัญต่อลูกชายในการสู้รบคือ ความโกรธนั้นเป็นอาวุธได้ แต่เราต้องควบคุมมันให้ได้ก่อน
Kratos: The road ahead is long and unforgiving. No place for a boy, you must be a warrior.
ประเด็นสำคัญของความสัมพันธ์พ่อลูก ในเส้นทางที่ขรุขระ สิ่งสำคัญที่เครโทสพยายามสอนเพื่อให้ลูกรอดชีวิตได้ คือการให้ลูกชายเติบโตขึ้นจากการเป็นเด็กชายไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ เป็นนักรบ ในการเติบโตนั้น เอทรีอัสก็ได้บทเรียนทั้งในเชิงกายภาพ คือจะรบเก่งต้องมีทักษะอะไรบ้าง เช่น ความแม่นยำ จิตใจมั่นคง ฝึกฝนทักษะ หรือในเชิงทักษะด้านจิตใจเช่นการควบคุมความโกรธ การเรียนรู้เข้าใจความเป็นไปต่างๆ กระทั่งความอดทน
Kratos: Keep your expectations low boy, and you’ll never be disappointed.
ในการเก็บหรือ loot ของอันเป็นองค์ประกอบสำคัญของเกมส่วนใหญ่ เด็กน้อยก็บ่นว่าไม่ได้อะไรจากการเปิดหีบเลย เครโทสได้ยินก็จัดการสอนให้สั้นๆ ว่าอย่าไปคาดหวังอะไรมาก จะได้ไม่ผิดหวัง นี่เครโทสหรือไลฟ์โค้ชครับเนี่ย
Kratos: Pain we endure, faulty weaponry we do not.
คำสอนลูกผู้ชายไม่ไหว ชอบคำสอนนี้ พออาวุธของเอทรีอัสมีปัญหา เครโทสก็ให้จัดการซะ คำสอนคือเท่มาก ว่าเราเองอาจจะแบกรับความเจ็บปวดไว้ได้ แต่อาวุธหรืออุปกรณ์ที่ไม่เหมาะสมก็ต้องทิ้งไป คำพูดสั้นๆ ว่าเราแบกรับความเจ็บปวดแทบจะสะท้อนชะตากรรมที่เครโทสเองแบกรับไว้ เถ้ากระดูกที่คลุมตน ลูกชายที่ต้องทั้งผลักดันและโอบอุ้ม เถ้ากระดูกที่จะต้องไปยังยอดเขาและสารพัดบาดแผลในอดีต
Kratos: Mind your tongue, boy! Until our journey is complete, one of us must remain focused! Do not mistake my silence for lack of grief.
คำสอนนี้เป็นหนึ่งในโควตที่ผู้คนประทับใจ ให้ภาพทั้งความอ่อนโยนที่เก็บซ่อนไว้และความจำเป็นในการทำสิ่งต่างๆ ในเรื่องที่ทั้งคู่ต้องเอาเถ้ากระดูกแม่และฟันฝ่าสารพัดศัตรูไปในเส้นทางยาวไกล เอทรีอัสเริ่มงอแง ส่วนคราโตสเองก็ได้บอกว่านี่คือหน้าที่ ทำสิ่งที่ต้องทำให้จบ ไม่ใช่ว่าในความนิ่งเฉยของเครโทสเองจะไร้หัวจิตหัวใจ ตัวเครโทสเองก็แบกรับความโศกเศร้าไว้ไม่ต่างกัน
Kratos: These tunnels are a bit small for giants
[Atreus laughs]
Kratos: Why did you laugh?
Atreus: Oh, you’re serious?
Kratos: I am ALWAYS SERIOUS.
ในถ้ำทางขึ้นภูเขาเพื่อไปสู่ยอดเขา ในถ้ำนั้นเครโทสตั้งข้อสังเกตว่าอุโมงค์พวกนี้เล็กไปหน่อยสำหรับยักษ์ เอทรีอัสดันคิดว่าเล่นมุก ซึ่งเครโทสไม่ขำ และไม่เคยขำ อันที่จริงมุกตลกตรงนี้เป็นหนึ่งในคำใบ้เกี่ยวกับตัวตนของเอทรีอัสเอง
Kratos: Do not assume. You are seeing the end of the war, boy. You do not know what let to this moment.
บทเรียนน่าสนใจจากชายผู้เห็นและผ่านสงคราม เครโทสสอนเอทรีอัสที่กำลังตัดสินการกระทำบางอย่างอยู่ และบอกว่า ‘อย่าทึกทักไปเอง’ เราเห็นตอนจบของสงคราม และเราไม่รู้ว่าอะไรที่นำสิ่งต่างๆ มาถึงจุดนี้ สงครามคือการตัดสินใจ กระทั่งเราเองก็ตัดสินใจทำหรือไม่ทำอะไรเช่นเดียวกัน คำสอนนี้ใช้ได้นอกสงครามด้วย เรามักตัดสินสิ่งต่างๆ จากที่ตาเห็น แต่เงื่อนของสิ่งต่างๆ ที่ผลักดันการกระทำเป็นเงื่อนไขที่เฉพาะตัว การไม่ทึกทักหรือตัดสินผู้คนหรือการกระทำที่มีเส้นทางเฉพาะตัวจึงเป็นคำสอนที่เหมาะกับความเคร่งขรึม แต่สำหรับเครโทส การไม่ต้องไปทึกทักก็อาจจะหมายถึงการเตรียมพร้อมรบอย่างเดียว ถ้าอีกฝ่ายฟาดฟันมา ก็ฟาดฟันตอบ
Kratos: Boy!
คำสั้นๆ ที่ถูกพูดทั้งเนื้อเรื่อง เครโทสเรียกเด็กชายอยู่เสมอด้วยเสียงที่เหมือนจะไร้ความรู้สึกและค่อนข้างเป็นการออกคำสั่ง แต่เรารู้ดีว่าลึกๆ แล้ว เครโทสเต็มไปด้วยความห่วงใยและปรารถนาจะให้เด็กน้อยกลายเป็นผู้ใหญ่ที่รอดชีวิตจากวงจรอันชั่วร้ายและนองเลือดนี้ไปได้ บางตอนเราจะเห็นว่าเอทรีอัสสติแตกและน้ำตานองหน้า เครโทสก็เข้าใจและปลอบในสไตล์ของคุณพ่อนักรบ ช่วงท้ายของเรื่องก็เริ่มมีการเล่นคำ คำว่าเด็กน้อยเมื่อเติบโตขึ้นก็กลายเป็นชายหนุ่ม (man) แต่ความเข้มข้นของเรื่องคือ ทั้งคู่ไม่ใช่ชายหนุ่ม (ที่เป็นแค่มนุษย์) แต่เป็นอะไรที่มากกว่านั้น
คงต้องรอดูว่า ความสัมพันธ์พ่อลูก บทบาทของทวยเทพ ชะตากรรม ความขัดแย้ง และการต่อสู้ในมหาสงครามทั้งหมดนี้จะเป็นไปอย่างไรต่อไป
อ้างอิงจาก