สิ่งใดเล่าทำให้เรากลายเป็นหญิง
ด้วยรอยมลทิน หรือด้วยรอยบาปที่ตราเรา
เลือดหลั่งด้วยครรภ์สีแดงฉาน ละเลงลงเพื่อผู้ใด?
แสนเศร้าคือเราที่เป็นหญิง
แปดเปื้อนสิ้น – แต่กลับยิ่งยินดี
*บทความนี้เปิดเผยตอนจบของเกม Silent Hill f*
เมื่อเรื่องราวของ ‘ฮินาโกะ’ ในโลกแห่งม่านหมอกและดินแดนสีแดงฉานก้าวเข้าสู่ฉากจบ การเดินทางอันสยดสยองของเธอได้สิ้นสุดลง และบทเพลงหลักของเกมที่ทั้งหลอกหลอน ทว่างดงาม เปี่ยมไปด้วยความหวัง แต่ก็แหลกสลายด้วยความสิ้นหวังและกลิ่นอายของความตายได้บรรเลงขึ้น
หนึ่งในสิ่งชาญฉลาดที่สุดคือการสรุปชะตากรรมของฮินาโกะไว้ด้วยเนื้อเพลง ในถ้อยคำแรกที่ว่า ‘พวกเธอล้วนเกิดมาพร้อมตรวนซึ่งล่ามร่างพวกเธอไว้ กฎเกณฑ์คร่ำคร่าจากเมื่อวานล้วนแข็งแรงกว่าหินผา’ และการจบเรื่องราวด้วยการย้อนความหมายของสีแดงฉานจากดอกฮิกังบานะแห่งความตาย สู่เลือดที่หลั่งจากครรภ์ ซึ่งน่าจะอ้างถึงบาปเก่าแก่ของการเป็นผู้หญิง ตอนจบเป็นการขมวดที่ลึกซึ้ง ขนลุกและสวยงาม ซึ่งเลือดในครรภ์หรือมดลูกอ้างอิงกลับไปยังความเชื่อเรื่องคำสาปของผู้หญิงคืออีฟ ที่ถูกสาปให้หลั่งเลือดจากการกินผลไม้ของพระเจ้าในสวนสวรรค์
เรื่องราวบทสุดท้ายของฮินาโกะ จึงอาจไม่ใช่แค่บทสรุปโศกนาฏกรรมของคนคนหนึ่ง แต่ตลอดเรื่องราวในการเดินทางของดินแดนหมอกและดอกไม้สีแดงฉานแห่งความตายของ Silent Hill f ที่ชวนให้คิดกลับย้อนสู่จุดเริ่มต้นอย่างเลือดที่หลั่งจากครรภ์ของมารดา ซึ่งอาจอุปมาได้ถึงความเป็นผู้หญิง ซึ่งนำมาสู่ประสบการณ์ที่ไม่รู้จบ ประสบการณ์ที่แม้จะแดงฉานไปด้วยเลือดและความตาย แต่กลับเป็นความหลอกหลอนที่อิ่มเอมและน่ายินดี

Silent Hill f ซึ่งตัว f นี้มีการตีความมากมาย จากเลข 5 (five) การกลับมาที่เข้มข้น (forte ในความหมายของดนตรีที่ดังและหนักแน่นขึ้น) และแน่นอน f ที่อาจหมายถึง female คือผู้หญิงซึ่งเป็นตัวเอกของเรื่องราว ตรงนี้ถ้าเราตีความขึ้นอีกเล็กน้อย ตัว f ในที่นี้เป็นตัวพิมพ์เล็ก ที่อาจหมายถึงผู้หญิงในความหมายทั่วไป ไม่ได้หมายถึงแค่เรื่องราวของใครคนหนึ่ง
ทั้งหมดนี้ทำให้การกลับมาของซีรีส์ Silent Hill เป็นการกลับมาที่ยิ่งใหญ่ กดดัน และก้าวหน้า ทั้งการเลือกใช้บริบทความหลอนของญี่ปุ่นในช่วงรอยต่อของยุคโชวะ การหยิบเอาประเด็นอัตลักษณ์ ความเป็นผู้หญิง และตีความเข้ากับสัญลักษณ์ของความเชื่อ ความสยดสยอง รวมถึงสิ่งเหนือธรรมชาติและความบิดเบี้ยว เพื่อแสดงประสบการณ์และการเดินทางของความเป็นหญิงที่ทั้งบิดเบี้ยว หลอกหลอน และสวยงาม
ฮิกังบานะสีแดงฉาน สู่เลือดในครรภ์
Silent Hill f เล่าถึงเรื่องราวในหมู่บ้านเล็กๆ ชื่อเอบิสึงาโอกะ (Ebisugaoka) หมู่บ้านที่ค่อนข้างตัดขาดออกจากโลกภายนอก โดยตัวเรื่องเลือกช่วงเวลาทศวรรษ 1960s เป็นบริบทหลักของเรื่อง ซึ่งเวลานั้นคือช่วงกลางของยุคโชวะ เป็นรอยต่อของญี่ปุ่นที่กำลังก้าวสู่ความเป็นสมัยใหม่ แต่ทว่าในความก้าวหน้า ก็ยังมีร่องรอยของยุคสมัยก่อนหน้าทั้งความเชื่อหรือความถดถอย
หมู่บ้านเอบิสึงาโอกะ ก็ดูจะเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ชนบทที่อยู่ในช่วงเวลาของความถดถอยเช่นเดียวกัน ชื่อหมู่บ้านและเรื่องราวรายล้อมเล่าถึงหมู่บ้านที่เคยรุ่งเรืองจากกิจการเหมือง ทว่าเมืองเองก็เปลี่ยวร้างถดถอยลงในทุกวัน ชื่อเมืองเอบิสึสะท้อนความมั่งคั่งของเทพเจ้าเอบิสึ เทพแห่งการประมงและความร่ำรวย แต่เมืองกลับเหลือแต่เด็กๆ และชายหนุ่มรวมถึงครอบครัวที่ขมขื่นและล่มสลาย
เรื่องราวหลักของฮินาโกะ หรือก็คือแกนเรื่องหลักของ Silent Hill f จึงเล่นกับบริบทรอยต่อของยุคสมัย และจี้ลงไปที่ประเด็นเรื่องการถูกกดขี่ของผู้หญิงภายใต้ระบบปิตาธิปไตย เป็นเรื่องราวของเด็กผู้หญิง ที่มองเห็นชะตาชีวิตของการกลายเป็นแม่และเมีย ภายใต้อำนาจอันน่าชังของบิดาซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหมู่บ้านที่ค่อยๆ ผุพังลงไป กระทั่งความเชื่อบางประการ ศาสตร์และความรู้เช่นการรักษาโรคแผนโบราณ ไปจนถึงศาลเจ้าและความเชื่อเก่าที่ยังปรากฏอยู่ แต่ก็ค่อยๆ ล่มสลายลง

ประเด็นเรื่องความเป็นหญิง บทบาท หน้าที่และเส้นทางของความเป็นผู้หญิง ‘การกลายจากเด็กหญิงเป็นผู้หญิง’ ซึ่งเป็นเส้นทางที่น่าพรั่นพรึงจึงถูกฉายตั้งแต่วินาทีแรกที่เรื่องเริ่มต้นขึ้น การมองเห็นปลายทางของการเป็นผู้หญิง การแต่งงานออกเรือน และการมาถึงของดอกไม้สีแดง
ตรงนี้เองที่ตัวเรื่องนำเอาความสยองขวัญในกลิ่นอายของญี่ปุ่นในยุคโชวะมาผนวกเข้ากับตีมเรื่องของ Silent Hill คือการข้ามไปมาระหว่างโลกอันแปลกประหลาด การรุกล้ำของม่านหมอกและอสูรกาย ตีความกลับมาเพื่อสื่อสารประเด็นสังคมที่เข้มข้นอย่างเรื่องเพศสถานะ (gender) และมิติของความเป็นผู้หญิงที่อย่างยอดเยี่ยม
นอกจากการค่อยๆ ฉายอนาคตที่ฮินาโกะจะต้องก้าวข้ามความเป็นเด็กหญิง ธีมหลักคือม่านหมอกที่ในคราวนี้เลือกใช้ดอกไม้สีแดงที่ค่อยๆ รุกรานและกลืนกินทั้งเมืองไปถึงตัวตนของฮินาโกะ เจ้าดอกไม้สีแดงคือดอกฮิกันบานะ ดอกไม้ที่เชื่อกันว่าผลิบานในดินแดนของความตาย และสีแดงฉานของพวกมันคือเลือดที่พวกมันดูดซับไว้ของผู้วางวาย
ความพิเศษของการใช้สัญลักษณ์และความเชื่อคือดอกไม้แห่งความตายที่ทั้งงดงามและน่าพรั่นพรึง รวมถึงการมาของสีแดงอันเป็นความหมายของเลือด ไม่เพียงให้ภาพความตายที่กำลังคืบคลานและครอบคลุมดินแดน แต่นัยของการตายลง ยังมีความหมายประหวัดถึงการตายในเชิงอุปมา ซึ่งมีถ้อยคำหลายครั้งว่า ฮินาโกะนั้นได้ตายไปแล้ว การตายที่ในสุด กลับไปสู่การเกิดใหม่อีกครั้งของฮินาโกะเอง
ตัดแขน เลาะใบหน้า กับการฉีกกระชากตัวตน
ในกิมมิกที่เรื่องนำเอาความเชื่อทั้งศาลเจ้าจิ้งจอก และดอกฮิกังบานะมาเป็นส่วนสำคัญของความเป็น Silent Hill ฉบับสมัยโชวะ เรื่องราวเน้นย้ำเรื่องความเป็นหญิง และความพยายามในการรักษาตัวตนหรือคือการเลือกเส้นทางที่จะไม่เป็นเช่นแม่และพี่สาวเอาไว้
เกมได้ตีความประเด็นทางสังคมที่เป็นนามธรรมอย่าง ‘เพศสถานะและอัตลักษณ์’ ให้กลายเป็นภาพที่ชัดเจนขึ้น โดยใช้ความสยองขวัญของชีวิตและประสบการณ์ที่เราทุกคนสัมผัสได้
มิติเล็กๆ เรื่องเพศสถานะที่เกมเน้นย้ำเสมอคือการที่ฮินาโกะ ปฏิเสธ หรือบอกว่าตัวเองไม่ได้มีความเป็นผู้หญิงแบบเด็กผู้หญิงทั่วไป ‘โช’ มองเธอเป็นเหมือนเพื่อนที่ไร้เพศและมีสถานะเท่าเทียมกัน สิ่งที่เราสัมผัสได้คือฮินาโกะก็เป็นเด็กหญิงที่จริงๆ ก็มีความฝันแบบสมัยใหม่ ก้าวไปข้างหน้า แต่ด้วยขนบธรรมเนียมและกรอบของสังคมในขณะนั้น ในหมู่บ้านนั้น พวกเธอเป็นใครไม่ได้นอกจากแม่และเมียของใครคนหนึ่ง
การก้าวไปสู่ดินแดนอื่น ซึ่งในภาคนี้คือศาลเจ้าจิ้งจอก ความสยองขวัญที่ Silent Hill โดดเด่นคือการเป็นเรื่องสยองขวัญแนวจิตวิทยา สิ่งสยองที่เป็นรูปธรรมแท้จริงอาจเป็นความบิดเบี้ยวในจิตใจของพวกเราเอง

ดินแดนอื่นในที่นี้ ในที่สุด ศาลเจ้าและชายหนุ่มครึ่งจิ้งจอก ค่อยๆ เผยถึงตัวตนของฮินาโกะที่ต้องค่อยๆ กลายเป็นฮินาโกะอีกคน ในการเข้าสู่สถานะของความเป็นเมีย ในการแต่งงานของจิ้งจอก
ช่วงนี้การแต่งงานนี้เองที่ตัวเรื่องเล่นกับความซับซ้อนของอัตลักษณ์ ตัวตนของเราในการก้าวไปสู่สถานะอื่น ในการที่เราอาจต้องละทิ้งบางอย่าง กลายเป็น ‘อย่างอื่น’ ตัวตนที่เราต้องจงใจบิดเบี้ยว และเปลี่ยนผัน ถูกตีความออกมาเป็นพิธีแต่งงานอันโหดร้าย รุนแรง และบิดเบี้ยว แต่ฮินาโกะ ในฐานะผู้หญิง ก็ย่อมยินดีที่จะ เลื่อยแขน เลาะผิวหน้า และตีตราด้วยเหล็กร้อน ด้วยความเต็มใจและไม่ไหวหวั่น
จุดนี้เองที่ถือเป็นวิธีที่เรื่องพาเราไปสู่ความกดดันและความเจ็บปวดขั้นสุด เรียกได้ว่าพาเราไปสำรวจทฤษฎีเรื่องอัตลักษณ์ได้อย่างเข้มข้น รุนแรง ถึงใจได้อย่างน่ามหัศจรรย์ กระท่ังในที่สุดที่ฮินาโกะซึ่งค่อยๆ กลายเป็นปีศาจและต้องเผชิญหน้ากับตนเอง ก่อนที่จะนำไปสู่การจบในหลายรูปแบบ
การดำดิ่งไปสู่ดินแดนในม่านหมอกและจิตใจที่สลับซับซ้อน ในที่สุดเราถึงตระหนักได้ว่าเรากำลังก้าวไปสู่เส้นทางและชะตากรรมธรรมดาของการเป็นผู้หญิง ในความวิปริตของโลกที่เราเผชิญ กระทั่งความรู้สึกที่ในที่สุด เราค่อยๆ กลายเป็นฆาตกรที่ลึกๆ แล้ว เราไม่รู้สึกผิดบาป แต่คือความเข้าใจ และมองเห็นความป็นไปของโศกนาฏกรรมด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดอยู่ในหัวใจ
ความกดดัน การต่อสู้ และชีวิตที่ละเลงด้วยเลือดตั้งแต่กองเลือดที่หลั่งออกจากร่างในการเกิดขึ้นของผู้คน เลือดที่ผู้หญิงหลั่งและตั้งคำถามว่าพวกเธอทำเพื่อใคร เจ็บปวด และล้มตาย เพื่อใคร ความตายของการเป็นเด็กหญิง ก้าวสู่ความเป็นคนอื่นด้วยนามสกุลอื่น บ้านหลังอื่น และความเป็นอื่นจากตัวตนเดิมของพวกเธอ ซึ่งความเป็นอื่นนั้นหลายครั้งพวกเธอต้องลงมือริด ปลิดและทำลายตัวตนด้วยน้ำมือตัวเองอย่างไม่รู้จบ
ความยอกย้อนของเรื่องราวความเจ็บปวด ในเล็ดที่หลั่ง ตัวเรื่องกลับแฝงความรู้สึกที่งดงาม พลุ่งพล่านไว้ ในนัยของอุปมาและในภาพของบุปผาสีแดงฉาน ในความสามารถของผู้หญิงที่เป็นทั้งผู้ให้กำเนิดและการก้าวไปสู่ความตาย การเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย กระทั่งโลกของดอกไม้สีแดงที่เต็มไปด้วยปีศาจ ลึกๆ กลับเจือไว้ด้วยความน่าพึงพอใจ กระทั่งเรื่องราวของฮินาโกะที่อาจทั้งเต็มไปด้วยความหวัง หรือคลุ้งไปด้วยโศกนาฏกรรมของความตาย ล้วนเป็นไปได้
การเป็นสตรีนั้นเจ็บปวด ร้าวราน แต่ก็น่ายินดี เหมือนกันที่บทเพลงของเรื่องขับขานส่งท้ายเพื่อส่งเรื่องราวของเธอ ที่ไม่ใช่แค่ฮินาโกะ
อ้างอิงจาก