Stranger Things ซีซั่น 4 กำลังจะฉายในวันพรุ่งนี้ (27 พฤษภาคม ค.ศ.2022) แต่ความทรงจำเกี่ยวกับเนื้อเรื่องของซีซั่นที่ 1-3 ของใครหลายคนอาจเริ่มเลือนราง เราจะมาติวเข้ม สรุปสิ่งที่เกิดขึ้นในซีซั่นที่ 1-3 แบบย่อ และไม่ตัดสลับให้งง มาเตรียมความพร้อมก่อนไปเริ่มดูซีซั่น 4 แบบไร้รอยต่อกันในวันพรุ่งนี้
Season 1
เรื่องราวของ Stranger Things เริ่มขึ้นในปี ค.ศ.1983 ที่เมืองฮอว์กินส์ รัฐอินเดียนา จากการหายตัวไปของ วิล ไบเออร์ส ทำให้เราได้รู้ว่ามีเรื่องไม่ชอบมาพากลเกิดขึ้นในเมือง ทั้งการทดลองประหลาด มิติคู่ขนานที่เรียกว่า Upside Down สัตว์ประหลาดเดโมกอร์กอนหน้าตาน่ากลัว และเด็กหญิงพลังจิต
วิลหายตัวไปในกลางดึกคืนหนึ่งระหว่างการขี่จักรยานกลับบ้าน และในอีกฟากหนึ่งของเมือง ดูเหมือนว่าจะมีห้องทดลองน่าสงสัย และมีอะไรบางอย่างลบหนีออกมา
ไมค์ ดัสติน และลูคัส ได้พบกับเด็กหญิงประหลาด พวกเขาพาเธอกลับมาที่บ้านของไมค์ และเรียกเธอว่า แอล (ย่อจาก อีเลเว่น หรือตัวเลข 11) พวกเขาถามถึงเรื่องราว ก็ดูเหมือนว่าแอลจะรู้ว่าวิลอยู่ที่ไหน และเล่าให้พวกเขาฟังว่ามีโลกคู่ขนาน Upside Down ที่มีสัตว์ประหลาดชื่อว่าเดโมกอร์กอนอยู่ในนั้น และหลังจากการหายตัวไปของวิลไม่นาน บาร์บาร่า เพื่อนของแนนซี่ก็หายตัวไปด้วย
วิลพยายามติดต่อกับจอยซ์ผ่านทางโทรศัพท์แต่ก็ไม่เป็นผล จอยซ์เลยคิดวิธีติดต่อกันผ่านไฟคริสต์มาสบนผนังบ้าน ทำให้จอยซ์ได้เบาะแสเกี่ยวกับโลกคู่ขนาน เพราะมีเดโมกอร์กอนออกมาจากกำแพง และทางด้านเด็กๆ ก็ได้รู้ว่าวิลติดอยู่ในโลก Upside Down ที่มีประตูทางเข้าอยู่หลายทาง ซึ่งแนนซี่และโจนาธาน ได้รวมตัวกันตามหาบาร์บาร่าและได้เข้าไปใน Upside Down ผ่านทางต้นไม้ต้นหนึ่ง
ฮอปเปอร์ก็กำลังสืบเรื่องของห้องทดลองประหลาดอยู่พอดี เพราะห้องทดลองได้อำพรางการหายตัวไปของวิลด้วยร่างปลอม และได้เบาะแสว่าห้องทดลองเคยลักพาตัวเด็กคนหนึ่งที่มีพลังจิตไปเพื่อใช้ประโยชน์ในการทำสงครามกับรัสเซีย และพลังจิตนี้เองที่ทำให้ประตูมิติสู่ Upside Down ได้เปิดขึ้นในห้องทดลอง
คนของห้องทดลองออกตามหาแอล แต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้ทุกคนได้มารวมตัวกัน และใช้พื้นที่ในโรงเรียนสร้างเครื่องมือให้แอลสามารถใช้พลังเพื่อตามหาวิลและบาร์บาร่า แอลพบว่าบาร์บาร่าตายแล้ว ส่วนวิลนั้นซ่อนตัวอยู่ ก่อนที่สัญญาณจะขาดหายไป ต่อมาแนนซี่ สตีฟ และโจนาธานได้เผชิญหน้ากับเดโมกอร์กอนและหนีเอาตัวรอดมาได้
ฮอปเปอร์และจอยซ์บุกเข้าไปในห้องทดลองแต่ก็ถูกคนของห้องทดลองจับเอาไว้ได้ ฮอปเปอร์จึงยอมบอกที่อยู่ของแอล แลกกับการได้เข้าไปในห้องที่มีประตูมิติสู่ Upside Down คนของห้องทดลองตามหาตัวแอลจนเจอ และเดโมกอร์กอนก็ปรากฏตัวขึ้นในโรงเรียน แอลได้เสียสละตัวเองดึงเดโมกอร์กอนกลับไปยังมิติที่มันจากมา ส่วนฮอปเปอร์และจอยซ์เจอกับวิล และช่วยออกมาได้ในที่สุด แต่ดูเหมือนวิลจะแปลกไปจากเดิม
Season 2
ในซีซั่นที่ 2 เดโมกอร์กอนถูกแทนที่ด้วย Mind Flayer ที่เข้าสิงวิล และพยายามผลิตเดโมด็อกที่เป็นเหมือนลูกๆ ของมันออกมาโจมตีคนในเมือง ทุกคนต้องไขปริศนาให้ได้ว่าจะหยุดยั้ง Mind Flayer ที่กำลังสิงร่างของวิลอยู่ได้อย่างไร
เมืองฮอว์กินส์กำลังเตรียมจัดงานฮัลโลวีน แม็กซ์ เด็กผู้หญิงจากต่างเมืองย้ายเข้ามาพร้อมกับพี่ชาย บิลลี่ สร้างความสนใจให้กับเด็กๆ ส่วนจอยซ์มีแฟนใหม่คือ บ็อบ ที่เข้ากับวิลได้ดี เหมือนทุกอย่างกำลังจะดี แต่วิลยังคงเห็นภาพจากมิตินั้นเหมือนเดิม ส่วนแอลยังคงมีชีวิตอยู่เพราะฮอปเปอร์ช่วยเอาไว้ เขาซ่อนแอลไว้ในกระท่อมโดยไม่ให้ออกไปไหน และพยายามทำหน้าที่พ่ออย่างเต็มที่
เรื่องราวแปลกๆ ก็เริ่มเกิดขึ้นเมื่อฮอปเปอร์ได้รับรายงานว่ามีโรคระบาดในฟักทอง ทำให้ฟักทองเน่าไปทั่วทั้งเมือง ดัสตินเจอกับสัตว์ประหลาดตัวเล็กในถังขยะจึงเก็บมาเลี้ยงและตั้งชื่อว่าดาร์ตาญัง วิลพยายามสู้กับภาพหลอน แต่กลับถูก Mind Flayer เข้าสิง
วิลเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จอยซ์และฮอปเปอร์ช่วยกันไขปริศนาว่าวิลต้องการจะสื่อสารอะไรด้วยการวาดรูป จนได้พบว่ามีรากของอะไรบางอย่างอยู่ใต้เมืองฮอว์กินส์ บ็อบไขปริศนาได้ว่า รูปที่วิลวาดนั้นคือแผนที่ของเมืองฮอว์กินส์นั่นเอง ทางด้านแนนซี่ที่พยายามจะบอกความจริงเรื่องบาร์บาร่ากับครอบครัว ก็โดนห้องทดลองจับตัวไปพร้อมกับโจนาธาน แต่แนนซี่อัดเสียงเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเอาไว้ได้ เพื่อนำไปบอกกับนักสืบเมอร์เรย์
ฮอปเปอร์รู้ความจริงว่าแอลแอบออกไปโรงเรียน ทำให้พวกเขาทะเลาะกัน แอลรู้ความจริงว่าเธอมีแม่ จึงหนีออกจากบ้านไปเพื่อตามหาแม่ แต่แล้วก็พบว่าแม่ของเธอไม่อยู่ในสถานะที่พูดอะไรได้อีกแล้ว แต่เธอพบกับ กาลี เด็กสาวที่มีพลังพิเศษคล้ายกับเธอ กาลีสอนวิธีใช้พลังที่ถูกต้อง และชวนเธอเข้ากลุ่ม แต่แอลรู้สึกว่านี่ไม่ใช่ที่ของตัวเอง เลยตัดสินใจเดินทางกลับไป
เรื่องราวยิ่งซับซ้อนขึ้นไปอีกเมื่อฮอปเปอร์เจอประตูมิติสู่ Upside Down ที่อยู่ใต้แปลงฟักทองและติดอยู่ในมิติ ส่วนดาร์ตาญังที่ดัสตินเลี้ยงเอาไว้เริ่มโตขึ้นและดุร้าย ทำให้ดัสตินร่วมมือกับสตีฟเพื่อตามหาดาร์ตาญังที่โตมากลายเป็นเดโมด็อกและหนีไป ซึ่งมันอาจทำอันตรายได้ เด็กๆ ตัดสินใจบอกแม็กซ์ถึงความจริงของเมืองฮอว์กินส์ว่ามีอะไรเกิดขึ้น จึงได้ร่วมมือกันเป็นทีมใหญ่ขึ้นเพื่อหยุดยั้งเหล่าเดโมด็อก
ทำให้จอยซ์บ็อบ และวิลลงไปที่โลก Upside Down เพื่อตามหาฮอปเปอร์ แต่ก็เจอกับคนจากห้องทดลองที่พยายามเผารากประหลาดด้วยไฟ และนั่นทำให้รู้ว่ารากประหลาดนี้เชื่อมต่อกับตัววิลเอาไว้ การทำลายมันอาจทำให้วิลบาดเจ็บตามไปด้วย
ในขณะที่วิล จอยซ์ ฮอปเปอร์ และบ็อบอยู่ในห้องทดลอง เดโมด็อกก็หลุดออกมาโจมตี ทำให้บ็อบต้องเสียสละตัวเองเพื่อช่วยให้วิล จอยซ์ และฮอปเปอร์รอดออกไปได้ เมื่อทุกคนได้เจอกัน แลกเปลี่ยนข้อมูลที่ค้นพบมา ก็พบว่าทางที่จะกู้เมืองกลับมาได้อีกครั้งคือการปิดประตูมิติให้ได้
เดโมด็อกตามหาทุกคนจนเจอ ในขณะที่กำลังเข้าตาจน แอลก็กลับมาช่วยได้ทันเวลาพอดี จึงเกิดการแบ่งหน้าที่กันขึ้น แอลกับฮอปเปอร์จะบุกเข้าไปปิดประตูมิติในห้องแล็บ โจนาธาน แนนซี่ และจอยซ์จะพยายามไล่ Mind Flayer ออกจากร่างวิลด้วยการใช้ความร้อน ส่วนไมค์ ดัสติน ลูคัส สตีฟ และแม็กซ์ จะคอยหลอกล่อพวกเดโมด็อกให้ออกห่างจากทีมปิดประตูมิติ
ทุกคนทำได้สำเร็จ ความสงบสุขกลับมาอีกครั้ง แอลได้กลับมาใช้ชีวิตเป็นเด็กหญิงปกติเหมือนเดิมแบบไม่ต้องหลบซ่อน ทุกคนได้สนุกไปกับงานเต้นรำของโรงเรียน แต่ถึงแม้ว่า Mind Flayer จะออกจากร่างวิลไปแล้ว แต่เราก็ได้รู้ว่ามันยังคงจ้องมองเมืองฮอว์กินส์อยู่ไม่ไปไหน
Season 3
ซีซั่นที่ 3 เกิดขึ้นในช่วงเวลาหลังจากงานเต้นรำได้หนึ่งปี กลุ่มเด็กวัยรุ่นโตเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน ส่วนเด็กๆ ก็เริ่มแตกเนื้อหนุ่มสาว เรื่องราวในซีซั่นนี้จะเน้นไปที่ความสัมพันธ์ของตัวละครทุกวัย แต่ก็ยังคงมีเรื่องลึกลับอยู่ เมื่อห้างสตาร์คอร์ตแสนอลังการมาเปิดในเมือง แต่ภายใต้ห้างนั้นมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
กลุ่มเด็กๆ เริ่มโตเป็นวัยรุ่นและหัดมีความรัก ทั้งไมค์กับแอล และลูคัสกับแม็กซ์ ส่วนกลุ่มเด็กวัยรุ่นก็เริ่มเข้าสู่ช่วงวัยแห่งการทำงาน แนนซี่กับโจนาธานเข้าฝึกงานที่บริษัทหนังสือพิมพ์ด้วยกัน
เรื่องราวเริ่มแปลกขึ้นเมื่อดัสตินกลับมาจากไปค่ายวิทยาศาสตร์พร้อมกับเครื่องรับสัญญาณวิทยุที่สามารถคุยกับซูซี่ แฟนของเขาได้ แต่ไม่มีใครเชื่อว่าดัสตินมีแฟนจริงๆ ระหว่างที่พยายามติดต่อกับซูซี่ ดัสตินก็ได้ยินเสียงประหลาดที่เป็นภาษารัสเซียออกมาจากเครื่อง
ดัสตินตัดสินใจบอกเรื่องภาษารัสเซียที่เขาได้ยินกับสตีฟที่ทำงานอยู่ในร้านไอศกรีมที่ห้างสตาร์คอร์ต ในร้านไอศกรีมมีเด็กสาวชื่อ โรบิน ทำงานอยู่ด้วย พวกเขาช่วยกันถอดรหัสภาษารัสเซียนั้น และพบว่ามันเป็นการส่งสัญญาณของทหารรัสเซีย ที่บอกทางไปยังโกดังของห้าง ดัสติน สตีฟ โรบิน ได้เอริกา น้องสาวของลูคัส เข้ามาร่วมทีมการเสาะหาความจริงเบื้องหลังห้างสตาร์คอร์ต พวกเขาแอบเข้าไปในโกดังและค้นพบว่ามีฐานทัพอยู่จริง
เรื่องราวยังซับซ้อนขึ้นอีกเมื่อบิลลี่ประสบอุบัติเหตุรถยนต์ในเมืองตอนกลางคืน เมื่อลงมาดูรถก็พบกับเมือกประหลาด ก่อนที่เขาจะเปลี่ยนไปกลายเป็นคนละคน เขาก้าวร้าวขึ้นและดูไม่มีชีวิตจิตใจเลย ส่วนแนนซี่กับโจนาธานพบกับโรคระบาดในหนู ที่ทำให้หนูก้าวร้าวและระเบิดกลายเป็นเมือกเช่นกัน ทางด้านจอยซ์ก็พบว่าแม่เหล็กในร้านที่เธอทำงานอยู่แปลกไป มันดูเหมือนจะดึงดูดเข้าสู่พื้นโลก
จอยซ์พบว่าปรากฏการณ์แม่เหล็กประหลาดนั้นเกี่ยวข้องกับอุปกรณ์อะไรบางอย่างในห้องทดลอง และได้รู้ความจริงว่าห้างสตาร์คอร์ตนั้นเป็นเพียงการบังหน้า สิ่งอยู่ภายในห้างจริงๆ คือฐานทัพของทหารรัสเซียต่างหาก นอกจากนั้นฮอปเปอร์กับจอยซ์เจอห้องทดลองลับของฝั่งรัสเซีย ระหว่างที่หนีการไล่ล่าออกมา พวกเขาได้พา อเล็กซี่ ชาวรัสเซียคนหนึ่งจากห้องทดลองนั้นออกมาด้วย ซึ่งอเล็กซี่บอกพวกเขาว่าฝั่งรัสเซียกำลังพยายามจะเปิดประตูมิติสู่ Upside Down ใต้ห้างสตาร์คอร์ต
แนนซี่และโจนาธานสืบเบาะแสเรื่องโรคระบาดในหนูจนได้เจอกับคุณนายดริสครอลล์ที่พอจะรู้อะไรบ้าง แต่พวกเขาก็ถูกไล่ออกจากบริษัทหนังสือพิมพ์เพราะหัวหน้าของพวกเขาคิดว่าเรื่องนี้ทำให้คุณนายดริสครอลล์เดือดร้อน แนนซี่กับโจนาธานทะเลาะกัน จนแนนซี่ตัดสินใจว่าจะสืบต่อด้วยตัวเอง จนพบว่าโรคระบาดจากหนูนั้นติดต่อไปสู่คุณนายดริสคอลล์ ทำให้เธอมีอาการเหมือนวิลเมื่อครั้งที่เขาถูกเข้าสิงเลย
แม็กซ์และแอลพยายามหาเบาะแสเกี่ยวกับบิลลี่ที่ก้าวร้าวกว่าปกติ ก็พบว่า วิลคิดว่า Mind Flayer จะต้องอยู่ในร่างของบิลลี่แน่ เลยหลอกล่อให้เขาเข้าไปอยู่ในห้องซาวน่าเพื่อไล่มันออกไปเหมือนที่เคยทำในครั้งที่แล้ว แต่ไม่เป็นผล บิลลี่ทะลวงห้องออกมาและหนีกลับไปยังที่ซ่อนของตัวเองได้ ซึ่งที่ซ่อนของบิลลี่ในตอนนี้เต็มไปด้วยชาวเมืองฮอว์กินส์ที่ถูกเข้าสิง
ทางด้านแนนซี่และโจนาธานปรับความเข้าใจกัน ตัดสินใจไปหาเบาะแสเพิ่มเติมที่โรงพยาบาล แต่ก็ถูกโจมตีโดยชาวเมืองที่ถูกเข้าสิง แอลสู้กับ Mind Flayer และบิลลี่ จนได้รับบาดเจ็บที่ขา และสูญเสียพลังพิเศษไปในภายหลัง พร้อมกับค้นพบว่า Mind Flayer ต้องการที่จะฆ่าเธอเพื่อแก้แค้นที่เธอปิดประตูมิติ
หลังจากนั้นทุกคนได้มารวมตัวกันที่ห้างสตาร์คอร์ตเพื่อหาทางกู้เมืองนี้จากฝ่ายรัสเซียให้ได้ แอลดึงชิ้นส่วนของ Mind Flayer ออกมาจากขาตัวเอง กลุ่มเด็กๆ ร่วมมือกันสู้กับ Mind Flayer แอลดึงสติของบิลลี่กลับมาได้ และเมื่อบิลลี่ได้สติ เขาก็เสียสละตัวเองเพื่อปกป้องทุกคน ส่วนจอยซ์และฮอปเปอร์รับหน้าที่ปิดเครื่องเปิดประตูมิติ แต่ก็ไม่ง่ายอย่างที่คิดเมื่อเหตุการณ์พลิกผันทำให้ฮอปเปอร์ติดอยู่ในห้องเครื่อง และจอยซ์ต้องตัดสินใจระเบิดเครื่องทิ้งไปทั้งที่ฮอปเปอร์ยังอยู่ในนั้น
สามเดือนหลังจากนั้น ห้างสตาร์คอร์ตก็ถูกทำลายลง ความสงบกลับมาเยือนเมืองฮอว์กินส์อีกครั้ง และทุกคนก็ต้องแยกย้ายกันไปเติบโต แอลย้ายบ้านไปอยู่ที่แคลิฟอร์เนีย แต่เรื่องก็ยังไม่จบง่ายๆ เมื่อช่วงสุดท้ายเป็นภาพของฝ่ายรัสเซียที่มีเดโมกอร์กอนในครอบครอง และฮอปเปอร์ยังมีชีวิตอยู่
Season 4
เรื่องราวของซีซั่นที่ 4 จะเกิดขึ้นหกเดือนหลังซีซั่นที่ 3 เด็กๆ กำลังอยู่ในชั้นมัธยมปลาย และกำลังก้าวเข้าสู่ชีวิตวัยรุ่น แต่แล้วเหตุการณ์ปริศนาก็เกิดขึ้นที่เมืองฮอว์กินส์อีกครั้ง พวกเขาต้องเผชิญหน้ากับเรื่องเหนือธรรมชาติครั้งใหม่ ในขณะที่แอลยังไร้พลัง ส่วนฮอปเปอร์ยังคงดิ้นรนหลบหนีจากการเป็นนักโทษในประเทศรัสเซีย
รอดูได้ใน Netflix วันที่ 27 พฤษภาคมนี้กับ 7 ตอนแรก และอีก 2 ตอนในเดือนกรกฎาคม
อ้างอิงข้อมูลจาก