เราปั่นไฟ หนีฆาตกร ตั้งใจเข้าไปในดินแดนฝันร้าย กันมา ‘9 ปี’ แล้ว
เกม Dead by Daylight ถือเป็นอีกหนึ่งสุดยอดเกม ที่ตัวเกมได้สร้าง ‘รูปแบบ’ การเล่นเกมสยองขวัญขึ้นมา พูดง่ายๆ คือ พอเราพูดคำว่า Dead by Dayligh เราจะนึกถึงการเข้าเล่นเกมที่เหมือนกับการเล่นไล่จับ การแบ่งฝ่ายระหว่างผู้รอดชีวิต และฝ่ายฆาตกร เราแทบจะได้ยินเสียงของบรรยากาศ ได้ยินเสียงกาที่บินขึ้นท้องฟ้า เสียงหึ่งๆ ของเครื่องปั่นไฟ ไปจนถึงเสียงครวญครางของฝันร้าย
สิ่งที่ไม่น่าเชื่อคือ เกมประเภทสยองขวัญ ความน่าตื่นเต้น ที่พื้นฐานการเล่นของตัวเกมยังเป็นแบบเดิม แต่จำนวนผู้เล่นและการพัฒนาเกม ยังคงได้รับการพัฒนา ยังคงสร้างความตื่นเต้น รวมถึงชวนผู้คนเข้ามาในดินแดนฝันร้ายที่สู้กันด้วยการล้มไม้และการปั่นไฟเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน โดยทั่วไป ความน่ากลัวของเกม ย่อมลดลงไปตามกาลเวลา แต่ Dead by Daylight ในปีท้ายๆ ยังมีผู้เล่นสูงหลัก 50- 60 ล้านคน ในปี 2022- 2023
อะไรคือความสนุกของเจ้าเกม ‘ดบดล’ ของพี่เอก HRK อะไรคือสิ่งที่ทำให้เกมที่ยังคงรักษาแกนการเล่นรูปแบบดั้งเดิมเอาไว้ หรือการพาเอาฝันร้ายของหนังฆาตกรหรือหนังผีที่ไล่ล่าเรา ซึ่งยังทำให้ผู้เล่นอยากมาวิ่งไล่จับกันอย่างไม่รู้จบ ที่แม้ว่าระยะหลัง ผู้เล่นบอกว่า ไม่ได้เล่นเพราะ ‘น่ากลัว’ เท่าเดิมแล้ว

ดินแดนฝันร้ายและสายหมอก
เรื่องราวของ Dead by Daylight ค่อนข้างกระจัดกระจาย แต่ด้วยวิธีการเล่นนั้น เราเองดูจะเข้าใจตรรกะของความเป็นหนังหรือเรื่องแนวสยองขวัญได้ไม่ยาก เรา (ในกรณีที่เป็นผู้รอดชีวิต) ปรากฏตัวขึ้นในดินแดนลึกลับ ที่ๆ เราเป็นส่วนหนึ่งของพิธีกรรมของ Entity ที่มีพลังมากมายในดินแดนประหลาดนั้น เราต้องหนี ส่วนในทางตรงข้ามถ้าเรารับบทเป็นผู้ล่า เราก็ต้องล่า จับผู้เอาชีวิตรอดขึ้นแขวนบนตะขอแห่งความตาย
ในความเรียบง่าย ความสนุกของเกม อยู่ที่การนำเอาการละเล่นที่เรียบง่ายคือการวิ่งไล่จับและการเล่นซ่อนแอบ อันเป็นเกมพื้นฐานของทุกอารยธรรม เป็นการวางตัวละครที่ไม่เสมอภาค แต่ก็มีความเป็นธรรม คือมีฝ่าย ‘ผู้ล่า’ ซึ่งทรงอำนาจเป็นเจ้าของพื้นที่ และ ‘ผู้ถูกล่า’ ซึ่งมีมากกว่าด้วยจำนวน มีอุปกรณ์ช่วยเหลือและวิธีการเล่นที่แตกต่างกันออกไป การทำงานร่วมกัน ไปจนถึงการใช้เทคนิคฝีมือในการเล่น เช่นการกดปุ่นตามจังหวะต่างๆ การเลือก Perk การเลือกบทบาทของตัวเอง ไปจนถึงการ ‘เล่น’ กับฆาตกรเช่นการวิ่งหลบ การล่อหลอก การใช้อุปกรณ์รับมือ
นอกจากเกมเพลย์ที่ถูกออกแบบมาให้ไม่มีที่ที่สิ้นสุดตั้งแต่การสุ่มฉาก สุ่มเงื่อนไข สุ่มผู้เล่น สุ่มฆาตกร ไปจนถึงการพัฒนาเกมแล้ว ความเข้าใจของตัวเกมที่ดึงผู้เล่นเข้าไปในโลก สัมพันธ์กับการเอา ‘รูปแบบ’ ของเรื่องสยองขวัญ กลับมาเล่าใหม่ เราเข้าใจเรื่องราวการหนีของหนังเชือด เข้าใจการสร้างเงื่อนไขในการเอาชีวิตรอด เข้าใจไปจนถึงการมีเงื่อนไขพิเศษเช่นการหนีออกทางฉุกเฉินเพื่อรอดตามลำพัง
และที่สำคัญที่สุด การออกแบบเกมนอกจากจะอิงกับฝันร้ายที่เป็นเรื่องเล่าหรือหนังต่างๆ แล้ว ความน่ากลัวที่เราคุ้นเคยของ Dead by Daylight คือการให้ภาพการเล่นเกมที่เหมือนอยู่ในดินแดนของความฝัน และหนึ่งในฝันร้ายพื้นฐาน คือการที่เราต้องซ่อนตัวและกำลังหลบหนีอะไรบางอย่างอยู่

ความกลัว ที่อาจน้อยลง แต่สเน่ห์ที่ยังก้าวไปข้างหน้า
แม้เราจะบอกว่า Dead by Daylight เป็นเกมที่เอาฝันร้ายพื้นฐานมาทำให้เรายังอยากเล่นอยู่ ในขณะเดียวกัน ระยะหลังเราเริ่มรู้สึกว่า Dead by Daylight ไม่ได้ถูกขับเคลื่อนด้วยความน่ากลัว หรือตื่นเต้นเพราะอยากเอาตัวรอดไปพร้อมกับเพื่อนๆ อีกต่อไป พูดอย่างที่สุดคือมีความเห็นว่ามันไม่ได้เป็นเกมแนว Horror อีกต่อไปแล้ว
เงื่อนไขความน่ากลัวที่น้อยลง น่าจะมาจากหลายเหตุผล ความกลัว เป็นเรื่องของความสดใหม่ ระยะแรกเราจะรู้สึกว่าการเป็นผู้รอดชีวิต ค่อนข้างท้าทายกว่าการเล่นเป็นฆาตกร แต่พอนานเข้า เริ่มเข้าเล่นจากหลักสิบครั้ง จนหลายปีผ่านไป เราเริ่มชินกับโลกบิดเบี้ยว ฝ่ายผู้รอดชีวิตเริ่มกลายเป็นเจ้าของพื้นที่ของดินแดนแห่งความตาย เท่าๆ กับฆาตกร กลัวไปนานๆ เริ่มไม่น่ากลัว การเล่นเกมเริ่มกลายเป็นเรื่องของทักษะ
อีกเงื่อนไขที่ทำให้เกมยังคงสนุกอยู่ คือการที่ตัวเกม เข้าใจการเป็นแพลตฟอร์มของการเล่นซ่อนแอบและความสยอง มีการคอลแลปกับแฟรนไชส์ หรือเรื่องราวสยองขวัญ ตัวละครสยองขวัญในใจหรือในตำนานต่างๆ ตรงนี้เองเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้แม้ว่าเกมจะไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยความกลัว แต่โลกของความน่ากลัว กลับมีชีวิตและมีความสดใหม่ เราได้เห็นหรือได้เล่นเป็นปิรามิดเฮด เล่นเป็นซาดาโกะ ไปจนถึงอีกสารพัดตัวละครผีคลาสสิกที่ถูกตีความเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของเกม

ปรากฏการณ์ที่น่าสนใจจาก Dead by Daylight คือการที่ตัวเกมได้สร้างชุมชน ที่ไม่ได้สนุกแค่การเล่น หรือสร้างชุมชนผู้เล่นเพียงอย่างเดียว แต่ Dead by Daylight กลับเป็นเกมที่ ‘สนุกเมื่อได้ชม’ ตัวเกมเติบโตขึ้นพร้อมๆ กับวัฒนธรรมการสตรีมเกม การเกิดขึ้นของแฟนคลับหรือชุมชนคนดูการเล่นเกม ตัวเกม Dead by Daylight มักจะติดอันดับของเกมที่มีผู้ชมผ่าน Twitch มากที่สุดอยู่เสมอ
และแน่นอน คำว่า ‘ดบดล’ ก็มาจากชุมชนของสตรีมเมอร์ผู้เป็นที่รักคือพี่เอก HRK ซึ่งแน่นอนว่าเกม Dead by Daylight เป็นหนึ่งในเกมผีที่สามารถทั้งเล่นเพื่อความสนุกของความเป็นเกมสยองขวัญ และเป็นเกมที่เพลเยอร์ได้ฝึกฝนและแสดงทักษะทั้งจากการเล่นฝั่งผู้รอดชีวิต หรือการเป็นผู้ล่าสุดโหดที่ตามติดและไม่ปล่อยให้ใครก็ตามหนีรอดจากดินแดนและพิธีกรรมของไปได้
สำหรับ Dead by Daylight เป็นอีกเกมที่พัฒนาจากค่ายเกมอินดี้ ค่อยๆ กลายเป็นต้นแบบการเล่นเกมที่ส่งอิทธิพลต่อเกมอื่นๆ ตัวมันเองกลายเป็นบอร์ดเกม ไปจนถึงทุกวันนี้ที่ยังประกาศการฉลอง 9 ปี และเตรียมคอลแลปกับแฟรนไชส์ใหม่ๆ ตัวเกมส่งอิทธิพลถึงเกมมือถือเช่น Identity V และแน่นอน Home Sweet Home: Survive ซึ่งน่าสนใจว่า Dead by Daylight ยังถือว่ามีผู้เล่นและยังมีการพัฒนาต่อ แม้ในเวลาการเล่นที่ยาวนานที่น่าจะถึงจุดอิ่มตัวแล้ว
โมเดลของ Dead by Daylight จึงเป็นหนึ่งกรณีที่น่าสนใจทั้งจากการออกแบบเกม การเล่นกับบริบทหรือเรื่องราวตำนาน หรือแฟรนไชส์เรื่องสยองขวัญ ไปจนถึงการเล่นกับความรู้สึกพื้นฐานเช่นการอยากเข้าไปอยู่ในฝันร้าย ไปทดลองเป็นตัวเองในหนังสยองหรือหนังเชือดว่าเราจะรอดจากฝันร้ายได้ไหม ไปจนถึงการเติบโตขึ้นในแพลตฟอร์มความบันเทิง ทั้งชุมชนของคนเล่นเกม การชมสตรีมที่อาจสนุกกว่าเล่นเอง ไปจนถึงการพัฒนาต่อยอดที่ทำให้เกมยังเคลื่อนไหวและก้าวไปข้างหน้าเสมอ
อ้างอิงจาก