เกิดเป็นประเด็นร้อนในโลกทวิตเตอร์ตั้งแต่เมื่อคืน หลังจากที่มีศิลปินมาทวีตข้อความบอกว่า ผลงานของตนเองถูกขโมยเอาไปลงขาย NFT โดยไม่มีการขออนุญาต ชาวทวิตเตอร์หลายคนจึงเข้ามาแสดงความคิดเห็น ความเห็นใจ และลามไปถึงการแสดงความไม่พอใจต่อวงการคริปโตเคอร์เรนซีและ NFT นำมาซึ่ง #สายผลิตไม่เอาNFT ที่กลายมาเป็นข้อถกเถียง
โดย #สายผลิตไม่เอาNFT (ในที่นี้ สายผลิต คือ การผลิตงานศิลปะและสร้างสรรค์ โดยเป็นคำที่ผู้ใช้งานทวิตเตอร์บางกลุ่มใช้เรียกกลุ่มครีเอเตอร์งานศิลปะ) นั้น แสดงความไม่พอใจต่อ NFT แบ่งออกเป็นหลากหลายประเด็น ดังนี้
– เรื่องลิขสิทธิ์: โดยความเห็นบอกว่า NFT ไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องลิขสิทธิ์งานศิลปะ เพราะยังมีกรณีการขโมยผลงานไปแอบอ้าง/ขาย ขณะที่งานศิลปะดั้งเดิมยังจดลิขสิทธิ์ได้เป็นชิ้นอัน
– ทำลายสิ่งแวดล้อม: อุตสาหกรรมคริปโตฯ ใช้พลังงานเป็นจำนวนมากทั้งในการขุด (ผลิต) การทำธุรกรรม ฯลฯ NFT จึงเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้โลกร้อน
– NFT คือแหล่งฟอกเงิน หลายคนเอาเงินมาทุ่มซื้อเพื่อแปลงทรัพย์สิน
– NFT ทำให้ศิลปะเกิดการเก็งกำไร ราคาที่พุ่งขึ้นสูงเรื่อยๆ ก็เหมือนแชร์ลูกโซ่ที่คนมาทีหลังอาจจะกลายเป็นลุกช้าเสียรอบวง
– ศิลปิน NFT ผลิตผลงานต้องการเพียงเงิน ไม่ได้รักในงานศิลปะจริงๆ
อย่างไรก็ตาม ภายหลังจาก #สายผลิตไม่เอาNFT บูมขึ้น ก็มีศิลปิน NFT ออกมาโต้แย้งว่า NFT ไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดนั้น ตัวเทคโนโลยีได้สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างโอกาสใหม่ๆ และเปิดเวทีให้ใครหลายคน ขณะเดียวกันมันคือเทคโนโลยีที่ก้าวไปข้างหน้า และ NFT ไม่ใช่แค่งานศิลปะ แต่อนาคตจะเป็นอะไรก็ได้ที่สร้างประโยชน์อื่นๆ เช่น การนำ NFT ไปผูกกับบัตรประชาชนหรือใบขับขี่ ก็จะทำให้การตรวจสอบโปร่งใสและง่ายขึ้น
ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก Patibut Narm Preeyawongsakul ซึ่งวันนี้เพิ่งเปิดตัวโปรเจกต์ NFT ‘Terrans’ ให้ความเห็นต่อประเด็นศิลปิน NFT หน้าเงินว่า ความจริงแล้วก็ไม่ผิดที่ศิลปินจะต้องการเงิน เพราะทุกคนต้องกินข้าว และเราอยู่ในประเทศที่ไม่สวัสดิการอะไรครอบคลุมตอนแก่ และศิลปินในประเทศไทยก็ไม่มีใครมาส่งเสริม ทุกคนต่างต้องผลักดันตัวเอง จึงไม่เห็นด้วยที่เพื่อนร่วมวงการด้วยกันออกความเห็นมาโบยตีกันเอง
“ผมทำคอลเลกชั่นออกแบบตัวละครชิ้นหนึ่งในบล็อกเชน ETH ผมบริจาคส่วนนึงให้กองทุนราชประสงค์ บางชิ้นผมบริจาค 100% ไม่เก็บเงินแม้กระทั่งค่าธรรมเนียมโอนออก ผมอยู่ในโปรเจกต์ที่เปอร์เซ็นต์เข้ากองทุน Restore Earth ของ Angel Protocol ที่จะกระจายเงินไปเพื่อแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม ศิลปินบางคนในโปรเจกต์ให้งานฟรีๆ ไปประมูลเพื่อการกุศลด้วยซ้ำ” ส่วนหนึ่งในสเตตัสเขาระบุ
เขายังให้ความเห็นในประเด็นการเก็งกำไรด้วยว่า แท้จริงแล้วงาน NFT ไม่ใช่งานศิลปะ “มันเป็นอะไรก็ได้ที่มนุษย์จะให้ค่ามันได้” ซึ่งวงการศิลปะ NFT เกิดขึ้นเพราะศิลปินเห็นช่องทางว่า NFT เอาศิลปะเข้าไปจับคู่กันได้ เขายังยกตัวอย่างด้วยว่า หลายวงการก็มีการเก็งกำไร ไม่ว่าจะวงการพระเครื่อง บอนสี หรือการ์ดแถมจากซองขนม
ด้าน ‘สินา วิทยวิโรจน์’ เจ้าของเฟซบุ๊กเพจ Sina Wittayawiroj® และศิลปิน NFT ได้เขียนสเตตัสแสดงความเห็นถึงประเด็นนี้เช่นกัน โดยส่วนตัวแล้ว เขาสนับสนุน NFT และสำหรับ กระแส #สายผลิตไม่เอาNFT เขามองว่าเป็นการถกเถียงของคนสองกลุ่มที่เข้าใจโลกคริปโตฯ และ NFT ไปคนละแบบ
“ฉะนั้นอะไรคือพื้นที่ตรงกลางของดราม่า NFT ล่าสุด คำตอบคือ ไม่มี การถกกันแบบนี้สุดท้ายแล้วไม่ได้อะไรทั้งสิ้น นอกจากฝั่งที่เห็นด้วยก็เห็นด้วย ฝั่งที่ไม่เห็นด้วยก็ไม่เห็นด้วย”
เขาให้เหตุผลเพิ่มเติมว่า เขาไม่ได้เถียงข้อเสียทั้งหมดของ NFT ที่อีกฝ่ายยกมา ซึ่งปัญหาต่างๆ ที่หยิบมาเถียงกัน ผู้พัฒนาต่างๆ ก็พยายามที่จะแก้ปัญหาอยู่ อย่างไรก็ตาม วงการศิลปะ NFT ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่มันคือชีวิตและเป็นอาชีพสำหรับเขาด้วย
“ […] NFT กลายมาเป็นหนึ่งในหนทางที่ทำให้ผมออกจากพื้นที่ปลอดภัยของตัวเอง ขุดทุกทักษะที่มีขึ้นมาสร้างผลงาน (จะเรียกมันว่าอะไรก็แล้วแต่ศิลปะ ดีไซน์ ใบเสร็จ) และขายมัน ลูกค้าคือใครก็ได้ในโลกใบนี้ที่มีเหรียญ ETH ในกระเป๋า ได้เจอกับศิลปิน นักสร้างสรรค์ โปรแกรมเมอร์ นักพัฒนา นักสะสม และนักลงทุนในอีกซีกโลกที่เห็นคุณค่าในสิ่งที่เราทำ ในแบบที่เราไม่เคยได้รับจากประเทศนี้” สินาระบุในเฟซบุ๊ก
ทั้งนี้ อีกประเด็นที่น่าสนใจคือดราม่าเรื่องโลกร้อนจาก NFT ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องจับตากันในปีหน้าอย่างใกล้ชิด เพราะโดยปกติแล้ว NFT จะถูกลงผลงานในบล็อกเชนของอีเธอเรียมและใช้เหรียญ ETH เป็นค่าธรรมเนียม ซึ่งปัจจุบันบล็อกเชนอีเธอเรียมมีผู้ใช้งานและผู้ร่วมพัฒนาจำนวนมาก ทำให้เกิดธุรกรรมมหาศาล เกิดปัญหาทั้งการใช้พลังงานจำนวนมาก ค่าธรรมเนียมราคาสูง ซึ่งเจ้าของอีเธอเรียมไม่ได้นิ่งนอนใจ ค.ศ.2022 พวกเขาพยายามจะอัพเกรดเชนสู่ ETH 2.0 ซึ่งอ้างว่า ทำธุรกรรมได้ไวขึ้น ถูกขึ้น ประหยัดพลังงานมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าถ้าสำเร็จ ก็จะลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้
บล็อกเชน คริปโตฯ และ NFT เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่คนต่างเข้าถึงกันได้มากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่าน ประเด็นดราม่า #สายผลิตไม่เอาNFT ก็เป็นหนึ่งในกระบวนการที่ทำให้เกิดการถกเถียงกันในสังคม และเราคงต้องติดตามความเคลื่อนไหวกันต่อไป
อ้างอิงข้อมูลจาก
https://www.facebook.com/…/a.1016984787…/240453991528579
https://www.facebook.com/photo?fbid=6742727609100841&set=a.179502608756740
https://www.facebook.com/sina.wittayawiroj
#NFT #cryptocurrency #TheMATTER