“แกว่ากลับไปดีกับเขาดีมั้ย?”
“คราวนี้เลิกแน่ แกไม่ต้องห่วง”
ประโยคจี๊ดใจที่ได้ยินเมื่อไหร่ เป็นอันรู้กันว่าจานข้าวตรงหน้ากำลังเปลี่ยนเป็นอาหารเม็ด ก่อนกินข้าวก็เป็นคนอยู่ดีๆ เพื่อนรักก็เปลี่ยนคาแร็กเตอร์ให้ รอบเดียวไม่เท่าไหร่ แต่หลายรอบเข้าก็เริ่มไม่ไว้ใจแล้วว่าการให้คำแนะนำเพื่อนครั้งหน้า จะสะท้อนกลับมาเป็นการกลายร่างอีกหรือเปล่า หากชีวิตนึงจะต้องเป็นหมาบ่อยขนาดนี้ จะรับมือกับเรื่องนี้ยังไงได้บ้างนะ
เป็นเรื่องปกติเอามากๆ หากเวลาเราสนิทกับใครสักคน แล้วเราจะแชร์ความเป็นไปในชีวิตให้เพื่อนฟังอยู่เสมอ เรื่องของหัวใจก็เช่นกัน รู้ตั้งแต่แอบปลื้ม ไปจนขั้นตอนสานสัมพันธ์ จนมาเป็นแฟนกันในปัจจุบันก็ใช่ว่าจะสามารถปลดระวางตำแหน่งที่ปรึกษามือหนึ่งไปได้ เพราะในตอนเป็นแฟนกันนี่แหละ เป็นช่วงเวลาที่ต้องการคำปรึกษามากที่สุด กลุ้มใจเล็กน้อย ไปจนถึงหาทางออกให้เรื่องใหญ่ ไม้อ่อนก็แล้ว ไม้แข็งก็ไม่รอด จนถึงตอนที่เพื่อนรักถอดใจ อยากจะจบความสัมพันธ์ลง เราก็ต้องสแตนบายเป็นแพทย์สนาม
แน่นอนว่า คงไม่มีใครอยากเห็นเพื่อนรักเจ็บปวด “แกทำถูกแล้ว” “คนดีๆ รอแกอยู่อีกเยอะ” สารพัดคำปลอบใจที่พอจะเยียวยาใจที่เจ็บช้ำของเพื่อนได้ ถูกงัดมาใช้จนกว่าน้ำตาจะแห้งลง ตอนปลอบก็เหมือนจะเข้าใจ “คราวนี้เลิกแน่” ใช่แล้ว ไม่เลิกหรอก ขนข้าวของออกมาไม่ทันไร แค่เขาส่งอีโมจิมาง้อก็พร้อมจะหอบข้าวของกลับไป เพื่อนเรามันก็พูดจริงทำจริงเสียด้วย “ก็เขามาง้อ” “อยากให้โอกาสเขาอีกครั้ง” นั่นเป็นวินาทีเดียวกันกับที่เรารู้แล้วว่า อาหารเม็ดพร้อมเสิร์ฟแล้ว
เหตุผลที่คนเราไม่อยากเป็นหมา
เพื่อนมีความสุขเราก็ดีใจ จะกลับไปก็ไม่มีใครว่า ในครั้งแรก! หากเป็นครั้งที่ 2 3 4 เหมือนดูหนังม้วนเดิม ไม่แปลกเลยหากเราจะเริ่มกลัวการเป็นหมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เพราะในมุมของเพื่อน แน่นอนว่าเราอยากเห็นเพื่อนเรามีความสุขอยู่แล้ว แม้ว่าทางนั้นจะเป็นทางที่เราไม่ได้เห็นด้วยก็ตาม
เชื่อว่าหลายคนก็เลือกจะเคารพการตัดสินใจของเพื่อนทั้งนั้น แต่ว่าสิ่งที่ทำให้หลายคนเข็ดขยาด กลัวการเป็นหมา อย่างแรกเลย เราก็ใส่เต็มข้อ ออกตัวแรงมิดไมล์ เพราะคิดว่าเพื่อนจะเลิกกับเขาจริง พอกลับมาดีกัน มันก็ประดักประเดิดเสียหน่อย ที่ต้องเห็นเพื่อนเรากลับไปหวานกับคนที่เราด่าไม่เหลือชิ้นดีเมื่อวันก่อน หรือหากต้องเจอหน้ากัน ก็ไม่รู้ว่าจะมองหน้ากันติดแค่ไหน
อย่างต่อมา คงเป็นเรื่องทางใจที่รู้สึกว่าคำแนะนำของเราถูกมองข้ามครั้งแล้วครั้งเล่า หากเป็นการบอกเล่า ระบายความในใจ เราอาจทำหน้าที่รับฟังแล้วไม่คาดหวังอะไร แต่พอเป็นการขอคำปรึกษาด้วยเรื่องเดิมๆ ปัญหาเดิมๆ แล้วเราก็ตอบอะไรแบบเดิมกลับไปทุกครั้ง แต่ดูเหมือนจะไม่เข้าหูเพื่อนเราสักเท่าไหร่ ถึงได้เอาเรื่องเดิมมาปรึกษาซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่แบบนี้ ฟีลว่าถ้าไม่ฟังจะถามทำไม
จริงๆ อาจจะมีเหตุผลอีกมากมายที่ทำให้เราเบื่อจะต้องกินอาหารหมาที่ป้อนโดยเพื่อนรักตัวดี แต่ก็ด้วยความเป็นเพื่อนอีกเช่นกันที่ช่วยให้เราเลือกที่จะกินอาหารเม็ดอย่างเมามัน โดยไม่สนว่าจะต้องกินอีกกี่ครั้งก็ตาม เพราะสุดท้ายแล้ว สิ่งที่เราอยากเห็นที่สุดคงเป็นความสุขของเพื่อน ไม่ว่าสิ่งนั้นมันจะขัดกับความเห็นของเราแค่ไหน
แต่ถ้าสิ่งนั้นมันเกิดกับเราบ่อยเกินไป กลายร่างบ่อยเหมือนเป็นแอนิเมจัส (พ่อมดแม่มดที่กลายร่างเป็นสัตว์ได้ จากภาพยนตร์ Harry Potter) เราจะรับมือกับเรื่องนี้ยังไงได้บ้างให้เราเองไม่ต้องขุ่นข้องหมองใจกับคำปรึกษาที่เป็นดั่งคำสาปให้กลายเป็นหมาแบบนี้
- ฝึกกินบาร์ฟและเลือกอาหารเม็ดรสโปรด (ล้อเล่น)
- สำรวจความต้องการให้แน่นอน ต้องการเพื่อนรับฟังกด 1 ต้องการโรงไฟฟ้ามาช็อตฟีลกด 2 ต้องการคนเข้าข้างกด 3 โปรดถามเพื่อนให้แน่ใจว่าการวิ่งแจ้นมาพร้อมน้ำตาครั้งนี้ จริงๆ แล้วต้องการอะไรกันแน่ หลายครั้งที่เราเป็นหมาแล้วมันพาให้หงุดหงิด เป็นเพราะสิ่งที่เราให้เพื่อนไปมันไม่ตรงกับความต้องการ เพื่อนแค่อยากมีคนรับฟัง แต่เราดันวางแผนหาทางเลิกให้เรียบร้อย หรือเพื่อนแค่อยากได้คำแนะนำ แต่เราดันด่าแฟนเพื่อนไม่เหลือชิ้นดี สำรวจความต้องการของเพื่อนให้ดี ให้ไม่ต้องผิดหวังด้วยกันทั้งคู่
- จับเข่าคุยถึงผลกระทบในมุมเพื่อน เราคงมีโอกาสได้พูดถึงปัญหาของเพื่อนและใครคนนั้นบ่อยแล้ว ก็ต้องยอมรับตามตรงว่า เราก็ต้องเคารพการตัดสินใจของเพื่อนเช่นกัน ว่าแนะนำไปแล้วจะทำยังไงต่อ จะเอาคำแนะนำไปใช้แค่ไหน เพราะนั่นคือความสัมพันธ์ของเขา งั้นเราลองพูดถึงผลกระทบของความสัมพันธ์ที่มีต่อกลุ่มเพื่อนดูบ้าง ว่าการที่คบคนนี้แล้วมันทำให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนเป็นยังไงบ้าง เพื่อนต้องเป็นห่วงมากขึ้นเวลาขาดการติดต่อ เพราะแฟนคนนี้ค่อนข้างเจ้าอารมณ์ มีโอกาสโดนทำร้าย เพื่อนไม่ค่อยได้เจอหน้า เพราะคนนี้ชอบบงการชีวิต ไม่เปิดโอกาสให้ไปไหนมาไหนกับกลุ่มเพื่อนเลย เป็นต้น อะไรเหล่านี้เป็นสิ่งที่เพื่อนมีสิทธิ์บอกได้ เพราะมันคือเรื่องของเรากับเพื่อนโดยตรง
- อัดเสียงเอาไว้ฟัง ครั้งที่แล้วก็เรื่องนี้ 2 ครั้งก่อนก็เรื่องนี้ ครั้งต่อไปก็คงไม่พ้นเรื่องเดิม ดังนั้น พอกำลังจะให้คำปรึกษาเรื่องนั้นแล้วล่ะก็ เปิดโทรศัพท์อัดเสียงเก็บเอาไว้ได้เลย หากครั้งหน้าเพื่อนมาปรึกษาด้วยเรื่องเดิม เราก็ไม่ต้องหัวเสียกับการพูดเรื่องเดิมซ้ำๆ เพราะเรามีอัดเอาไว้แล้ว จะเก็บไว้หลายๆ เทป แยกเป็นหมวดหมู่ก็ย่อมได้ ขึ้นเสียง ขี้โมโห เอาแต่ใจ วันนี้ต้องแนะนำเรื่องไหน ก็ส่งไฟล์เสียงได้เลย
อะไรเหล่านี้อาจช่วยให้เรารับมือกับการเป็นหมาได้ดีมากขึ้น เพราะแม้จะเบื่อแค่ไหน ถ้าหากเพื่อนมาพร้อมน้ำตานองหน้า มีหรือที่เราจะเมินเฉยไปได้ เลยทำให้เรามีโอกาสที่จะเป็นหมาอยู่เรื่อยๆ นั่นแหละนะ แต่เราจะทำยังไง หากเพื่อนต้องการคำแนะนำจากเราจริงๆ
- ยืนอยู่ในมุมของเพื่อน แม้เราจะรู้สึกว่า หากเรามองในมุมคนนอกเกม จะช่วยให้เราเห็นอะไรกว้างขึ้น เพื่อนก็ควรถอยออกมาเห็นอะไรที่กว้างเช่นเดียวกับเรา ตราบใดที่เพื่อนยังมูฟออนไม่ได้ เพื่อนเราจะยังเป็นคนในเกมอยู่เสมอ ดังนั้น อาจต้องเป็นเราเอง ที่ไปยืนอยู่ในมุมของเพื่อน ถ้าหากเจอปัญหานี้ ในเงื่อนไขแบบนี้ เป็นเราจะทำยังไง อาจช่วยให้เราเข้าใจเพื่อนมากกว่าหัวเสียไปกับเรื่องง่ายๆ ในมุมของเรา แต่เป็นเรื่องยากในมุมของเพื่อน
- ย้ำเตือนให้เห็นคุณค่าในตัวเอง บางครั้ง ความรัก ความสัมพันธ์ อาจทำให้ความมั่นใจในตัวเองที่เคยมีหดหาย คุณค่าในตัวเองที่เปล่งประกายหม่นหมองลงไป เราที่เห็นเพื่อนมาในหลายเวอร์ชั่น ตั้งแต่ร่างทองไปยันยุคมืด สามารถช่วยย้ำเตือนถึงวันเฉิดฉายของเพื่อนได้ แม้จะต้องฉีดยากันอีกกี่เข็มก็ต้องทำ เพราะนั่นอาจช่วยดึงความมั่นใจของเพื่อนกลับมาได้ และช่วยให้ตัดสินใจในเรื่องอื่นๆ ได้ดีมากขึ้น
- ให้คนมีประสบการณ์มาช่วย หากปัญหาเดิมๆ ที่ทำเราหมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เคยมีกรณีศึกษาเกิดขึ้นมาแล้ว ลองเก็บข้อมูลจากตรงนั้น หรือให้คนนั้นมาช่วยพูด ช่วยแนะนำ อาจช่วยแก้ปัญหาได้ตรงจุด หรืออย่างน้อยก็ชี้ให้เห็นถึงปัญหาจากคนที่ข้ามปัญหานี้มาแล้ว อย่างมีน้ำหนักมากกว่าเราที่ไม่ได้ยืนอยู่ในปัญหาแบบเดียวกับเพื่อนมาก่อน
ไม่ว่าจะเห่าจะหอนอีกกี่ครั้ง ภารกิจของเราก็ยังคงเป็นเรื่องเดิม ที่ต้องการโอบอุ้มเพื่อนตัวดีคนนี้ไว้ หากต่อต้านไม่ได้ ก็เข้าร่วมและเรียนรู้ที่จะเป็นหมาอย่างมีความสุขกันเถอะ
อ้างอิงจาก