คำว่า ‘สายเกินไป’ กำลังรั้งไม่ให้เราเริ่มต้นใหม่อยู่หรือเปล่า?
ออกจากงานที่ทำมาหลายปี เพราะอยากเปลี่ยนสายงานตอนอายุ 40 มันสายเกินไปหรือเปล่านะ มีแต่ปริญญาใจมาตลอดชีวิต อยากเริ่มเรียนปริญญาตรีตอนอายุ 50 ไม่มีใครแก่เกินเรียนจริงไหม รักพัง ความผูกพันเป็นศูนย์ ตัดสินใจหย่าตอนอายุ 60 ก็กลัวสายตาคนมองเข้ามา
ทั้งที่มีความต้องการอันล้มเปี่ยมอยู่ในใจแล้วแท้ๆ แต่อะไรกันนะที่เหนี่ยวรั้งพวกเราไว้? เรามองเห็นอะไรในความกังวลเหล่านี้บ้าง?

ความกังวลในเรื่องของอายุกับการกลัวว่ามันจะไม่ทันการ แทรกซึมอยู่ในทุกช่วงชีวิตของเรา มันเร่งรัดราวกับว่า ชีวิตเราจะต้องมีเส้นตายอยู่ในช่วงอายุนี้เพียงเท่านั้นเท่านี้ ในวัยรุ่นวัยว้าวุ่น เราต้องรีบหาตนเองให้เจอ หาให้รู้ว่าตนเองชอบอะไร อยากเป็นอะไร ก่อนเลือกคณะในมหาวิทยาลัย จบมาไม่ทันพักหายใจก็ต้องรีบหางานทำ และพอก้าวเข้าสู่วัยทำงาน ก็ยังต้องรีบก้าวหน้า เติบโต ไขว่คว้าความมั่นคง เพื่อสร้างชีวิตตามค่านิยมในสังคม ต้องสำเร็จตอนอายุเท่านั้น ต้องมั่นคงอยู่ตัวตอนอายุเท่านี้
จนเราอาจได้ยินเรื่องมีบ้านมีรถ มีครอบครัว มีความพร้อมในวัย 30 กระทั่งเกษียณแล้วต้องมีเงินเก็บเท่านั้นเท่านี้เพื่อเลี้ยงตัวเองไปจนแก่ได้ จนค่านิยมในยุคสมัยใหม่นี้ตีกลับมาปลอบประโลมวัยหนุ่มสาวว่า ชีวิตเราไม่ได้เร่งรีบขนาดนั้น แน่นอนว่าเราไม่ได้กำลังจะมาปลอบประโลมเรื่องเดิมเพิ่มอีกหนึ่งเสียง แต่อยากชวนมองถึงอีกสิ่งหนึ่งที่เป็นผลข้างเคียงซึ่งตามมาอย่างเงียบเชียบ นั่นคือ ความกลัวที่จะเริ่มใหม่
เมื่อค่านิยมสังคมขีดเส้นตายให้เราแล้ว มันอาจกำลังบอกใบ้กับเราว่า ช่วงวัยหลังจากนี้จะไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะอีกต่อไป ต่อให้เรายังมีแรงกายและแรงใจในการเริ่มใหม่ หันไปทำสิ่งที่ใจเรียกร้อง เราก็ยังกลัวว่าจะสายเกินไปหรือเปล่านะอยู่ดี เพียงเพราะมันไม่ใช่ช่วงเวลาไพรม์ไทม์ในชีวิตอีกต่อไปแล้ว
นั่นเลยทำให้ใครหลายคนเลือกยึดติดอยู่กับสิ่งที่มั่นคง สิ่งที่มีในปัจจุบัน เพราะไม่กล้าผิดพลาด ไม่กล้าล้มลง เนื่องด้วยกลัวว่าจะไม่มีโอกาสรอเราอยู่ข้างหน้าอีกต่อไปแล้ว

อายุเท่าไหร่ก็ยังไม่สายเกิน
หากลองถามตัวเองเล่นๆ ในตอนนี้ว่า เราจะให้โอกาสตัวเองได้ลองผิดลองถูกกับอาชีพ หน้าที่การงาน เราจะยืดหยุ่นได้จนถึงอายุเท่าไหร่กัน?
ฮาร์แลนด์ เดวิด แซนเดอส์ (Harland David Sanders) หรือที่รู้จักกันดีในนาม ‘ผู้พันแซนเดอส์’ ผู้ก่อตั้งร้านไก่ทอดเฟรนไชน์ยักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง KFC เขาได้ลองผิดลองถูกกับอาชีพของเขามาตลอดชีวิต ตั้งแต่การเป็นชาวสวน คนขายประกัน พนักงานดับเพลิง และทหาร จนในที่สุดเขาก็ได้มาทำในสิ่งที่เขาถนัด อย่างการทำอาหารในวัย 40 และในวัย 50 สูตรไก่ทอดเลื่องชื่อจึงได้ถือกำเนิดขึ้นมาบนโลกนี้ แต่กว่าจะปลุกปั้นแบรนด์จนก่อตั้งบริษัทได้สำเร็จ เขาก็ล่วงเลยเข้าไปถึงวัย 65 ปีแล้ว
หากไม่พูดถึงอายุล่ะ เราจะให้โอกาสตัวเองได้ลงมือทำในสิ่งที่ใจรักหรือเปล่า แม้ว่าเราจะยังไม่รู้ว่ามันจะสำเร็จหรือไม่?
ผู้ทรงอิทธิพลในวงการแฟชั่นอย่าง วิเวียน เวสต์วูด (Vivienne Westwood) เธอตัดสินใจเริ่มต้นชีวิตใหม่ในวัย 30 ด้วยการแยกทางกับสามีคนแรก และเริ่มทำงานออกแบบร่วมกับคนรักใหม่ หรืออย่าง ริชาร์ด สตาร์ก (Richard Stark) หนึ่งในผู้ก่อตั้งแบรนด์หรูแห่งฮอลลีวูดอย่าง ‘Chrome Hearts’ แม้เขาจะทำงานเป็นช่างไม้ แต่ก็ไม่เคยละทิ้งใจที่รักในการออกแบบเสื้อผ้า จนได้มาก่อตั้งแบรนด์นี้ร่วมกับเพื่อนอีก 2 คนในโรงรถ โดยหวังเพียงอยากทำเสื้อผ้าใส่กันเอง และรับงานแค่หอมปากหอมคอเท่านั้น
แน่นอนว่าเราไม่อาจเคลมความสำเร็จของพวกเขา จนมั่นอกมั่นใจว่าเราจะต้องทำได้อย่างนั้นเป็นแน่ แต่สิ่งหนึ่งที่น่าสนใจในเรื่องราวนี้คือ พวกเขาไม่หมดหวังต่อการเริ่มต้นใหม่
ไม่ใช่แค่ในเรื่องงาน หรือความสำเร็จในชีวิตเท่านั้น เรื่องอื่นๆ ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ อย่างการลองกิจกรรมใหม่ๆ งานอดิเรกที่ชื่นชอบ ความฝันที่ยังไม่ลงมือทำ ไปจนถึงการเริ่มต้นชีวิตใหม่จริงๆ อย่างการหย่าร้าง หรือแต่งงานใหม่ แต่เหมือนว่ายิ่งอายุมากเท่าไหร่ สังคมกลับยิ่งไม่เปิดโอกาสให้เราได้ลองตัดสินใจอีกครั้ง นั่นเท่ากับว่าชีวิตเราจะเป็นเหมือนเกมที่มีจุดเซฟ ไม่มีวันหันหลังกัน ไม่มีโอกาสใหม่ให้ตัวเองอีกแล้วงั้นหรือ?
ลองเชื่อในตัวเองดูสักครั้ง ตราบใดที่ความต้องการลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างยังวนเวียนอยู่ในใจ นั่นหมายความว่า เราก็ยังมีไฟที่จะลงมือทำ และก็แปลว่ายังมีโอกาสรออยู่เสมอยังไงล่ะ อยู่ที่เราจะมอบโอกาสนั้นให้ตัวเองหรือเปล่า

มีตัวเลขจาก Bowling Green State University ระบุว่า อายุเฉลี่ยของการหย่าครั้งแรกในสหรัฐฯ ในปี 2020 พบว่าอายุโดยเฉลี่ยของผู้ชายอยู่ที่ 42.6 ปี และอายุโดยเฉลี่ยของผู้หญิงอยู่ที่ 40.1 ปี ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปี 1970 อย่างมีนัยสำคัญ นอกจากนี้ อัตราการหย่าร้างในกลุ่มคนอายุ 65 ปีขึ้นไป ยังเพิ่มขึ้น 3 เท่า ในระหว่างปี 1990-2021 สิ่งนี้จึงอาจกำลังบอกเราว่า ยิ่งโลกหมุนไปเท่าไหร่ คนเรายิ่งให้โอกาสตัวเองในการตัดสินใจมากเท่านั้น หลายคนที่อยู่ในวัยสูงอายุ วัยที่ใครต่างคาดหวังว่าชีวิตต้องลงตัวแล้ว พวกเขายังสามารถเลือกที่จะตัดสินใจเพื่อตัวเองได้อีกครั้ง
ดังนั้น ไม่ว่าเราจะอยู่ในช่วงไหนของชีวิต สิ่งสำคัญคือ อย่าเพิ่งปิดโอกาสของตัวเอง แม้จะล้มมากี่ครั้งก็อย่าเพิ่งยอมแพ้ หรือเมื่อเราได้ก้าวมาถึงช่วงอายุหนึ่งแล้ว ช่วงอายุที่เราควรจะมั่นคง อยู่ตัว แต่จิตใจเรายังมีเรื่องอีกมากมายที่อยากลอง มีถนนอีกหลายสายที่อยากเดิน การเริ่มต้นใหม่อาจไม่มีช่วงเวลาที่สายไปอย่างที่เราเคยเข้าใจ
แม้หลายๆ อย่างอาจจะยังไม่เป็นใจ แต่เราก็สามารถเริ่มใหม่เท่าที่เงื่อนไขในวันนี้ของเราเอื้ออำนวย ค่อยๆ หาลู่ทางที่ลัดเลาะไปได้ เช่นเดียวกับวันที่เราเคยเริ่มต้นแรกๆ ไตร่ตรองมันให้ดีเหมือนกับวันที่เราตัดสินใจจะไม่ละทิ้งความฝันที่มี
ไม่ว่าจะล้มตอนไหน อย่าลืมให้โอกาสตัวเองได้ลุกขึ้นใหม่ได้เสมอ
อ้างอิงจาก