ความแข็งแกร่งระหว่างขาทั้งสอง กำลังอวดโฉมอยู่ตรงหน้า ผิวหนังตึงแน่นจนเห็นเส้นเลือดชัด ยิ่แสดงให้เห็นว่าเจ้าหนูพร้อมลงสนามขนาดไหน แต่ก่อนความแกร่งนี้จะถูกกลืนไปในเนื้อแนบชิดเบื้องล่าง ขอให้ริมฝีปากนี้ได้ลิ้มชิมรส ราวกับเป็นจานโปรดกลืนกินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่มเสียที
เนินนรีของสาวๆ เองก็เย้ายวนใจไม่ต่างกัน ยิ่งความชื้นฉ่ำก่อตัวมากแค่ไหน ยิ่งเชื้อเชิญให้มาจรดเนื้อแนบแน่นนี้ไปมา จากบนลงล่าง กวาดไปตามแนวธรรมชาติของร่างกาย ดื่มกินน้ำเหนียวใสที่ไม่มีวันเหือดแห้ง
ก่อนจะเข้าสู่ใจความสำคัญของกิจกรรมอย่างการสอดใส่ รายละเอียดเล็กๆ ระหว่างทางอย่าง ‘Oral Sex’ เป็นอีกไฮไลต์สำคัญที่หลายคนชื่นชอบและจะไม่ยอมให้มันขาดหายไป ออรัลเซ็กซ์ถือเป็นกิจกรรมทางเพศที่พบบ่อยในคู่รักทุกวัยและทุกเพศ เป็นกิจกรรมทางเพศที่ใช้ลิ้น ริมฝีปาก หรือปากเพื่อกระตุ้นอวัยวะเพศ (หรือทวารหนักด้วย)
แม้เราจะคุ้นเคยแค่เพียงว่า ใช้ปาก = ออรัลเซ็กซ์ แต่เจ้ากิจกรรมนี้ก็ยังมีแบ่งประเภทไว้ด้วย ดังนี้
- Fellatio การใช้ปาก ริมฝีปาก กับองคชาติ และรวมถึงการใช้ฟันและด้านในลำคอเป็นส่วนร่วมด้วย
- Cunnilingus การกระตุ้นช่องคลอดหรือคลิตอริสด้วยปาก ซึ่งมักจะรวมถึงการดูดหรือเลียด้านนอกและรอบๆ ช่องคลอด
- Anilingus การกระตุ้นทวารหนักด้วยปากหรือริมฝีปาก
สิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นแค่ตอนอุ่นเครื่องเท่านั้น ยังสามารถทำเป็นกิจกรรมเดี่ยวโดยไม่สอดใส่จนเสร็จสมก็ได้ หรือจะเพิ่มเติมเข้าไประหว่างกิจกรรมก็ยังได้ จะท่านั่ง นอน ยืน กลับหัวกลับหาง ขอแค่สิ่งนั้นเข้าปากได้ เหมือนเป็นเครื่องเคียงที่กินกับอะไรก็อร่อย
แต่เชื่อไหมว่า ครั้งหนึ่งในห้วงเวลา ออรัลเซ็กซ์เป็นความเสวที่แม้แต่เทพเจ้ายังปฏิเสธไม่ลง เรื่อยมาจนถึงเป็นสิ่งต้องห้าม กว่าจะมาเป็นกิจกรรมพื้นฐานอย่างที่เรายอมรับกันในสังคมวงกว้างทุกวันนี้ มาแกะรอยออรัลเซ็กซ์ไปพร้อมกัน ว่าในช่วงเวลาต่างๆ นั้น โลกเรามีมุมมองต่อสิ่งนี้อย่างไรบ้าง
โลกมองออรัลเซ็กซ์ยังไงในแต่ละยุค
ย้อนกลับไปไกลสุดเท่าที่มนุษย์เราจะมีบันทึกเกี่ยวกับกิจกรรมทางปากนี้ไว้ได้ เป็นช่วงวัฒนธรรมอียิปต์โบราณ ชีวิตในช่วงนั้นมนุษย์มีความผูกพันกับเทพเจ้าที่เป็นตัวแทนธรรมชาติ จึงมีตำนานเกี่ยวกับเทพเจ้าบันทึกไว้พอสมควร รวมถึงเรื่องเสวๆ ก็มีดิจิทัลฟุตลองชีส (ที่เก็บไว้แบบแมนวล) ไว้เหมือนกัน
เรื่องราวของ ‘โอซิริส’ เทพแห่งชีวิตหลังความตาย และ ‘ไอซิส’ เทพีแห่งความรัก ผู้เป็นน้องสาวของเขาเอง ทั้งสองมีความรักต่อกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ ว่ากันว่าปิ๊งกันตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ หวยล็อกขนาดนี้จะไปลงเอยกับใครอื่นได้ เมื่อโอซิริสได้ครองบัลลังก์เหนือเทพทั้งปวง จึงจัดอภิเษกสมรส แต่งตั้งให้เทพีไอซิสเป็นพระราชินีเคียงคู่พระองค์
แม้ในยุคสมัยของทั้งสอง จะมีแต่ความเคารพรักจากประชาชนมากแค่ไหน แต่ยังมีสายตาริษยาคู่หนึ่งจับจ้องอยู่ด้วย ‘เซต’ เทพเจ้าแห่งความชั่วร้ายและการรบ อยากจะขึ้นครองบัลลังก์แทนพี่ชาย จึงสังหารโอซิริสแล้วนำร่างแยกเป็นชิ้นส่วน ไปทิ้งกระจัดกระจายไปทั่ว
ไอซิสออกตามหาชิ้นส่วนของสวามีได้จนครบ ยกเว้นอยู่อย่างเดียว ใช่แล้วล่ะ จู๋หายไป ไอซิสก็กุมขมับ เพศชายที่ไม่มีจู๋มันจะเป็นไปได้ยังไง เลยเอาดินเหนียวปั้นจู๋มาให้ใหม่แล้วแปะเข้าไป ป้าบ พร้อมปลุกเสพให้จู๋กลับเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย ด้วยการถวายบัวหนึ่งแมทช์ ร่างกายของโอซิริสจึงครบถ้วนสมบูรณ์ พร้อมส่งไปยังโลกหลังความตายได้แบบไม่มีส่วนใดตกหล่นไป
ขนาดเทพเจ้ายังต้องออรัล แล้วคนธรรมดาอย่างเราจะเหลืออะไร ในกามสูตร คัมภีร์ฮินดูสมัยโบราณ เป็นเหมือนคู่มือเซ็กซ์ สอนทุกกลเม็ดเด็ดแพรวพราว แน่นอนว่ามีเรื่องของการใช้ปากรวมอยู่ในนั้นด้วย ท่วงท่าต่างๆ มีทั้งระดับง่ายไปจนถึงซับซ้อน สิ่งนี้ช่วยยืนยันว่ามนุษย์เรารู้จักตักตวงความสุขจากกิจกรรมนี้ในฐานะส่วนหนึ่งของเพศสัมพันธ์แล้ว
แต่มุมมองที่มีต่อกิจกรรมนี้ ไม่ได้ราบเรียบเป็นเส้นตรงเสมอมัน มันเป็นทั้งเรื่องความสุขสมในช่วงหนึ่ง เป็นเรื่องต้องห้ามในช่วงหนึ่ง ไปจนถึงอาจกลายเป็นเรื่องขัดต่อหลักศาสนาเสียด้วยซ้ำ
ในยุคโรมโบราณ การออรัลถือเป็นสิ่งต้องห้ามอย่างยิ่ง ในช่วงนั้นเนี่ย มุมมองของความเป็นชาย มันคือจุดสูงสุดของยอดพีระมิด การมีเซ็กซ์ก็คือการแสดงอำนาจรูปแบบหนึ่ง ถ้าผู้ชายไปก้มใช้ปากให้ผู้หญิงหรือผู้ชายด้วยกันที่มีสถานะทางสังคมต่ำกว่า ถือเป็นเรื่องรับไม่ได้เอามากๆ ในทางกลับกัน ถ้าผู้ชายให้ผู้หญิงใช้ปากให้ หรือมีคนที่สถานะต่ำกว่ามาทำให้ เช่น ทาส ลูกหนี้ อันนี้ไม่เป็นไร ถือว่ารับได้ และบางครั้งสิ่งนี้ใช้เป็นการลงโทษได้ด้วย ต้องเข้าใจด้วยว่าในช่วงเวลานั้น สถานะทางสังคมของเพศชายและหญิงค่อนข้างต่างกัน กฎระเบียบที่ใช้อยู่ร่วมกันจึงให้อำนาจอยู่ที่เพศชายมากกว่าพอสมควร
ขยับมาที่ยุคกลาง เป็นช่วงเวลาที่ศาสนาคริสต์เข้ามามีบทบาทอย่างมากในยุโรป ทั้งในเรื่องศาสนา ระบบการปกครอง ตั้งแต่ภาพใหญ่ไปจนถึงบ้านเรือนประชาชน ความเชื่อของคริสตศาสนาเข้ามาเปลี่ยนความเชื่อในหลายด้าน แม้แต่เรื่องบนเตียง เซ็กซ์ที่ดีสำหรับตอนนั้น ต้องเป็นเซ็กซ์ที่ทำไปเพื่อการสืบพันธุ์เท่านั้น เซ็กซ์เพื่อความบันเทิงเริงใจอย่างออรัลเซ็กซ์ ที่มันไม่ก่อให้เกิดการปฏิสนธิ ถือเป็นเรื่องผิดบาป น่าละอาย สิ่งนี้จึงกลายเป็นเรื่องต้องห้ามในช่วงนั้น
พอหันกลับมามองในตอนนี้ ออรัลเซ็กซ์ถือเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ในวงกว้าง ว่าเป็นหนึ่งในกิจกรรมทางเพศที่เพิ่มสีสันให้กับเรื่องบนเตียง โดยไม่มีจารีตใดมาครอบงำอีกต่อไป ช่วงศตวรรษที่ 20 มีคำใหม่ๆ เกิดขึ้นเพื่อเรียกกิจกรรมนี้มากมาย แต่ที่ยอดฮิตติดลมบนที่สุดคงหนีไม่พ้น ‘Blow-Job’ ที่พูดไปแล้วก็เข้าใจได้ไม่ต่างจากคำว่าออรัลเซ็กซ์เลย
สุขสมทางปากใช่ว่าจะปลอดภัยเสมอไป
เรารับรู้แล้วว่าผู้คนเอ็นจอยสิ่งนี้กันทั่วบ้านทั่วเมือง เพราะมันทำง่าย กระชับ ประหยัดเวลา แถมมั่นใจว่าไม่มีเบบี๋แน่นอน แต่สิ่งนี้ทำให้หลายคนชะล่าใจว่ากิจกรรมนี้มันจะปลอดภัยไปเสียหมด จริงๆ แล้ว ออรัลเซ็กซ์แม้จะปลอดภัยด้านการตั้งครรภ์ แต่เรื่องความสะอาดและโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เป็นเรื่องที่ต้องระวังไม่ต่างจากการ่วมรักแบบสอดใส่เลย
เราขอยกตัวอย่าง 2 โรคที่มีโอกาสติดจากการใช้ปากร่วมรัก ได้แก่ เริมและซิฟิลิส
มาเริ่มกันที่เริมก่อนแล้วกัน โรคนี้เกิดจากไวรัส Herpe Simplex Virus (HSV) ที่มีสองแบบ HSV type1 และ HSV type2 โดยแบบแรกจะนับว่าเป็นโรคผิวหนัง แบบสองจะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
อาการของเริมจะมีลักษณะเป็นตุ่มน้ำใส อาจแตกเป็นแผล มีอาการปวดแสบปวดร้อนร่วมด้วย ทีนี้ โรคเริมที่เกิดจาก HSV type2 ที่นับว่าเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์เนี่ย ตุ่มใสมักจะแสดงอาการบริเวณอวัยวะเพศ พอเราไปออรัลเซ็กซ์โดยไม่เช็กก่อน ก็มีสิทธิ์ติดบริเวณริมฝีปากของเราด้วย ส่วนเซ็กซ์แบบเครื่องเพศสอดใส่กันนั้นไม่ต้องพูดถึง
มาต่อกันที่ซิฟิลิส โรคที่อันตรายถึงชีวิต เกิดจากแบคทีเรีย Treponema pallidum ในระยะแรกจะเป็นแผลริมแข็งตามตัว อวัยวะเพศ และริมฝีปาก อาจหายไปเองได้ แต่เชื้อยังคงอยู่และจะเดินเข้าสู่ระยะต่อไป เชื้อซิฟิลิสที่ในต่อมน้ำเหลืองจะเริ่มเข้าสู่กระแสเลือด จนระยะสุดท้าย เป็นระยะที่เชื้อเข้าไปทำลายสมอง อวัยวะอื่นๆ จนถึงขั้นพิการและเสียชีวิต
ทั้งหมดนี้มีโอกาสเกิดขึ้นในเพศสัมพันธ์ที่ไม่ป้องกัน ไม่ว่าจะสอดใส่ในเครื่องเพศหรือสอดใส่ทางปาก ก็ควรใส่ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกัน หรือสำหรับบางโรค สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสบาดแผลโดยตรง เจ้าตัวเองควรหมั่นตรวจสอบร่างกายตัวเอง หากมีความเสี่ยงก็ควรตรวจโรคทางเพศสัมพันธ์ เพื่อให้มั่นใจว่าเราจะไม่เป็นตัวต้นเรื่องแพร่เชื้อให้ใคร ต่อให้เรามั่นใจแล้วว่าสะอาดพร้อมร้อยเปอร์เซ็นต์ ก็ต้องป้องกันอยู่ดี
ไม่จำเป็นว่าต้องสอดใส่เท่านั้นถึงจะเสี่ยงโรค ไม่ว่าจะประกอบกิจกรรมใดๆ จะมือ จะปาก ถ้าเราต้องสัมผัสอวัยวะเพศของใครโดยตรง ล้วนมีความเสี่ยงทั้งนั้น รักษาความสะอาดของตนเอง ใส่ถุงยางอนามัยป้องกัน เพื่อให้เซ็กซ์ไม่กลายเป็นฝันร้ายที่เกิดจากความชะล่าใจของเราเอง
อ้างอิงจาก