เหมือนได้พับเอาทุกระยะห่างบนโลกนี้เก็บไว้
เมื่อลมหายใจของเราและเขาอยู่ใกล้จนได้สูดเอาไอร้อนเดียวกันนั้นกลับเข้าไป ใจที่เต้นโครมครามจากความชิดใกล้ ยิ่งทวีความเร็วรวดจนเหมือนจะหลุดออกมาเสียให้ได้ มือสอดประสาน เราต่างผลักออกและดึงเข้ามาใกล้ในจังหวะเดียวกัน จังหวะสุดท้ายร่างกายเราต่างสัมผัสลึกลงไป จนรับรู้ว่าความวาบหวามของกันและกัน
แม้ร่างกายจะแนบชิดนานหลายสิบนาที แต่เมื่อเสร็จสมถึงฝั่งฝัน (ถ้าไม่นับการลุกไปทำความสะอาดร่างกาย) ใครๆ ก็คงอยากนอนคลอเคลีย พูดคุย หรือ Pillow Talk กันต่ออีกสักหน่อย มากกว่าต้องหันมองอีกฝ่ายออกไปสูบบุหรี่ หรือหยิบโทรศัพท์มาไว้ในมือทันทีเหมือนเป็นอวัยวะที่ 33 นั่นช่างเหินห่างกันเกินไป แม้ตัวจะอยู่ใกล้ แต่เรารู้ดีว่าสมาธิของอีกฝ่ายไม่ได้อยู่ที่เราเลย
หากใครเป็นแบบนั้นอยู่ ลองหันมาสังเกตคู่นอนของเราให้ดี เขาอาจกำลังต้องการ after care อยู่หรือเปล่า? ถามไถ่ถึงความสุขอันเปี่ยมล้นจนถึงฝั่งฝัน ความเจ็บบนความวาบหวาม หยิบน้ำให้ดื่มสักแก้ว แสดงความเป็นห่วงเป็นใยกันสักหน่อย เพราะสิ่งเหล่านี้ช่วยพัฒนาความสัมพันธ์ได้ดีเลยล่ะ
หากยังนึกภาพไม่ออกว่า ‘Pillow Talk’ คืออะไร ใช่การนอนคุยแล้วจบไปหรือเปล่า? เราขออธิบายให้ฟังคร่าวๆ ว่า สิ่งนี้ไม่ได้หมายถึงแค่การเอนกายพูดคุยกันก่อนนอน แต่คือการพูดคุย คลอเคลีย หลังมีเซ็กซ์ได้เช่นกัน เป็นช่วงเวลาที่เราไม่ต้องรีบร้อน ได้พักหายใจหายคอให้ห่างไกลจากความเมื่อยล้า แต่ได้เข้าใกล้คนข้างๆ มากขึ้นด้วยการแสดงความเป็นห่วงเป็นใย
เรื่องนี้มีงานวิจัยซึ่งตีพิมพ์บน Journal of Social, Evolutionary, and Cultural Psychology ในปี 2011 ของดาเนียล ครูเกอร์ (Daniel Kruger) และซูซาน ฮิวจ์ส (Susan Hughes) ที่เข้าไปสำรวจถึงพฤติกรรมของคู่รักต่างเพศในช่วงเวลาหลังมีเพศสัมพันธ์ จากหัวข้อ ‘Tendencies to fall asleep first after sex are associated with greater partner desires for bonding and affection.’ พบว่าทั้งชายและหญิงสามารถเป็นฝ่ายที่ต้องการการดูแลเอาใจใส่ได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะคนที่ผล็อยหลับไปก่อนอาจต้องการความใส่ใจมากเป็นพิเศษ
และในงานวิจัยฉบับเดียวกันยังกล่าวถึงเรื่องพฤติกรรมหลังมีเซ็กซ์ไว้อย่างน่าสนใจว่า ผู้ชายมักจะเป็นฝ่ายจูบก่อนมีเซ็กซ์ ส่วนผู้หญิงจะเป็นฝ่ายจูบหลังมีเซ็กซ์ เพราะว่าผู้หญิงเนี่ยมักหัวไวใน Pillow Talk มากกว่า อย่างการออดอ้อนคลอเคลีย น้วยในอ้อมแขนไม่ให้เธอไปไหน หรือชวนคุยถึงเกมรักที่ผ่านมา แต่ผู้ชายมักจะให้รางวัลตัวเองหลังมีเซ็กซ์ด้วยกิจกรรมอื่น ๆ เช่น สูบบุหรี่ กินขนม หรืออะไรก็ตามที่ช่างดูเหินห่างกับเกมรักที่ผ่านมา
คุยกันสักหน่อยแล้วค่อยไป
จะรีบร้อนไปไหนกันล่ะ เอนหลัง Pillow Talk โต้ตอบ พูดคุย คลอเคลียกันด้วยบทสนทนาจะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นนะ โดยงานวิจัยหัวข้อ ‘Post sex affectionate exchanges promote sexual and relationship satisfaction.’ ในปี 2014 กล่าวว่า คู่รักที่มีปฏิสัมพันธ์หลังมีเซ็กซ์เป็นเวลานาน เช่น การกอด การน้วย นอนคุยสัพเพเหระ พวกเขาเหล่านี้จะมีความพึงพอใจทางเพศมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้คะแนนความพึงพอใจในความสัมพันธ์สูงขึ้นไปด้วย
โดยเฉพาะในคู่ที่มีลูกแล้ว Pillow Talk ยิ่งสำคัญเข้าไปใหญ่ เพราะตั้งแต่มีลูก คนทั้งคู่ต่างต้องทุ่มเทเวลาไปกับเจ้าเบบี๋ตัวน้อยจนแทบไม่มีเวลาแสดงความรักต่อกัน ดังนั้น หากสละเวลาสักนิดสักหน่อยมาหยอดความรักให้หวานฉ่ำอย่างกับช่วงฮันนีมูน ก็ต้องเป็นช่วง Pillow Talk นี่แหละที่ได้ผลชัดเจนที่สุด
และไม่ใช่แค่การพูดคุยเอาอกเอาใจ หยอดคำหวานเพียงอย่างเดียวเท่านั้น สิ่งนี้ยังสามารถพาเราไปสู่บทสนทนาที่เปิดเผย ลึกซึ้ง ได้มากขึ้นอีกด้วย อย่างในงานวิจัยหัวข้อ ‘Physiology and pillow talk: Relations between testosterone and communication post sex. Journal of Social and Personal Relationships.’ ที่ตีพิมพ์ในปี 2014 พบว่าผู้หญิงที่ถึงจุดสุดยอดตอนมีเซ็กซ์มีแนวโน้มจะเปิดเผยความรู้สึกมากขึ้น อยากจะใกล้ชิด อยากจะพูดคุย และพร้อมเปิดเผยความจริงให้ลึกซึ้งยิ่งกว่าความแนบชิดที่เพิ่งจบไป ซึ่งความอยากจะใกล้ชิดที่ว่านี้ เขาสันนิษฐานกันว่าเกิดจากฮอร์โมนออกซิโทซิน (oxytocin) ที่หลั่งออกมาระหว่างมีเซ็กซ์กับตอนถึงจุดสุดยอด และเจ้าฮอร์โมนที่ว่านั้นก็ช่วยเสริมสร้างความรัก ความผูกพัน เลยเป็นเหตุผลให้เรารู้สึกอยากใกล้ชิดอีกฝ่ายมากขึ้น
แต่ทั้งนี้ก็อย่าลืมลุกไปทำความสะอาดเพื่อสุขอนามัยที่ดีด้วยนะ หลังจากนั้นก็สละเวลาสัก 5–10 นาที มานอนคลอเคลียกันต่อ รีวิวเกมรักไฟลุกที่เพิ่งจบไป ไหนๆ อีกฝ่ายก็มีแนวโน้มจะพูดความจริงแล้ว เรามาอาศัยโอกาสนี้สำรวจว่าอะไรที่อีกฝ่ายชอบหรือไม่ชอบ รอบหน้าจะได้แก้เกมถูกจุด รวมทั้งยังช่วยเพิ่มคะแนนความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นด้วย
เพราะเซ็กซ์ไม่ใช่แค่เรื่องความพอใจของเราฝ่ายเดียว งั้นอย่าลืมใส่ใจความต้องการของคู่เราให้เขาได้มีความสุขสมไปด้วยกันนะ
อ้างอิงจาก