แม้จะถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นการใช้เงินภาษีมา ‘หาเสียง’ ล่วงหน้าหรือไม่ สำหรับการโอนเงิน 500 บาท เข้าบัญชีผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (หรือที่หลายๆ คนเรียกติดปากว่า ‘บัตรคนจน’) จำนวน 14.5 ล้านคน รวมเป็นเงิน 7,250 ล้านบาท เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ หวังช่วยค่าใช้จ่ายปลายปี ก่อนที่ปีหน้าจะมีการเลือกตั้งใหญ่ครั้งแรกในรอบ 8 ปี
แต่การที่ปรากฎภาพประชาชนจำนวนมากเดินไปรอกดเงินดังกล่าวผ่านตู้ ATM ก็แสดงให้เห็นว่า เงินก้อนนี้แม้ดูไม่มากมายนัก ทว่าก็จำเป็นต้องชีวิตของผู้คนจริงๆ ในยุคที่ตัวเลข GDP เพิ่มขึ้น แต่คนทั่วๆ ไปกลับบ่นว่าค้าขายไม่ค่อยได้ เงินทองขัดสน ใช้ชีวิตยากลำบากขึ้น
เราไม่สงสัยว่า ผู้ที่ได้รับเงิน 500 บาทนั้นไปจะนำเงินดังกล่าวไปใช้จ่ายอย่างไร? ส่วนคนที่แจกจ่ายเงินนี้จะมีเจตนาหาเสียง หรือไม่? ก็ต้องไปพิสูจน์กันต่อไป
แต่สิ่งที่เราสนใจและอยากชวนให้ทุกคนช่วยกันคิดก็คือ เป็นไปได้ไหมที่รัฐบาลจะโยกการใช้เงินภาษีของเราๆ ท่านๆ จากส่วนอื่น มาใช้จ่ายในสิ่งที่ประชาชนทั่วไปรู้สึกว่า ‘จำเป็น’ ต่อชีวิตของพวกเขาจริงๆ ก่อน
– เงินเดือนประยุทธ์ตลอดทั้งปี (ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ 6,028 คน)
อย่างที่รู้กันว่า ปัจจุบัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้รับเงินเดือน 2 ทาง ทั้งในฐานะนายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. รวมเป็น 251,180 บาท (มากกว่านายกฯ คนอื่นๆ 1 เท่าตัว) หรือตลอดทั้งปีจะได้อยู่ที่ 3,014,160 บาท สามารถนำไปแจกจ่ายให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้อย่างน้อย 6,028 คน
ซึ่งตอนนี้เจ้าตัวก็อยู่ในตำแหน่งมาได้สี่ปีครึ่งแล้ว หากเสียสละนำไปช่วยผู้มีรายได้น้อย ก็จะได้เกือบ 3 หมื่นคนทีเดียว
– เงินเดือนของ 4 รัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ ทั้งปี (ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ 11,111 คน)
อย่างที่รู้กันว่า ปัจจุบันมีรัฐมนตรีคนใกล้ชิดสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกฯ ด้านเศรษฐกิจ ถึง 4 คน เข้าไปอยู่ในพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย อุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม (หัวหน้าพรรค) สุวิทย์ เมษินทรีย์ (รองหัวหน้าพรรค) สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พาณิชย์ (เลขาธิการพรรค) และกอบศักดิ์ ภูตระกูล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี (โฆษกพรรค)
โดยทุกคนได้เงินเดือนเท่ากันคือ 115,740 บาท หรือตลอดทั้งปี 5,555,520 บาท หากยอมสละ ไม่รับเงินเดือน จะเอาเงินภาษีส่วนนี้ ไปให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ 11,111 คน
– เบี้ยประชุมศาล ทั้งปี (ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ 414,720 คน)
ปลายเดือนก่อน สนช.เพิ่งเห็นชอบกฎหมายให้เบี้ยประชุมศาล ที่กำหนดไว้ว่า ผู้เป็นประธานจะได้รับครั้งละ 10,000 บาท รองประธานครั้งละ 8,000 บาท และผู้เข้าร่วมประชุมเฉยๆ จะได้ครั้งละ 6,000 บาท ซึ่งในแต่ละปีจะมีการประชุมรวมกัน 24 ครั้ง ทำให้ประเมินว่าน่าจะใช้จ่ายเงินภาษีจ่ายเป็นเบี้ยประชุมศาลเฉลี่ยปีละ 207,360,000 บาท หากนำเงินส่วนนี้ไปให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็จะมีคนได้รับอย่างน้อย 414,720 คน
– เงินเดือน สนช. ทั้งปี (ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ 660,121 คน)
สนช. หรือ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ คือคณะบุคคลที่ พล.อ.ประยุทธ์และคณะ คสช.ตั้งขึ้นมาทำหน้าที่ออกกฎหมายและแต่งตั้งองค์กรอิสระ แทนรัฐสภาในเวลาปกติ ปัจจุบันมีจำนวนรวมกัน 242 คน ได้รับเงินเดือนรวมกัน 27,505,080 บาท หรือตลอดทั้งปี 330,060,960 บาท หรือไปแจกจ่ายให้กับผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้อย่างน้อย 660,121 คน
– เงินซื้อเรือดำน้ำจีน 3 ลำ (ให้ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้ 72,000,000 คน)
แม้ตอนนี้กองทัพเรือไทยจะยังจัดซื้อเรือดำน้ำ Yuan Class รุ่น 26T จากจีนมาเพียงแค่ลำเดียว แต่ตามแผนจะมีการจัดซื้อทั้งหมด 3 ลำ รวมเป็นเงิน 36,000 ล้านบาท เป็นไปได้ไหมที่จะชะลอการจัดซื้อไว้ก่อน แล้วโยกงบดังกล่าวมาให้กับผู้มีรายได้น้อยได้ถึง 72 ล้านคน หรือช่วยผู้บัตรปัจจุบันได้ถึง 5 ครั้ง
แน่นอนว่า ที่ร่ายข้อมูลมาทั้งหมดข้างต้นเป็นเพียงการ ‘จินตนาการ’ ขึ้นทั้งนั้น (ไม่รู้ว่าในทางกฎหมายจะทำได้ไหม และผู้เกี่ยวข้องจะยอมทำตามหรือเปล่า) เพียงแต่ในฐานะประชาชนผู้เสียภาษีคนหนึ่ง ก็อยากจะช่วยรัฐบาลบริหารการใช้ ‘เงินภาษี’ ที่ระยะหลังบุคคลสำคัญก็ออกมาพูดย้ำแล้วย้ำอีกว่ามีอยู่อย่างจำกัด ไปให้กับคนที่เขาจำเป็นต้องใช้จริงๆ เนอะ