เคยสังเกตเห็นเหมือนกันไหมว่า ตอนนี้คอมเมนต์ใต้ข่าวการเมืองในเฟซบุ๊ก มักจะมีคนกลุ่มหนึ่งที่มาแสดงความเห็นเหมือนๆ กันไปหมด แถมยังดูไม่เป็นธรรมชาติ?
เมื่อสังเกตเข้าไปในกลุ่มแอ็กเคาต์เหล่านั้น (ที่ดูมีตัวตนแปลกๆ) ก็จะเห็นทิศทางของคอมเมนต์ที่บอกว่าพรรคการเมืองหนึ่งดูเป็นพรรคที่ “ก้าวร้าว” ขณะที่บางพรรคนั้น กำลังได้รับความรู้สึก “เชื่อมั่น” “มั่นใจ” หรือ “ภูมิใจ” รวมถึงชื่นชมตัวบุคคลสำคัญในพรรคมากมาย
แต่ทำไมคอมเมนต์เหล่านี้ ถึงเป็นไปในทิศทางเดียวกันขนาดนั้น และยังเป็นแอ็กเคานต์ที่มีลักษณะดูไม่เป็นธรรมชาติ? เราฉุกคิด
จากคำถามดังกล่าว The MATTER จึงพยายามเก็บข้อมูลและวิเคราะห์คอมเมนต์จำนวนมากใต้ข่าวการเมือง ที่ดูจะเข้าข่าย หรือใกล้เคียงกับปฏิบัติการที่เรียกกันว่า IO (ซึ่งอาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้) ในระลอกล่าสุด คือ ช่วงต้นปี 2567 จนถึงปัจจุบัน เพื่อหาเบาะแสที่จะมาช่วยยืนยัน
และต่อไปนี้คือลักษณะร่วมของแอ็กเคานต์ปริศนา ที่เราค้นพบ
ลักษณะต้องสงสัย แอ็กเคานต์ปริศนา 2024
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา (1-7 กุมภาพันธ์) เราเฝ้าสังเกตโพสต์ข่าวการเมืองจากเพจสำนักข่าวออนไลน์ ที่เราหยิบยกมาจำนวน 5 เพจ ซึ่งเป็นสำนักข่าวที่ถูกนึกถึง-พูดถึงโดยทั่วไป และมียอดไลก์ของเพจในหลักล้าน ได้แก่ TODAY (3.3 ล้านไลก์) THE STANDARD (2.1 ล้านไลก์) Voice TV (3.1 ล้านไลก์) Nation STORY (2.9 ล้านไลก์) รวมถึงเพจ The MATTER ของเราเอง (1.3 ล้านไลก์)
ผลปรากฏว่า แทบทุกข่าวการเมืองที่เกี่ยวข้องกับพรรคเพื่อไทย พรรคก้าวไกล หรือคนในพรรคทั้งสอง จะต้องมีคอมเมนต์ที่ผิดสังเกตจำนวนมากอยู่ในช่องคอมเมนต์
ทำไมเราถึงบอกได้ว่าผิดสังเกต? เบาะแสแรกก็คือ บัญชีผู้ใช้เหล่านี้จะมาคอมเมนต์ในเวลาเดียวกันแบบเป๊ะๆ หรืออย่างน้อยก็ไล่เลี่ยกันในช่วงไม่กี่นาที ซึ่งในโพสต์เดียว อาจจะมีคอมเมนต์มาหลายๆ ล็อตก็ได้ สังเกตได้จากเวลาที่โพสต์ซึ่งจะเกาะกลุ่มกันอย่างเห็นได้ชัด
มากไปกว่านั้น นอกจากเวลาที่มาคอมเมนต์พร้อมๆ กันแล้ว บัญชีเหล่านี้จะยังใช้รูปประโยคซ้ำๆ กัน หรือคล้ายๆ กันอย่างมาก พอนำลักษณะ 2 อย่างนี้มาเชื่อมโยงกัน (เวลาที่โพสต์ กับรูปประโยคที่คล้ายกัน) จึงกลายเป็นความน่าสงสัยอย่างยิ่ง
![](https://thematter.co/wp-content/uploads/2024/02/IO1.png)
คอมเมนต์ที่มาในเวลาเดียวกันเป๊ะๆ และประเด็นเดียวกัน
ส่องหน้าโปรไฟล์: ไม่มีเพื่อน-เพื่อนน้อย รูปโปรไฟล์เซฟมาจากคนอื่น และชื่อที่ซ้ำกัน
เมื่อกดเข้าไปดูหน้าโปรไฟล์ของบัญชีต้องสงสัย ก็จะเริ่มเข้าตำรา
วิธีสังเกตคร่าวๆ คือ แม้รูปโปรไฟล์จะเป็นรูปคนจริงๆ ก็ตาม (ขณะเดียวกัน จำนวนมากก็เป็นรูปที่เซฟมาจากอินเทอร์เน็ต) แต่กลุ่มบัญชีในแต่ละล็อตจะมีวันที่เริ่มเล่นเฟซบุ๊ก (วันที่ตั้งรูปโปรไฟล์วันแรก) ใกล้เคียงกัน หรือกระทั่งวันเดียวกัน
จำนวนมากจะมีเพื่อนในเฟซบุ๊กแค่หลักสิบ หรือถ้าหลักร้อย ก็จะอยู่ในเรนจ์ที่ใกล้เคียงกัน เช่น 300-500 คน ขณะที่อีกส่วนหนึ่งจะไม่ขึ้นเลยว่าแอดเพื่อนไว้จำนวนเท่าไหร่
อีกข้อหนึ่งที่เราสังเกตคือ บัญชีบางล็อต มีแม้กระทั่งตั้งชื่อซ้ำกัน ยกตัวอย่างเช่น ละอองดาว ภักดี (นามสมมติ) ซึ่งมาคอมเมนต์เวลาเดียวกัน ละอองดาว จรรยา (นามสมมติ) เป็นต้น
ยกตัวอย่างเช่น ข่าว สำนักงานอัยการสูงสุด (อสส.) แจ้งอายัดตัว ‘ทักษิณ’ คดี ม.112 ที่โพสต์โดยเพจ The MATTER เมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เมื่อเข้าไปดูในคอมเมนต์ ก็พบว่ามีคนมาพิมพ์ในทำนองเดียวกันเยอะมาก
แต่ที่ยิ่งไปกว่านั้น เราลองกดเข้าไปดูโปรไฟล์บางส่วน ก็จะพบว่ามีจำนวนหนึ่งที่มีลักษณะต้องสงสัยร่วมกัน คือ ตั้งรูปโปรไฟล์ครั้งแรกในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2565 และบนรูปจะมีกรอบรูป เป็นลายที่คล้ายๆ กัน หรือแม้แต่เหมือนกัน เช่น ลูกโลก หรือ Pride Month 2022 เป็นต้น
อย่างไรก็ดี ต้องย้ำว่า นี่เป็นเพียงเกณฑ์ในการสังเกตอย่างคร่าวๆ บางส่วนอาจไม่ได้เข้าข่ายเกณฑ์นี้ทั้งหมด แต่ก็ยังมีความน่าสงสัยที่มาจากปัจจัยอื่นๆ อยู่ เช่น เวลาในการคอมเมนต์เป็นต้น
![](https://thematter.co/wp-content/uploads/2024/02/IO11.png)
คอมเมนต์ใต้ข่าว ‘เพื่อไทย-ก้าวไกล’ เห็นพ้องร่วมยื่นร่างแก้ไขกฎหมายประชามติ บนเพจ Nation STORY วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567
![](https://thematter.co/wp-content/uploads/2024/02/IO22.png)
คอมเมนต์ใต้ข่าว ‘เศรษฐา’ กลับทำเนียบฯ หลังลาป่วย บนเพจ TODAY วันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2567
อ.นันทนา นันทวโรภาส: “ในทางการสื่อสารทางการเมือง เราถือว่าผิดจริยธรรม”
เมื่อรวบรวมเบาะแสได้ประมาณหนึ่ง เราจึงนำเรื่องนี้ไปคุยกับ อ.นันทนา นันทวโรภาส รองศาสตราจารย์และคณบดีวิทยาลัยสื่อสารการเมือง มหาวิทยาลัยเกริก ถึงปรากฏการณ์ของกองทัพแอ็กเคานต์ปริศนาที่เกิดขึ้นล่าสุด
คำถามแรกที่ต้องถามคือ แล้วแบบไหนถึงจะเข้าข่ายว่าเป็น IO บ้าง?
อ.นันทนา เล่าถึงปฏิบัติการ IO โดยทั่วไปให้ฟัง ซึ่งเธอบอกว่า ย่อมาจากคำว่า Information Operation และมีที่มาจากฝ่ายความมั่นคง ที่นอกจากต้องสู้รบปกติ ก็ต้องทำให้คนในกลุ่มเป้าหมายเชื่อและคล้อยตาม โน้มน้าวมวลชนให้เป็นพวกของตัวเอง เพื่อบรรลุเป้าหมายต่างๆ โดยเฉพาะในสมัยสงครามเย็น ที่รัฐบาลไทยต้องสู้กับคอมมิวนิสต์ เป็นต้น
“พอมาถึงในสถานการณ์ปัจจุบันนี้ ก็คือสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ มันมีความพยายามที่จะให้ข้อมูลในเชิงบวก เป็นข้อมูลที่มีลักษณะที่อวยฝ่ายรัฐบาลอย่างเห็นได้ชัด อันนี้คือ IO แต่ไม่ใช่ IO ของการทหาร แต่เป็น IO ทางสังคมการเมือง ก็คือ มีความพยายามที่จะปฏิบัติการในการที่จะสร้างกระแสความรู้สึกว่า รัฐบาลเป็นรัฐบาลที่ทำงานหนัก เป็นรัฐบาลที่มีคุณภาพ” อ.นันทนาอธิบาย
“ในทางการเมือง เรื่องของการใช้ IO มันแยกออกเป็น 2 อย่าง อย่างแรกเลยก็คือ การใช้ IO เพื่อสร้างคะแนนนิยม กับอย่างที่สอง ก็คือ IO เพื่อดิสเครดิต หรือทำลายฝ่ายตรงข้าม”
“ในทางการสื่อสารทางการเมือง เราถือว่า ผิดจริยธรรม เรารับไม่ได้” อ.นันทนา ว่า
“เพราะว่า สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นมาไม่ได้เป็นธรรมชาติ ไม่ได้เป็นอารมณ์ความรู้สึกของผู้คน”
ซึ่งเธอชี้ให้เห็นต่อมาว่า ในรูปแบบของการคอมเมนต์ในเฟซบุ๊ก ณ ขณะนี้ ความผิดปกติจะเริ่มต้นขึ้นก็ต่อเมื่อมีลักษณะที่เป็นไปทิศทางเดียวกัน “แบบบังเอิญอย่างเหลือเชื่อ” คือ ใช้ถ้อยคำภาษาใกล้เคียงกัน และมีจุดมุ่งหมายเหมือนกัน
![](https://thematter.co/wp-content/uploads/2024/02/dr.nantana01-1024x962-1.png)
อ.นันทนา นันทวโรภาส (ขอบคุณภาพจากวิทยาลัยสื่อสารการเมือง)
IO จะไม่ได้ผล ถ้าคนมีวิจารณญาณ
อ.นันทนา อธิบายต่อว่า ที่ผ่านมา เรามักจะเห็นรัฐบาลใช้ IO อยู่เสมอ สาเหตุก็เป็นเพราะ “รัฐบาลมีเครื่องมือ รัฐบาลมีงบประมาณ และรัฐบาลต้องการที่จะได้รับ popularity หรือคะแนนนิยม
“เมื่อไหร่ที่รัฐบาลมีความรู้สึกว่า ถูก challenged ถูกท้าทายโดยฝ่ายค้าน และมีความรู้สึกว่าตัวเองเสียความนิยมไป ก็พยายามที่จะดึงเอาความนิยมนี้กลับมา ให้เป็นของตัวเอง ด้วยวิธีการใดๆ [ก็ตาม]”
อ.นันทนา บอกว่า “โดยกลไกของรัฐ มีงบประมาณไหม – มี ซึ่งงบตัวนี้เราจะไม่มีทางเห็น” ซึ่งอาจจะอยู่ในงบประชาสัมพันธ์ งบในการสร้างภาพลักษณ์ หรือเป็นงบลับ ฯลฯ ที่จะไม่มีทางตรวจสอบได้ อีกประการที่สำคัญ และน่าจับตา คือ เธอชี้ว่า ในงบประมาณประจำปี ยังมีสิ่งที่เรียกว่า ‘งบกลาง’ ซึ่งมีอยู่อย่างมหาศาล โดยมีผู้ใช้ คือ นายกรัฐมนตรี และจะแปรไปเป็นงบอะไรก็ได้
ส่วนปลายทางของมัน อ.นันทนา ชี้ให้เห็นถึงผลกระทบต่อสังคม ที่จะนำมาสู่ความขัดแย้งมากขึ้น “สุดท้ายมันก็กลับไปสร้างความขัดแย้ง มันก็จะไปสร้างอารมณ์ความรู้สึกของผู้คนว่า ณ ขณะนี้ บ้างเมืองมันไม่ปกติ มันมีการจัดกระทำเพื่อที่จะให้ไปบรรลุเป้าหมายบางอย่าง คนก็จะมีความรู้สึกขัดแย้งกัน”
“ซึ่งบรรยากาศแบบนี้ มันก็ไม่ได้ทำให้คนหันหน้าเข้าหากัน และพยายามที่จะเข้ามาแก้ปัญหา แล้วเดินไปข้างหน้าพร้อมๆ กัน มันกลายเป็นตอกลิ่มความขัดแย้งเพิ่มมากขึ้น มันไม่เป็นผลดี”
อย่างไรก็ดี เธอยังเชื่อว่า ปฏิบัติการในลักษณะดังกล่าว น่าจะไม่ได้ผลในปัจจุบันมากเท่ากับในอดีต เนื่องจากคนมีวิจารณญาณ รู้เท่าทันสื่อ หรือมี ‘media literacy’ เพิ่มมากขึ้น
“เอาเข้าจริงๆ คนสมัยนี้เขาเท่าทันกับสื่อแล้ว ที่เราเรียกว่า media literacy มันไม่มีใครหรอกที่สามารถที่จะดูรายการทีวี หรือยูทูบอยู่ช่องเดียว แล้วก็เชื่อไปช่องเดียวช่องนั้น เขาก็กดเปลี่ยนไป [เรื่อยๆ] อะไรที่เขาชอบ เขาก็ดู อะไรที่เขาไม่ชอบ เขาก็เปลี่ยน เขาก็มีการตรวจสอบข้อมูลของเขา”
ไม่ว่าคอมเมนต์เฟซบุ๊กใต้ข่าวการเมืองระลอกล่าสุด จะถูกจัดว่าเป็น IO หรือไม่ใช่ IO ก็ตาม แต่สิ่งที่เกิดขึ้นย่อมส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างแน่นอน ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง – คำถามที่ตามมาคือ ใครเป็นคนทำ? และทำไปทำไม?