ยุบสภา ประกาศเลือกตั้งปุ๊ป ภายใน 1 เดือนญี่ปุ่นก็จัดเลือกตั้งปั๊ป แซงหน้าประเทศไทย ที่นายกฯ ประยุทธ์ของเราเคยไปสัญญากับนายกฯ ของเขาไว้ว่าจะเลือกตั้งช่วงต้นปี 2559
เพื่อให้ประชาชนเป็นผู้กำหนดอนาคตของชาติท่ามกลางภาวะวิกฤติ และภัยคุกคามจากขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ รัฐบาลญี่ปุ่นจึงตัดสินใจยุบสภา เลือกตั้งก่อนกำหนดเดิมถึง 1 ปี แต่ถึงอย่างนั้น สื่อต่างชาติต่างก็มองว่าศึกครั้งนี้ ไม่ดุเดือด ไม่เชือดเฉือนสูสี เพราะยังไงพรรคเสรีประชาธิปไตย (LDP) ที่นำโดย ‘ชินโซะ อาเบะ’ นายกฯ คนปัจจุบันก็เป็นผู้ชนะได้ไม่ยาก ในเมื่อ ‘ยูริโกะ โคอิเกะ’ ผู้ว่าการกรุงโตเกียว ที่เพิ่งก่อตั้งการเมืองใหม่ยังไม่มีเวลาพร้อมได้เตรียมตัว
แต่ถึงอย่างนั้น ในการแข่งขันครั้งนี้ ที่เหมือนจะเห็นผู้ชนะกันอยู่แล้ว ก็ไม่ได้มีเพียงอาเบะ ที่จะได้ผลประโยชน์ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ก็เป็นเหมือนประตูเปิดเส้นทางให้พรรคของโคอิเกะตั้งแต่แรกเริ่ม The MATTER จึงขอพาไปดูว่า เลือกตั้งสายฟ้าแลบในครั้งนี้ โพลมองว่าอาเบะ และโคอิเกะว่าจะได้ที่นั่งในสภาไปเท่าไหร่ คะแนนเสียงของสองพรรคในอนาคตจะไปในทิศทางไหน และทั้งคู่จะได้รับผลประโยชน์ทางการเมืองอะไรต่อจากนี้
ชินโซะ อาเบะ – Liberal Democratic Party
ชินโซะ อาเบะ เป็นนายกฯ ของญี่ปุ่นมาแล้ว 3 สมัย ถ้าเขาชนะการเลือกตั้งในครั้งนี้ จะส่งผลให้เขาจะกลายเป็นผู้นำญี่ปุ่นที่ครองอำนาจยาวนานที่สุดตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่สอง แต่ถึงอย่างนั้น เขาไม่เคยได้อยู่ในตำแหน่งจนครบวาระ 4 ปี ก็ต้องมีการประกาศยุบสภาเลือกตั้งใหม่ทุกครั้ง รวมถึงครั้งนี้ก็เช่นกัน ที่ตัวอาเบะ และพรรคเองจะได้ประโยชน์หลายๆ ด้านจากการเลือกตั้งครั้งนี้
คะแนนความนิยมที่ดีขึ้นจากที่เคยตกต่ำที่สุด
นักวิเคราะห์ต่างชี้ว่า การยุบสภา และเลือกตั้งใหม่ในครั้งนี้เป็นการฉวยโอกาสของอาเบะ และพรรคในช่วงที่คะแนนนิยมของเขากระเตื้องขึ้นมา เห็นได้จากโพลของหนังสือพิมพ์ Yomiuri Shimbun ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม มีเพียง 36% เท่านั้นที่สนับสนุนการทำงานของคณะรัฐบาล ในขณะที่อีก 52% ไม่ยอมรับการทำงาน ซึ่งถือว่าเป็นคะแนนนิยมที่ตกต่ำที่สุดตั้งแต่อาเบะกลับมารับตำแหน่งนายกฯ ปี 2012 แต่คะแนนนิยมของรัฐบาลกลับสูงขึ้นจากโพลเดียวกัน ช่วงต้นเดือนกันยายน คะแนนสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลเพิ่มขึ้นเป็น 50% ขณะที่คะแนนของผู้ไม่สนับสนุนเหลือเพียง 39% เท่านั้น
จนถึงตอนนี้ โพลก่อนการเลือกตั้งก็ยังชี้ให้เห็นว่าพรรค LDP และอาเบะ ยังคงได้คะแนนนิยมสูงสุด และจากการสำรวจของหนังสือพิมพ์ Nikkei ก็ระบุว่าพรรค LDP จะได้ถึง 290 จาก 425 ที่นั่งในสภา แต่สำนักข่าวอย่าง Bloomberg ยังมองว่าอาจจะได้ที่นั่งมากกว่า 300 ที่และอาจเป็นผลการเลือกตั้งที่ดีที่สุดของพรรค LDP ตั้งแต่ปี 1989 ที่คว้าที่นั่งไปได้ 304 ที่ก็เป็นได้
กระชับอำนาจในสภา
การยุบสภาและเลือกตั้งสายฟ้าแลบของญี่ปุ่นในครั้งนี้ มีส่วนคล้ายคลึงกับการเลือกตั้งของอังกฤษครั้งล่าสุดอยู่บ้าง ซึ่งอาเบะเองก็ต้องการใช้ช่วงเวลาที่คะแนนนิยมของพรรคกำลังพุ่งสูง กวาดที่นั่งในสภาให้มากขึ้น เพื่อกระชับอำนาจ ออกนโยบายโดยไม่ต้องแคร์ฝ่ายค้าน โดยเฉพาะความต้องการแก้รัฐธรรมนูญในหัวข้อที่ 9 ที่ถูกร่างไว้เพื่อไม่ให้ญี่ปุ่นกลับมามีศักยภาพทางทหารและสงคราม ซึ่งอาเบะมองว่าถึงจุดเปลี่ยน ที่ญี่ปุ่นควรมีกองกำลังป้องกันตนเองจากภัยคุกคาม ถึงแม้จะมีประชาชนคัดค้านก็ตาม
ทั้งในการแก้ไขรัฐธรรมนูญใดๆ นั้น จำเป็นต้องผ่านการโหวตเสียงข้างมากสองในสามของวุฒิสภา หลายฝ่ายจึงมองว่าอาเบะมั่นใจในการเดิมพันครั้งนี้ ว่าพรรค LDP จะจับมือกับพันธมิตรอย่างพรรค Komeito กวาดที่นั่งสองในสาม กระชับอำนาจได้อย่างแยบยล
กลบข่าวฉาว รีสตาร์ทเริ่มต้นใหม่
อาจมองได้ว่าภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ เป็นโชคของอาเบะ เพราะข่าวฉาวการคอร์รัปชั่นที่ตัวเขา ภรรยา และสมาชิกพรรคถูกโจมตีเมื่อกลางปี กลับเงียบหายวับ ถูกกลบไปตามขีปนาวุธที่จมลงท้องทะเลญี่ปุ่น ทั้งข่าวการเอื้อประโยชน์ให้เพื่อนสนิทในการเปิดวิทยาลัยสัตวแพทย์ ในเขตเศรษฐกิจพิเศษ และการเกี่ยวข้องของเขาและภรรยา ในการขายที่ดินของรัฐบาลให้โรงเรียนในราคาต่ำ
การเลือกตั้งในครั้งนี้ จึงเป็นเหมืนการรีสตาร์ทเริ่มต้นใหม่ของอาเบะ ที่ไม่ใช่แค่จากข่าวฉาว แต่ยังจากนโยบายต่างๆ ของพรรค เช่น นโยบายเศรษฐกิจ Abenomics ที่ต่างถูกตั้งคำถามว่าไม่ประสบความเร็จ หรือการเริ่มขอเสียงสนับสนุนจากประชาชนในขึ้นการภาษีบริโภค ปลายปี 2019 เพื่อนำเงินมาชำระหนี้ของประเทศและเป็นกองทุนประกันสังคมด้วย
ยูริโกะ โคอิเกะ – Party of Hope
ยูริโกะ โคอิเกะ ผู้ว่าหญิงโตเกียวคนแรก ซึ่งเปิดตัวพรรคความหวัง (Party of Hope) พรรคการเมืองทางเลือกซึ่งถูกมองว่าเป็นคู่แข่งที่ท้าทายของรัฐบาล ซึ่งแม้ว่าเธอจะประกาศตัวว่าลงเลือกตั้งแต่ไม่รับตำแหน่งนายกฯ ในครั้งนี้ เพราะต้องการโฟกัสที่การเตรียมงานโอลิมปิก 2020 แต่ก็ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ได้ผลประโยชน์ทางการเมืองจากการเลือกตั้งครั้งนี้
วางฐานเสียง เป็นที่รู้จัก
ถึงแม้ว่าจะไม่มีเวลาเตรียมตัว แต่การเลือกตั้งในครั้งนี้ก็ถือเป็นการเปิดตัวของพรรคความหวัง ให้ได้ลองสนามเลือกตั้งระดับประเทศครั้งแรก และยังทำให้ประชาชนชาวญี่ปุ่นทั่วประเทศ ได้เห็นผลงานของโคอิเกะ จากที่ทำงานอยู่แค่ในโตเกียวเท่านั้น
ทั้งระยะเวลาวาระ 4 ปีของรัฐบาลสมัยนี้ ถ้าพรรค LDP ได้จัดตั้งรัฐบาล และดำเนินงานล้มเหลว พรรคความหวังที่เรียกตัวเองว่าจะมาเป็น ‘ผู้ปฎิรูป’ จะกลายเป็นตัวเลือกใหม่ของประชาชนที่เบื่อหน่ายกับพรรคการเมืองดั้งเดิมทันที
เปิดตัวมาก็มีที่นั่งในสภา
แม้จะเป็นพรรคการเมืองน้องใหม่ กับระยะเวลาการเปิดตัวมาไม่ถึง 1 เดือน แต่จากผลสำรวจของหนังสือพิมพ์ The Nikkei พบว่า ในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคความหวังน่าจะคว้าที่นั่งไปได้ถึง 69 ที่จาก 465 ซึ่งถือเป็นการเปิดตัวอย่างแรง และอาจเป็นพรรคฝ่ายค้านในสมัยนี้ได้ (ในสมัยที่แล้วพรรคฝ่ายค้าน Democratic Party ครอง 73 ที่นั่ง)
Koike Effect
นิตยสาร Forbe ได้ระบุว่า ถึงแม้ว่าในการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคความหวังของโคอิเกะจะชนะหรือแพ้ แต่ ‘Koike Effect’ จะยังคงอยู่ ทั้งเธอจะกลายเป็นตัวเร่งให้อาเบะเร่งปฏิรูปเศรษฐกิจด้วย Abenomics ทั้งจะทำให้พรรครัฐบาลทำงานภายใต้ความกดดันที่มากขึ้นด้วย จากนโยบายที่ตรงข้ามกับของพรรค LDP ทั้งนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ‘Yurikonomics’ และนโยบาย ‘Zero nuclear power plant’ ที่จะทำให้ญี่ปุ่นปลอดพลังงานนิวเคลียร์ภายในปี 2030 และเธอจะเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของพรรค LDP ในการเลือกตั้งครั้งหน้าแน่นอน
อ้างอิงจาก