หลายคนอาจไม่รู้จัก 4 รัฐมนตรีที่เข้าไปเป็น ‘หัวหน้า-รองหัวหน้า-เลขาธิการ’ พรรคพลังประชารัฐเสียด้วยซ้ำ ว่าเป็นใครมาจากไหน ตอนนี้อยู่กระทรวงอะไร
ทว่านับแต่เปิดรับสมัครสมาชิกพรรค ระหว่างวันที่ 13-26 พ.ย. รวม 14 วัน กลับมีนักการเมืองทั้งหน้าเก่า-หน้าใหม่นับร้อยชีวิตมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคน้องใหม่พรรคนี้ ที่ว่ากันว่า มีคนในทำเนียบรัฐบาลบางคนหนุนหลัง และใครบางคนรอถึงเวลาที่เหมาะสมจะมาปรากฎตัวอยู่ในบัญชีของพรรคนี้ เพื่อชิงเก้าอี้นายกรัฐมนตรีคนต่อไป (ซึ่งอาจเป็นคนหน้าเดิม?)
The MATTER ขอสรุปประสิทธิภาพของพรรคการเมืองที่สื่อมวลชนให้ฉายาว่า ‘พลังดูด’ เพื่อเช็กขุมกำลังว่ามีความพร้อมแค่ไหน ก่อนการเลือกตั้งใหญ่จะมาถึงต้นปี 2562
บุคคลที่พรรคพลังประชารัฐดูดเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคได้
– อดีตรัฐมนตรี อย่างน้อย 19 คน
– อดีต ส.ส. อย่างน้อย 64 คน
( มาจากพรรคเพื่อไทย 30 คน // พรรคประชาธิปัตย์ 13 คน // พรรคภูมิใจไทย 7 คน // พรรคชาติไทยพัฒนา 7 คน // ที่เหลือเป็นพรรคอื่นๆ )
.
บุคคลสำคัญที่พรรคพลังประชารัฐดูดเข้ามาได้
– สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ (กลุ่มสามมิตร)
– สมศักดิ์ เทพสุทิน (กลุ่มสามมิตร)
– สุชาติ ตันเจริญ (ภูมิใจไทย)
– สนธยา คุณปลื้ม (พลังชล)
– วราเทพ รัตนากร (เพื่อไทย)
– ลูกชายของบุญทรง เตริยาภิรมย์ (เพื่อไทย)
– ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ (ประชาธิปัตย์/กปปส.)
– สกลธี ภัททิยกุล (ประชาธิปัตย์/กปปส.)
หลายๆ คนเทียบวิธีการดูด ส.ส.นี้ว่า ไม่ต่างจากสมัยพรรคสามัคคีธรรม ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสนับสนุนให้ พล.อ.สุจินดา คราประยูร ได้เป็นนายกรัฐมนตรี แต่ก็เป็นอยู่ได้ไม่กี่วันหลัง “เสียสัตย์เพื่อชาติ” เพราะเกิดเหตุพฤษภาทมิฬขึ้นมาเสียก่อน น่าสนใจว่า วิธีการคล้ายเดิมที่ถูกหยิบมาใช้ในโลกยุคใหม่ จะได้ผลหรือไม่
แต่ฟันธงได้เลยว่า ใครที่หวังว่าจะได้เห็นอะไรใหม่ๆ ในการเมืองไทย อาจต้องรอคอยไปก่อน และบอกไม่ได้เหมือนกันว่า อีกกี่ปี ถึงจะมีสิ่งที่ใหม่จริงๆ เกิดขึ้นมาในบ้านนี้เมืองนี้