กว่า 3 เดือนหลังการเลือกตั้ง ในที่สุด วันนี้ (22 สิงหาคม) ประเทศไทยก็มีนายกฯ คนที่ 30 แล้ว โดยตำแหน่งนี้ตกเป็นของ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ หนึ่งในแคนดิเดตนายกฯ พรรคเพื่อไทย
กว่าจะมาถึงตรงนี้ ก็มีเสียงวิจารณ์หลากหลาย เพราะมีเหตุการณ์สำคัญมากมายเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการสลาย mou ของอดีต 8 พรรคร่วม การไปจับมือกับพรรคที่เคยอยู่ขั้วตรงข้าม รวมถึงการที่โหวตเตอร์เพื่อไทยทยอยออกมาประกาศว่า จะไม่โหวตพรรคนี้อีกแล้ว
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ณ ตอนนี้ เราได้นายกฯ ที่มาจากพรรคเพื่อไทยแล้ว ซึ่งเศรษฐาได้คะแนนเสียงเห็นชอบจากรัฐสภามา 482 เสียง ดังนี้
- เพื่อไทย 141 เสียง
- ภูมิใจไทย 71 เสียง
- พลังประชารัฐ 39 เสียง
- รวมไทยสร้างชาติ 36 เสียง
- ชาติไทยพัฒนา 10 เสียง
- ประชาชาติ 7 เสียง
- พลังสังคมใหม่ 1 เสียง
- เพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง
- เสรีรวมไทย 1 เสียง
- ประชาธิปัตย์ 16 เสียง
- ชาติพัฒนากล้า 2 เสียง
- ใหม่ 1 เสียง
- ท้องที่ไทย 1 เสียง
- ประชาธิปไตยใหม่ 1 เสียง
- ครูไทยเพื่อประชาชน 1 เสียง
นับเป็นคะแนนที่ต่างกับครั้งแรกอย่างสิ้นเชิง ในรอบแรกที่มีการเสนอชื่อ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯ จากพรรคก้าวไกลนั้น เขาได้เสียงเห็นชอบไปทั้งสิ้น 311 เสียง น้อยกว่าเสียงกึ่งหนึ่งของรัฐสภา ทำให้รัฐสภามีมติไม่เห็นชอบพิธาเป็นนายกฯ โดยพรรคที่ร่วมกันโหวตส่งพิธาเป็นนายกฯ ในครั้งนั้น ประกอบด้วยอดีต 8 พรรคร่วม ได้แก่
- ก้าวไกล 151 เสียง
- เพื่อไทย 141 เสียง
- ไทยสร้างไทย 6 เสียง
- ประชาชาติ 8 เสียง
- เพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง
- เสรีรวมไทย 1 เสียง
- พลังสังคมใหม่ 1 เสียง
- เป็นธรรม 1 เสียง
ส่วนคะแนนเสียงของ สว. นั้นก็ต่างกันอย่างมาก เพราะในครั้งแรกที่เสนอชื่อโหวตพิธาเป็นนายกฯ นั้น สว.โหวตเห็นชอบให้พิธาเป็นนายกฯ 13 เสียง จากทั้งหมด 249 ขณะที่ในครั้งนี้ สว.ร่วมกันโหวตให้เศรษฐาเป็นนายกฯ 152 เสียง