ตั้งแต่คสช. ยึดอำนาจเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 การเลือกตั้งท้องถิ่นของไทยก็ถูกแช่แข็งไม่ให้เกิดขึ้น เป็นเวลากว่า 6 ปีหรือบางพื้นก็มากกว่า 8 ปี ทำให้ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาการกระจายอำนาจการปกครองสู่ท้องถิ่นต้องชะงักงัน และประชาชนที่ควรมีสิทธิในอำนาจ ถูกริดรอนสิทธิในฐานะพลเมืองของสังคมประชาธิปไตย
การเลือกตั้งนายกองค์กรบริหารส่วนจังหวัด (หัวหน้าฝ่ายบริหารของจังหวัด) และสมาชิกสภาจังหวัด (ฝ่ายนิติบัญญัติของจังหวัด) ที่จะถึงในวันที่ 20 ธันวาคมนี้ นับเป็นไปตามหลักการสำคัญของประชาธิปไตย ที่เน้นกระจายอำนาจให้ประชาชนในระดับย่อยสามารถเลือกตั้งผู้แทนของตนเองเข้าไปบริหารทรัพยากรในท้องถิ่น เพื่อให้เกิดประโยชน์และเป็นไปตามความต้องการของประชาชนในพื้นที่มากที่สุด
โดย อบจ. มีอำนาจในการจัดทำบริการสาธารณะต่างๆ ไม่ว่า การคมนาคม ดูแลถนน ตลอดจนจัดสาธารณูปโภคสำคัญ เช่น ประปาและไฟฟ้า ให้ตรงกับความต้องการของคนในท้องถิ่น รวมถึงยังมีอำนาจในการสนับสนุนการศึกษา และศิลปะ วัฒนธรรมให้สอดรับกับท้องถิ่น ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณาออกฎระเบียบต่างๆ จัดสรรงบประมาณ รวมถึงเก็บภาษีบางชนิดในพื้นที่ เช่น ภาษีโรงเรือน หรือภาษีที่ดิน
โดยปกติแล้ว นายก อบจ. และ สมาชิกสภา อบจ. จะมีวาระดำรงตำแหน่งวาระละ 4 ปี และดำรงตำแหน่งได้ไม่เกินสองวาระ กล่าวอีกมุมคือ ในสถานการณ์ปกติ ภาครัฐต้องจัดให้มีการเลือกตั้งท้องถิ่นขึ้นทุกๆ 4 ปีนั่นเอง
และเมื่อการเลือกตั้ง อบจ. ในครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกในรอบกว่าครึ่งทศวรรษ มันจึงทั้งมีความสำคัญต่อความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ และการสร้างวัฒนธรรมประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นในหน่วยย่อยของสังคม และเพื่อไม่ให้เป็นการพลาดแม้แต่นิดเดียว The MATTER จึงอยากชวนดูคู่มือเลือกตั้งท้องถิ่นเบื้องล่างนี่เสียหน่อย เพื่อไม่ให้ผู้ไปใช้สิทธิพร้อมที่สุดในการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้
(1) เช็คก่อนว่ามีสิทธิไปลงคะแนนที่ไหน
โดยก่อนที่จะไปออกเสียงเลือกตั้งท่องถิ่น ต้องเช็คก่อนว่าชื่อของเราต้องไปลงคะแนนที่ไหน โดยวิธีการตรวจสอบสามารถทำได้ 3 วิธี
(1.1) ตรวจสอบรายชื่อก่อนวันเลือกตั้งไม่น้อยกว่า 25 วันที่ศาลากลางจังหวัด ที่ว่าการอำเภอ องค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือบริเวณใกล้เคียงกับที่เลือกตั้ง
(1.2) ตรวจสอบรายชื่อจากเอกสารที่ส่งมายังเจ้าบ้านไม่น้อยว่า 15 วัน
(1.3) ตรวจสอบจากเว็บไซต์ของ กกต. : stat.bora.dopa.go.th/Election/enqelectloc/
แต่ว่าถ้าตรวจสอบแล้วไม่พบรายชื่อของตนเองอยู่ในบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งให้ยื่นคำร้องกับนายทะเบียนอำเภอ
(2) พกบัตรประชาชน (บัตรหมดอายุก็ใช้ได้) หรือบัตรที่ออกโดยราชการ ซึ่งต้องมีรูปถ่ายและเลขบัตรประชาชนระบุไว้
ในการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ ผู้ใช้สิทธิจะต้องพกหลักฐานยืนยันตัวตนไปยื่นที่คูหาเลือกตั้งด้วย โดยอาจใช้บัตรประชาชน (บัตรหมดอายุก็ใช้ได้) หรือในกรณีที่ไม่มีบัตรประชาชน ก็สามารถใช้บัตรที่ออกโดยหน่วยงานราชการ ซึ่งมีรูปถ่ายและเลขบัตรประชาชนระบุไว้ได้
(3) คูหาเปิด วันที่ 20 ธันวาคม 63 เวลา 8.00 – 17.00 น.
ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ไม่มีใช้สิทธิก่อน หรือใช้สิทธินอกเขต ดังนั้น วันเวลาเปิด-ปิดคูหาจึงสำคัญมาก ขอย้ำว่าคูหาเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้เปิดวันที่ 20 ธันวาคม 63 ในเวลา 8.00 – 17.00 น. เท่านั้น ขอให้เตรียมผู้แทนที่ถูกใจไว้ให้พร้อมแล้วไปเลือกตั้งในวันที่และเวลาที่กำหนด
(4) บัตรเลือกตั้งมี 2 ใบ
ในการเลือกตั้งครั้งนี้จะแตกต่างกับการเลือกตั้งระดับประเทศเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2562 ที่ผ่านมา เพราะในครั้งนั้นเรามีบัตรเลือกตั้งใบเดียวไว้สำหรับเลือกทั้งสมาชิกผู้แทนราษฎรระบบบัญชีรายชื่อ และระบบแบ่งเขต
แต่ในการเลือกตั้งท้องถิ่นครั้งนี้ มีบัตรเลือกตั้งทั้งหมด 2 ใบ ใช้สำหรับเลือกหัวหน้าฝ่ายบริหาร หรือนายก อบจ. และฝ่ายนิติบัญญัติส หรือสมาชิกสภา อบจ. ของท้องถิ่นที่ตัวเองอยู่ ทั้งนี้ ถ้าหากไม่มีใครในดวงใจ สามารถกาในช่องไม่ประสงค์ลงคะแนนเสียงได้
(5) ประกาศผลการเลือกตั้ง
หากพิจารณาแล้วว่าการเลือกตั้งเป็นไปโดยสุจริต ต้องจัดให้มีการประกาศผลการเลือกตั้งภายใน 30 วันหลังการเลือกตั้ง แต่หากผู้สมัครได้คะแนนเสียงไม่มากกว่าร้อยละ 10 ของผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมดในพื้นที่ หรือไม่มากกว่าผู้ที่ออกเสียงไม่ลงคะแนนเลือกผู้ใด ต้องจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ภายใน 30 วัน
(6) หากพบว่ามีการทุจริต
ในกรณีที่การเลือกตั้งอาจมีการทุจริต กกต. ต้องดำเนินการสืบสวนให้แล้วเสร็จ หรือจัดให้มีการเลือกตั้งใหม่ ภายใน 60 วัน หลังวันที่จัดให้มีการเลือกตั้ง
และรู้ไว้หน่อยว่า..
(1) การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่มีเลือกตั้ง ‘ล่วงหน้า’ หรือเลือกตั้ง ‘นอกเขต’ ไม่ว่ากรณีใดๆ
(2) หากไม่สามารถไปเลือกตั้งให้แจ้งต่อนายทะเบียนอำเภอหรือท้องถิ่น ภายใน 7 วันก่อนหรือหลังการเลือกตั้ง เพื่อไม่ให้ตัวเองเสียสิทธิในการลงสมัครเลือกตั้งครั้งหนืา
(3) หากย้ายทะเบียนบ้านช่วง 1 ปีก่อนการเลือกตั้งจะเสียสิทธิ
และสิ่งสำคัญที่ต้องย้ำกันอีกสักรอบคือ อย่าลืมจองรถ เคลียร์งานค้าง และกลับบ้านไปเลือกตั้งวันที่ 20 ธันวาคม พ.ศ.2563 เวลา 8.00 น. – 17.00 น. ด้วยน้า
อ้างอิง:
content by. Chanintorn Neamsorn
Illustrator By Waragorn Keeranan