Golden week ปีนี้ไม่เหมือนเดิม? หลายวันมานี้ มีข่าวว่า ความคึกคักของนักท่องเที่ยวจีนในเมืองท่องเที่ยวอย่างภูเก็ต และเชียงใหม่นั้นดูเหมือนจะซบเซาลงไปจากปกติ กลายเป็นคำถามว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นนะ?
เอาเข้าจริง ทัวร์จีนนั้นค่อนข้างสำคัญกับประเทศไทยเราไม่น้อย โดยเฉพาะในแง่ธุรกิจการท่องเที่ยว เพราะช่วยสร้างเงินหมุนเวียนในประเทศไทยเรามาอย่างต่อเนื่อง แต่ถึงอย่างนั้น ในปีที่ผ่านมานี้ก็มีข่าวที่สร้างความสะเทือนใจเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆ
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา วีระศักดิ์ โควสุรัตน์ ระบุว่า นักท่องเที่ยวจีนที่ลดลง เกิดจากเหตุการณ์หลายๆ เหตุการณ์ที่ทำให้คนจีนรู้สึกหลากหลายต่อการมาเที่ยวเมืองไทย ทั้งนี้ จากการให้สัมภาษณ์ของรัฐมนตรี วีระศักดิ์ จะเห็นได้ว่า เรื่องใหญ่ๆ ที่กระทบความรู้สึกนักท่องเที่ยวจีนนั้น จะมีอยู่ 5 เรื่องหลักๆ ได้แก่
1) เหตุการณ์เรือฟีนิกซ์ล่ม เมื่อเดือนกรกฎาคม ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 47 ราย ส่งผลให้นักท่องเที่ยวเกิดความรู้สึกไม่ปลอดภัยขึ้นมา ขณะเดียวกัน ภารกิจกู้เรือฟีนิกซ์ก็ยังไม่สำเร็จลุล่วง
2) จากเหตุการณ์นี้ ความไม่พอใจยังขยายวงกว้างในหมู่ชาวเน็ตจีน หลังจากที่รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้ให้สัมภาษณ์ในประเด็นเกี่ยวกับทัวร์ศูนย์เหรียญ เรื่องบานปลายจนไปถึงขั้นที่ พล.อ.ประวิตร ต้องออกมาขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น
3) อีกเรื่องหนึ่งที่สร้างผลกระทบต่อความรู้สึกชาวจีนไม่น้อย คือกระแสข่าวที่ถูกแชร์กันในโซเชียลมีเดียจีน โดยรายงานพิเศษของ BBC Thai ระบุถึงข้อความที่กำลังถูกเผยแพร่ในโซเชียลมีเดียจีนอย่าง Weibo หนึ่งในตัวอย่างของกระทู้ที่เกิดขึ้นคือ “มาไทยระวังยุงกัด เป็นไข้เลือดออก ตายแล้ว 69 คน”
ขณะที่ผู้จัดการออนไลน์ รายงานถึงคำพูดของรัฐมนตรีท่องเที่ยวฯ ว่า “เรื่องไข้เลือดออกระบาดที่ทางการไทยประกาศเตือน แล้วสถานีโทรทัศน์ CCTV ของจีนนำมารายงาน ซึ่งเป็นเหตุให้บริษัทประกันภัยของจีนไม่ยอมรับคุ้มครองการเดินทางมาไทย”
4) เมื่อเร็วๆ นี้หลายคนน่าจะเห็นข่าวเรื่องเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ที่ทำร้ายร่างกายนักท่องเที่ยวจีนที่สนามบิน ซึ่งนี่ก็เป็นสิ่งที่กระทบความรู้สึกของนักท่องเที่ยวจีนอีกครั้ง เรื่องนี้ดูจะเป็นสิ่งที่รัฐบาลไทยหนักใจพอสมควร ถึงขั้นที่นายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องออกมาแสดงความเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเชื่อว่าส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไทยอย่างมาก
5) นอกจากนั้น ยังประเด็นข่าวในจีนเรื่อง การเก็บค่าทิป 300 บาท หรือที่เรียกว่า ‘ค่าเสี่ยวเฟ่’ ซึ่งเก็บแต่กับจีนชาติเดียวในการขอ Visa on Arrival หรือวีซ่าที่ช่องทางพิเศษของ ตม.
อย่างไรก็ดี ยังมีการวิเคราะห์ว่า ยังมีปัจจัยอีกหลายอย่างที่ส่งผลกระทบต่อทัวร์จีน (ซึ่งไม่เฉพาะในไทย) เช่น สภาพเศรษฐกิจในจีน ปัญหาเรื่องสภาพอากาศที่กระทบต่อแหล่งท่องเที่ยวของไทย รวมถึง เทรนด์การท่องเที่ยวของคนจีนที่ดูเหมือนจะหันไปในประเทศที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ซึ่งปัจจัยเหล่านี้ก็กระทบการมาเที่ยวไทยไม่มากก็น้อย
ด้วยสถานการณ์ตอนนี้ หลายๆ ฝ่ายจึงเริ่มกังวลว่า มันจะถูกสะสม กลายเป็นผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวชาวจีนในระยะยาว จึงมีข้อเสนอจากทั้ง สมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) และสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.)
หนึ่งในข้อเสนอที่เกิดขึ้น คือการให้ ดับเบิล เอ็นทรี วีซ่า (Double Entry Visa) ที่ทำวีซ่าเพียงครั้งเดียว สามารถเข้าประเทศได้สองครั้ง เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว เพิ่มความสะดวก และสร้างความมั่นใจให้กับท่องเที่ยวจีนมากยิ่งขึ้น
หลังจากนี้ จึงน่าติดตามกันต่อไปว่า มาตรการที่กำลังจะเกิดขึ้นนั้นจะส่งผลอย่างไรบ้าง และสถานการณ์การท่องเที่ยวของทัวร์จีน โดยที่มีจุดมุ่งหมายมายังไทยนั้นจะดีขึ้นกว่าเดิมแค่ไหนบ้าง?
อ้างอิงจาก