หนึ่งในความสบายใจของชีวิต คือการไถดูคลิปหมาและแมวไปเรื่อยๆ ซึ่งถ้าดูไปทั้งคลิปหรือรูปภาพ เราอาจจะเจอเจ้าหมาพันธุ์สำคัญอย่างเจ้าไซบีเรียน ฮัสกี้ (Siberian Husky) ขึ้นมา เรียกได้ว่าเราเตรียมตัวฮา เตรียมใจเจออาการประหลาดของเจ้าหมาที่สุดจะเท่ได้เลย
อาการของไซบีเรียนที่มักจะแปลกๆ ทำตัวประหลาดๆ ในคลิปหรือรูป เรื่องราวของมันจึงมักจะมาพร้อมกับคอมเมนต์สำคัญว่า นี่คือไซบีเรียนที่แท้จริง คุณได้เจ้าไซของแท้ แต่ในยุคก่อนโซเชียล คนรักหมาหรือคนที่ไม่ได้เลี้ยงไซบีเรียนเอง ในมุมมองทั่วไปจะรู้สึกว่า เจ้าไซเป็นหนึ่งในหมาสุดเท่ หน้าตาก็หล่อเหลา แถมยังมีเชื้อสายมาจากการเป็นหมาป่า เป็นหนึ่งในลูกหลานของสายพันธุ์หมาที่มนุษย์นำมาเป็นเพื่อนคู่ใจ เป็นผู้ช่วยในดินแดนเขตหนาว และเป็นหมาลากเลื่อน
ในความงงงวยนี้ก็เลยเป็นคำถาม ซึ่งอันที่จริงก็ถามกันในหลายที่ว่า ทำไม๊ทำไมเจ้าไซถึงได้กลายเป็นหมาที่มีพฤติกรรมสุดแสบ น่ารัก แถมแปลก ชอบปีนรั้วบ้าน ส่งเสียงประหลาดๆ ทว่าความแสบที่มีนัยของความดื้อ การส่งเสียงแปลกและเสียงประหลาด ก็อาจสัมพันธ์กับมรดกการเป็นหมาป่าที่สูญพันธุ์ไปแล้วด้วย
ไซบีเรียนกับปริศนาทายาทหมาป่า
เวลาเราเห็นหน้าไซบีเรียน เราจะรู้สึกว่ามันเป็นญาติกับหมาป่าทั้งหลายในแดนหนาวแน่ๆ แต่ประเด็นเรื่องการทำให้หมาป่ากลายเป็นหมาบ้าน (Domesticating) คือการที่มนุษย์เราไปนำมาเลี้ยงและทำให้เชื่อง ประวัติศาสตร์ส่วนนี้ของมนุษยชาติเรายังยาวไกลระดับพันปี กรณีนี้เชื่อกันว่าไซบีเรียนถูกเพาะและเลี้ยงขึ้น โดยชนเผ่าที่ชื่อว่า ชนเผ่าชุกชี (Chukchi) ในบริเวณตอนเหนือของไซบีเรีย แถวๆ รัสเซีย ซึ่งชนเผ่านี้เองเพาะเลี้ยงไซบีเรียน และนำมันมาใช้งานในบริเวณดินแดนหิมะนี้ในหลักพันปีมาแล้ว ทว่าก็ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่า พวกมันเป็นญาติโดยตรงกับหมาป่าไหม?
หลักฐานยุคหลังหน่อย ในสมัยที่อารยธรรมไปหยิบยืมเจ้าไซมาใช้งานในบริเวณอลาสก้า เจ้าไซถูกนำมาใช้งานนอกเผ่าเป็นครั้งแรกราวทศวรรษ 1900 ทำให้มันเริ่มเป็นที่รู้จักและเป็นการปรากฏตัวในพื้นที่นอกเผ่า โดยมีการนำมาวิ่งแข่งทางไกลในพื้นที่อลาสก้า เพราะพวกมันนับเป็นสุดยอดหมาคู่ใจ
วีรกรรมสำคัญ หากใครที่บูลลี่เจ้าไซต้องฟังทางนี้ ในปี 1925 เกิดการระบาดของโรคคอตีบในเมืองโนมที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวในเขตหิมะห่างไกลของอลาสก้า เพื่อรับมือกับโรคระบาดนี้ จึงต้องส่งยาปฏิชีวนะไปให้เร็วที่สุด ซึ่งการขับเลื่อนในครั้งนี้นับเป็นการลากเลื่อนในประวัติศาสตร์ คือมีคนขับไป และมีไซบีเรียนเป็นหัวหน้าลากเลื่อน การขนส่งยาสำคัญเป็นการวิ่งบนเส้นทางยากลำบากด้วยระยะทาง 600 ไมล์ ใช้เวลา 5 วันโดยไม่หยุดพัก ต่อมาทีมเดินทางกลับสู่สหรัฐอเมริกา เจ้าไซจึงกลายเป็นฮีโร่ผู้ช่วยคนในเมืองไว้ จุดนี้เองทำให้มันเริ่มเป็นที่รู้จัก และขึ้นแท่นว่าเป็นหมาที่รัก เป็นผู้ช่วยของมนุษย์ในแดนธรรมชาติ และแทบจะเป็นฮีโร่ตลอดกาล
ร่องรอยหนึ่งที่เราเริ่มเห็นคือ แต่เดิมไซบีเรียนเป็นหมาที่ถูกเพาะพันธุ์ และใช้งานในพื้นที่ยากลำบาก ทว่าพวกมันเองก็มีพลังงานล้นเหลือในการทำงานให้มนุษย์ และช่วยเราให้รอดในพื้นที่แสนแร้นแค้น ดังนั้นไม่แปลกเลยที่พวกมันจะมีพลังอย่างล้นเหลือ ขนาดว่าภูเขาและธารน้ำแข็งยังไม่ใช่ปัญหาของมัน รั้วบ้านและหลังคาของเราจึงไม่น่าจะใช่อุปสรรคเช่นกัน
ในแง่ความเชื่อมโยงระหว่างไซบีเรียนกับหมาป่า มีงานศึกษาที่พบร่องรอยในปี 2015 ทำการศึกษา DNA ของหมาจำนวน 48 สายพันธุ์ พบว่าไซบีเรียนและเพื่อนร่วมสายพันธุ์อย่างกรีนแลนด์ ด็อก (Greenland Dog) มีลักษณะ DNA คล้ายกับหมาป่าไซบีเรียนชื่อว่า Taimyr wolf ซึ่งเป็นหมาป่าที่สูญพันธุ์ไปแล้ว จุดนี้เองเป็นจุดเชื่อมโยงที่เราพอจะเชื่อมโยงเจ้าไซบีเข้ากับหมาป่าได้
ความแปลกอาจสัมพันธ์กับสายพันธุ์ที่ยาวนาน
ไซบีเรียนถูกพัฒนาสายพันธุ์ ทั้งในส่วนที่เป็นปริศนานับพันปีก่อนจะเข้าสู่พื้นที่ เช่น เมื่อพวกมันเข้ามาอยู่ในสหรัฐฯ แล้วก็ถูกพัฒนาสายพันธุ์ต่อ โดยถูกเพาะเลี้ยงและฝึกฝนในหลายๆ พื้นที่ ทั้งการลากเลื่อนต่อในเขตหนาวเย็น พัฒนาสายพันธุ์ในพื้นที่กองทัพ เรื่อยมาจนถึงการพัฒนาสายพันธุ์ให้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงในบ้าน เช่น การพัฒนาให้เจ้าไซมีขนาดเล็กลง
สุดท้าย เราอาจจะพอเห็นมรดกบางอย่างของไซบีเรียน ทั้งจากที่มานับพันปี และจากประวัติศาสตร์ช่วงที่มันทำงานอย่างแข็งขันให้มนุษย์ คำถามหลายอย่างที่เราสงสัยว่า มันเป็นอิหยังวะ ก็อาจจะเกี่ยวข้องกับความปนเปของลักษณะที่ตกทอดมาอย่างยาวนาน ซึ่งบางอย่างก็ขัดแย้งกันเอง เช่น พลังงานล้นสุดๆ กับบางทีก็ขี้เกียจไปซะเฉยๆ อย่างการนอนแช่ในน้ำ หรือเดินขึ้นรถชาวบ้านหน้าตาเฉย แถมยังชอบส่งเสียงแปลกๆ แต่กลับเห่าไม่เก่ง
อาการส่งเสียงแปลกๆ เป็นหนึ่งในซิกเนเจอร์ของเจ้าไซ โดยทั่วไปพวกมันชอบทำเสียงแปลกๆ บางทีก็ทำเลียนแบบเสียงเจ้าของหรือมนุษย์ได้ด้วย เสียงที่พวกมันทำคือ การคราง การหอน หรือการทำเสียงแปลกๆ ตอบโต้ ประเด็นนี้อาจเกี่ยวข้องในหลายมิติกับความเป็นไซบีเรียน อย่างแรกเลยคือพวกมันดื้อ การทำเสียงต่างๆ จึงเป็นอาการคล้ายกับการโต้แย้งหรือกำลังเถียง ถ้าเจ้าของที่บ่นหรือสั่งให้มันทำในสิ่งที่มันไม่อยากทำ
การทำเสียงต่างๆ ของไซบีเรียนยังอาจเชื่อมโยงกับบริบทหมาดั้งเดิมของพวกมัน เพราะเจ้าไซอาจสื่อสารด้วยการส่งเสียงให้กันและกันอยู่เสมอ แม้มันจะมีลักษณะบางอย่างจากการเป็นหมาฮีโร่ จากการทำงาน หรือกระทั่งเป็นหมาป่ามาก่อน แต่พออยู่บ้านนานๆ อาการก็เลยแย้งๆ กัน
นอกจากร่องรอยความแปลกที่ดูแย้งๆ กันแล้ว อันที่จริงพวกมันอาจจะเซ่อบ้าง แต่ก็ไม่ได้โง่ซะทีเดียว เพราะความแปลกส่วนหนึ่งของไซบีเรียน อาจจะมาจากลักษณะเฉพาะที่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อสิ่งรอบตัวได้อย่างรวดเร็ว และบางครั้งท่าทีการตอบสนองก็อาจจะมาในรูปแบบที่เข้าใจยากหน่อย
สุดท้ายการเลี้ยงหมาและการฝึกฝนคือเรื่องจำเป็น พวกมันแปลกได้ แต่ก็ต้องอย่าให้เดือดร้อนผู้อื่น หรือเดือดร้อนผู้เลี้ยง ไปจนถึงการเกิดอันตรายต่อเจ้าไซเอง ดังนั้นความเข้าใจเงื่อนไขของพวกมัน เช่น พลังงานอันล้นเหลือ ความไวต่อสิ่งรอบข้าง ความเอาแต่ใจ ความงอแง และขี้บ่นก็เป็นเงื่อนไขสำคัญ ที่จะทำให้เราเข้าใจและฝึกฝนพวกมันได้
สรุปแล้วที่เจ้าไซแปลกๆ บางส่วนอาจมาจากร่องรอยเก่าแก่ของพวกมัน ใครจะบูลลี่ไซบีเรียน อาจจะรบกวนเกรงใจบรรพชน ที่เคยอยู่คู่กับมนุษย์ในดินแดนน้ำแข็งแสนไกลด้วยสักหน่อย
อ้างอิงจาก