20 เมษายนของทุกปี ถือเป็นที่รู้กันโดยเฉพาะในกลุ่มผู้นิยมสายเขียว ว่าเป็นวัน ‘กัญชาโลก’ หลายประเทศได้จัดงานเฉลิมฉลองกันอย่างยิ่งใหญ่ คึกคัก และเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
มาถึงปีนี้ ไฮไลท์ในประเทศไทยส่องไปยังจังหวัดบุรีรัมย์ กับงาน ‘พันธุ์รัมย์’ มหกรรมกัญชาเพื่อการแพทย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และน่าจะพูดได้ว่านี่เป็นงานที่กัญชาถูกนำมาจัดแสดงอย่างเปิดเผยมากที่สุด ในนามเพื่อการแพทย์และวิจัย
ในช่วงหนึ่งของการเสวนาวิชาการ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย อนุทิน ชาญวีรกุล ได้พูดถึงงานนี้ไว้ว่า ภูมิใจไทยพร้อมผลักดันกัญชาเพื่อการแพทย์อย่างเต็มที่ และมั่นใจว่าภูมิใจไทยมีความพร้อมในเรื่องกฎหมายใหม่ๆ เกี่ยวกับกัญชามากกว่าทุกพรรคการเมือง
“สิ่งที่พวกเรามีคือความกล้า เราทำการบ้านมาเยอะ คนที่บอกว่าไม่เอากัญชา บางทีเขาฟังต่อๆ มาเฉยๆ ที่สำคัญสุดนอกจากรักษาโรคได้แล้ว มันจะเป็นพืชเศรษฐกิจตัวใหม่ให้กับประเทศไทย พี่น้องจะมีรายได้เพิ่มมากขึ้นจากการปลูกกัญชา ถ้าเป็นชุมชนหรือเป็นกลุ่มเกษตรกร ก็จะสามารถปลูกเป็นแปลงได้ นี่คือสิ่งที่เราอยากทำให้กับประชาชนถ้าเราได้เข้าไปทำงานในสภาแล้ว” อนุทิน กล่าวบนเวที
“พวกเราตั้งใจจัดขึ้นเพื่อเป็นประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ พยายามให้ได้รับข้อมูลและองค์ความรู้เรื่อกัญชามากที่สุด ภูมิใจไทยกล้านำเสนอนโยบายกัญชาเสรี และการที่มีคนมางานมากมายขนาดนี้ ถือว่ามีคุณค่ามีความหมาย เพราะเสียงเรามีน้ำหนัก เมื่อสภาเปิดแล้ว จะเอานโยบายที่ให้สัญญากับประชาชนไว้ผลักดันให้เป็นจริงให้ได้ กัญชาเสรีเป็นนโยบายที่สำคัญ ซึ่งงานนี้ถ้าทำไม่สำเร็ต พรรคเจ๊งแน่นอน”
อนุทิน ย้ำด้วยว่า สิ่งสำคัญหลังจากนี้คือ ถ้าพรรคการเมืองไหนจากได้ภูมิใจไทยไปร่วมจัดตั้งรัฐบาล จำเป็นต้องสัญญากับภูมิใจไทยว่า พร้อมจะผลักดันนโยบายกัญชาตามแนวทางที่พรรควางเอาไว้
“ต้องเซ็นสัญญากันก่อน ถ้าไม่ผลักดันกัญชาเสรีก็จะไม่ร่วมรัฐบาล หรือถ้าอยู่ฝ่ายค้านก็จะผลักดันเรื่องนี้เหมือนกัน อะไรเป็นสิ่งที่ไม่ดีเราคงไม่กล้านำเสนอ ทุกอย่างต้องภายใต้การบริโภคอย่างถูกวิธีและพอเหมาะพอสม” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทยอธิบาย
งานพันธุ์รัมย์ เป็นงานว่าด้วยกัญชาที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งที่เกิดขึ้นในไทย ภายในงานมีทั้งเวทีเสวนาวิชาการ ที่ให้ความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับกัญชา ไม่ว่าจะเป็นประวัติศาสตร์แห่งกัญชา ตลอดจนความเข้าใจในกัญชา ‘ทั้งระบบ’ ตั้งแต่ เมล็ดพันธุ์ วิธีการปลูก แนวทางการรักษาต้นกัญชาจากวัชพืช การใช้แสงไฟต่างๆ เพื่อปลูกกัญชาในที่ร่ม รวมไปถึง workshop ที่ให้ผู้คนได้มีเข้าใจกัญชาอย่างใกล้ชิด โดยการแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
“วิสาหกิจชุมชนจะปลูกกัญชาได้ต้องไปมีความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยของรัฐ” ประโยคในลักษณะนี้จาก นพ. สมยศ กิตติมั่นคง ผู้เขียนหนังสือ ‘กัญชาคือยารักษามะเร็ง’ ถูกย้ำอยู่หลายครั้งบนเวทีเสวนา
เมื่อพูดถึงบุรีรัมย์ ชื่อของ เนวิน ชิดชอบ เจ้าของสโมสรบุรีรัมย์ยูไนเต็ด และบิ๊กบอสใหญ่แห่งจังหวัดนี้คงเป็นลำดับแรกๆ ที่คนจะนึกถึง แม้ไม่ได้ขึ้นเปิดงานบนเวทีอย่างเป็นทางการร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และคนจากพรรคภูมิใจไทย
หากแต่เนวินเป็นคนแรกที่ผู้สื่อข่าวทั่วทั้งงานรีบรุดเข้าไปหา เพื่อขอสอบถามความเห็นและจุดยืนว่าด้วยกัญชา
“กัญชาในอนาคตจะเป็นยิ่งกว่าบัตรทอง ที่ช่วยชีวิตคนไทยจากอาการบาดเจ็บ เพราะกัญชามันจะช่วยทั้งรักษาโรคที่เป็นโรคภัยไข้เจ็บของร่างกาย และในอนาคตมันจะเป็นทั้งยากรักษาโรคแก้จนให้กับคนไทยทั้งประเทศด้วย” เนวิน ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว
เขายังเสนอให้รัฐบาลให้อำนาจมาตรา 44 ปลดล็อกกัญชาออกจากยาเสพติด
“ถ้าท่านกล้าทำเรื่องนี้เพื่อผู้ป่วย จะเป็นบุญกุศลอันยิ่งใหญ่ มากกว่าที่ท่านได้ทำบุญกฐิน ทำบุญผ้าป่ามาตลอดชีวิต เพื่อให้คนป่วยสามารถใช้ และสามารถเข้าถึงได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย เพราะคนเจ็บป่วยที่ต้องการใช้กัญชา และสารสกัดจากกัญชามีนับล้านคน”
นี่จึงกลายเป็นประเด็นที่น่าสนในมากๆ เมื่อบุรีรัมย์ได้สปอตไลท์ไปแบบเต็มๆ ในวันกัญชาโลก และเป็นวาระเดียวกันกับที่ทั้งคนจากภูมิใจไทย และแกนนำที่ใกล้ชิดของพรรคได้มีกัญชาเป็นอำนาจต่อรองทางการเมือง ทั้งในแง่การจัดตั้งรัฐบาล และนโยบายปลดล็อคกัญชา
ท่ามกลางคำถามว่า ต่อจากนี้กัญชาไทยจะเดินไปในทิศทางไหน พร้อมกับความคาดหวังว่าผลประโยชน์จะตกอยู่กับประชาชนมากที่สุด
ภาพประกอบจาก
https://www.facebook.com/UncleNewin/