“รู้มั้ย ใครฆ่าอารยา?”
ไดอาล็อกในตำนานจาก ‘หอแต๋วแตก’ ภาพยนตร์แฟรนไชส์แนวตลกที่อยู่คู่ประเทศมาสิบกว่าปี ซึ่งปีนี้พวกเขากลับมาอีกครั้งในชื่อ ‘หอแต๋วแตกแหก COVID ปังปุริเย่’ ที่ทุกคนขนามนามว่าเป็น ‘หอจดหมายเหตุประเทศไทย’ เนื่องจากผู้กำกับอย่าง พชร์ อานนท์ ได้รวบรวมเอาทุกกระแสที่เกิดขึ้นในสังคมบ้านเราเอาไว้จนครบ ตั้งแต่ช่วงเกิดโรคระบาด COVID-19 จนกระทั่งก่อนวันเข้าฉายเพียงไม่กี่วัน ชนิดที่ว่าหนังสือเรียนประวัติศาสตร์ไทยก็ทำให้ไม่ได้
หอแต๋วแตกทุกภาคเป็นภาพยนตร์ที่ถึงแม้จะมีเส้นเรื่องเป็นของตัวเอง (เส้นเรื่องที่ไม่มีเส้นเรื่อง) แต่ระหว่างดำเนินเรื่องราวก็สอดแทรกมุกตลกและกระแสที่สังคมกำลังพูดถึงเอาไว้อยู่ตลอด ไม่ว่าจะเป็นประโยคฮิตๆ ภาพยนตร์ที่กำลังเข้าฉาย เพลงที่กำลังบูม บุคคลที่กำลังเป็นประเด็น หรือแม้กระทั่งการเมืองในช่วงนั้นก็ตาม ซึ่งเราจะได้เห็นการเล่ากระแสแบบนี้อีกครั้งไปพร้อมๆ กับ ‘แก๊งเจ๊แต๋ว’ และ ‘อีแพงเค้ก’ ในภาคล่าสุดด้วยเช่นกัน
ก่อนไปดูภาคล่าสุดที่จะเข้าฉายในวันที่ 2 ธันวาคมนี้ The MATTER ก็ได้รวบรวมเอากระแสสังคมไทยที่ถูกบันทึกไว้ในหอจดหมายเหตุ เอ้ย หอแต๋วแตก ให้มานั่งทวนไปด้วยกันว่าที่ผ่านมาเราคนไทยเจอเรื่องราวอะไรกันไปบ้าง
หอแต๋วแตก (2550)
เปิดจักรวาลหอแต๋วแตกด้วยเรื่องราวของแก๊งกะเทยสามพี่น้องที่ลงทุนสร้างหอพักร่วมกัน และพบกับเหตุการณ์วุ่นวายเมื่อมีคนตายในหอ นั่นก็คือผีแพนเค้กและผีน้ำนิ่ง ซึ่งในปีนั้นเพลง ‘คนใจง่าย’ ของไอซ์ ศรัณยู ก็กำลังเป็นที่โด่งดัง ทำให้นางเอกเอ็มวีอย่าง เป้ย ปานวาด ถูกทาบทามให้มาร่วมแสดงเป็นผีน้ำนิ่ง และมีการล้อเลียนชุดที่เป้ยใส่ในเอ็มวีด้วย
รวมถึงอัลบั้ม Selection ของนักร้องชื่อดัง ‘มาช่า’ ก็เพิ่งวางจำหน่ายได้ไม่นานด้วยเช่นกัน เห็นได้จากฉากที่มีโปสเตอร์ติดไว้และแต่งตัวว่าใครจะเหมือนพี่ช่ากว่ากัน นอกจากนี้ ยังมีการล้อเลียน Brokeblack Mountain ภาพยนตร์ชายรักชายที่เป็นกระแสในขณะนั้นด้วย
หอแต๋วแตกแหกกระเจิง (2552)
เรียกได้ว่าเป็นภาคในตำนาน เพราะเป็นต้นกำเนิดของมีมและประโยคยอดฮิตอย่าง “รู้มั้ย ใครฆ่าอารยา?” “พยูน…ไม่ได้ฆ่า” และ “หล่อนมีพิรุธอีกแล้วนะ” ที่เราใช้กันบ่อยๆ ในทุกวันนี้
โดยกระแสที่ถูกหยิบมาใส่ในภาคนี้ก็คือเพลง ‘ละลาย’ ของ โฟร์-มด และเพลง ‘รักแท้…ยังไง’ ของ น้ำชา ที่เพิ่งปล่อยออกมาและฮิตทั่วบ้านทั่วเมือง อีกทั้งยังมี ‘ตุ๊กตาบลายธ์’ ที่กลายเป็นของต้องมีในยุคนั้น การด่าด้วยคำว่า ‘วรนุช’ แทนคำว่าเหี้ย และมีการแต่งตัวล้อเลียน เลดี้กาก้า ในเพลง Bad Romance ที่ปล่อยในปีนั้นด้วย รวมถึงการร่ายคาถา “คาปูชิโน่ เอสเพรสโซ” ล้อเลียนคาถาของแฮร์รี่ พอตเตอร์ ที่ขณะนั้นภาคเจ้าชายเลือดผสมกำลังเข้าฉายอยู่
ไม่เพียงแค่ป็อปคัลเจอร์เท่านั้นที่หอแต๋วแตกนำมาผสมในเรื่องราว แต่ยังมีการเมืองซ่อนไว้เล็กๆ เช่น ‘ลีน่าจัง’ มาแสดงเป็นหมอผีและบอกให้เข้าคูหาไปกาเบอร์ของเธอ เพราะช่วงนั้นเธอลงสมัครเลือกตั้งอยู่ หรือมุก “ไปดูบลายธ์ (ไปดูไบ)” ที่แซวว่าจะไปเยี่ยมทักษิณหรือเปล่า เพราะช่วงนั้นกำลังมีประเด็นนี้พอดี
หอแต๋วแตกแหวกชิมิ (2554)
ยังจำยุคที่แลกพินกันได้มั้ย? ยุคนั้นมือถือยี่ห้อ ‘Blackberry’ กำลังเป็นกระแส แน่นอนว่าหอแต๋วแตกก็ไม่พลาดที่จะใส่มือถือรุ่นนี้เข้าไป โดยที่เส้นเรื่องหลักล้อเลียนภาพยนตร์ที่โด่งดังในปีนั้น ซึ่งก็คือ ‘Vampire Twilight’
อีกทั้ง ชื่อของภาคนี้ก็บ่งบอกการใช้ภาษาของคนไทยในสมัยนั้น โดยคำว่า ‘ชิมิ’ ถูกกร่อนมาจากคำว่า ใช่มั้ย? จนเกิดเป็นเพลงฮิตอย่าง ชิมิ ชิมิ ที่ถูกร้องโดยวงบลูเบอร์รี่ในเวลาต่อมา และอีกเหตุการณ์สำคัญก่อนหน้านั้น ก็คือการชนะรางวัลของชุดประจำชาติอย่าง ‘สยามไอยรา’ ในเวทีประกวดมิสยูนิเวิร์ส ซึ่งผีแพนเค้กก็ได้ใส่ชุดนี้ในตอนท้ายเรื่องด้วย
หอแต๋วแตกแหกมว๊ากมว๊ากกก (2555)
แค่ฉากเปิดเรื่องก็ล้อกระแสแล้ว เพราะช่วงเวลาในปีนั้น ‘ซีรีส์เกาหลี’ ตีตลาดไทยหนักมาก ทำให้ในเนื้อเรื่องมีกลิ่นอายความเป็นเกาหลีอยู่เยอะ เช่น ใส่เพลงประกอบดราม่าๆ แบบซีรีส์เกาหลี ผีแพนเค้กมีแฟนเป็นคนเกาหลี หรือการที่ผีแพนเค้กใส่ชุดฮันบก (ชุดประจำชาติเกาหลี) เป็นต้น แต่ก็มีการใส่เพลง ‘ให้เลวกว่านี้’ ที่ประกอบละครไทยสุดฮิตในตอนนั้นอย่าง ‘ดอกส้มสีทอง’ เข้ามาด้วยเช่นกัน
และด้วยความที่มือถือยี่ห้อ ‘iPhone’ ได้เข้ามาเป็นกระแสในไทย ผีแพนเค้กก็ได้นำ iPhone มาให้เจ๊ๆ บอกว่าได้มาจาก สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) นอกจากนี้ ก็มีการล้อดราม่าในเวที Thailand’s Got Talent ที่มีหญิงสาวเปลือยอกแล้วนำสีมาทาตัววาดรูป โดยอ้างว่าเป็นศิลปะ ทำให้เกิดการวิพากษ์เป็นศิลปะหรืออนาจารกันแน่
ยัง ยังไม่หมด ภาคนี้ได้มีการดึง ‘น้องก้อง เสียใจแต่ไม่แคร์’ เข้ามาร่วมแสดงด้วย เพราะช่วงนั้นคลิปคัฟเวอร์และท่าขยับคอของน้องโกไวรัลอย่างรวดเร็ว สร้างรอยยิ้มให้กับใครหลายคนเป็นอย่างมาก และที่ดังไม่แพ้กันก็คือละครเรื่อง ‘บ่วง’ ก็ได้ถูกนำมาใส่ในเรื่อง โดยผีแพนเค้กแต่งตัวเป็น ‘ผีอีแพง’ และร้องเพลงประกอบละคร รวมถึงอีกชุดหนึ่งที่ฮือฮาสุดๆ ก็คือชุดไทยและสวมชฎาที่ ‘เลดี้กาก้า’ ใส่ตอนมาเล่นคอนเสิร์ตที่ไทย จำได้ว่าตอนนั้นคนไทยเถียงกันเรื่องเหมาะหรือไม่เหมาะอยู่หลายวัน
หอแต๋วแตกแหกนะคะ (2558)
ภาคนี้ทำให้จำได้ว่าครั้งหนึ่งคนไทยเคยฮิต ‘ตุ๊กตาลูกเทพ’ มากแค่ไหน สมัยนั้นใครๆ ก็ต้องบูชาและเลี้ยงดูตุ๊กตาลูกเทพ เพื่อนำโชคให้กับชีวิต เราจึงได้เห็นฉากที่ผีแพนเค้กและเจ๊ๆ อุ้มตุ๊กตาลูกเทพ
ในตอนสุดท้ายยังมีการยำภาพยนตร์อีกครั้งหนึ่ง โดยจะเห็นคอสตูม ‘มาเลฟิเซนต์’ และ ‘ซินเดอเรลลา’ ที่ก่อนหน้านั้นมีการเข้าฉายในรูปแบบ live action และได้กระแสตอบรับที่ดี นอกจากนี้ ปี พ.ศ.2558 ยังเป็นปีที่เพลง ‘คืนความสุขให้ประเทศไทย’ ถูกปล่อยออกมาแรกๆ ทำให้มีการใช้คำว่า “คืนความสุข” ในเรื่องด้วย
หอแต๋วแตกแหกต่อไม่รอแล้วนะ (2561)
เป็นภาคที่รวมประโยคฮิตเอาไว้แบบรัวๆ โดยมีฉากที่ต่อบทกันแล้วล้อเลียนที่ดาราเคยให้สัมภาษณ์ เช่น “ไม่ย้อนแล้วจ้า กลับไปดูที่ต้นคลิปจ้า” ของ แมท ภีรนีย์ “คำถามนี้มันน่าตอบมั้ย เป็นหนูหนูไม่ถามนะ มารยามนิดนึง” ของ เจนี่ เทียนโพธิ์สุวรรณ์ และ “หมดแพชชัน” ของ ป๊อป ปองกูล โดยภาคนี้ยังได้ ‘หนูรัตน์’ กับ ‘เจนนี่ ปาหนัน’ ที่กำลังดัง มาร่วมสร้างเสียงฮาผ่านบทบาท ‘คุณแพรและสาจ๋า’ ในรายการเรียลลิตี้ This Is Me Vatanika
ในตอนท้ายจะเห็นได้ถึงการล้อเลียนภาพยนตร์อีกครั้ง ก็คือ Fantastic Beasts ซึ่งเข้าฉายภาคที่ 2 ในปีนั้น โดยมีการร่ายคาถาเชือกวิเศษออกมา และกล่าวถึง ‘นิว สคามันเดอร์’ ซึ่งเป็นพระเอกของเรื่อง และในฉากสุดท้ายที่จะต้องบอกลาผีแพนเค้ก พวกเจ๊ๆ ก็แต่งตัวเป็น ‘BNK48’ มาอำลาด้วย
พจมานสว่างคาตา (2563)
พจมานสว่างคาตา เป็นภาคแยกของจักรวาลหอแต๋วแตกที่ล้อเลียนละครดังในสมัยก่อน ‘พจมาน สว่างวงศ์’ ซึ่งหลังจากที่มีการใช้ชื่อแพนเค้กมาเป็น 10 กว่าปี ภาคนี้ก็ได้ชวน ‘แพนเค้ก เขมนิจ’ มาร่วมแสดงด้วย เพื่อวัดกันไปเลยว่าแพนเค้กคนไหนคือตัวจริง
ในภาคแยกนี้ยังได้ ‘แน็ก ชาลี’ หนุ่มสุดเซอร์เจ้าของคอนเทนต์คุยกับสัตว์ที่คลิปไวรัลสุดๆ ในช่วงนั้นมาแสดงเป็นชายกลางด้วย และยังมีการใช้ชื่อตัวละครในเรื่อง ด้วยชื่อของเมมเบอร์วงเกิร์ลกรุ๊ปชื่อดัง Blackpink ได้แก่ ลิซ่า โรเซ่ เจนนี่ และจีซู โดยจีซูก็คือ ‘แม่สิตางศุ์’ เจ้าของประโยคฮิตในช่วงนั้น ซึ่งก็คือ “ส้มหยุด” นั่นเอง
และด้วยความที่เป็นช่วงแรกที่มีการระบาดของ COVID-19 ในภาคนี้ก็มีการพูดถึงโรคระบาดและสวมใส่หน้ากากด้วย ก็คือตอนที่พวกเจ๊ๆ บอกว่าไปบาร์โฮสต์มา และผีแพนเค้กก็ถามว่า “ไม่กลัวโควิดกันหรอ” และมีการเต้นเพลง ‘บัตเตอร์ฟลายรายงานตัว’ ที่ฮิตเต้นกันในช่วงโรคระบาดแรกๆ
หอแต๋วแตกแหกโควิดปังปุริเย่ (2564)
เพิ่งจะประกาศปิดกล้องไป (จริงมั้ยนะ?) กับภาคนี้ที่มาในธีมโรคระบาด COVID-19 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยกระแสและดราม่ามากมายบนโลกโซเชียล จนผู้กำกับต้องเพิ่มซีนแล้วเพิ่มซีนอีก กว่าจะได้ไฟนอลดราฟต์ออกมา เรียกได้ว่าเฉียดวันเข้าฉายสุดๆ ทำเอาลุ้นเลยว่าวันแรกกับวันสุดท้าย ระยะเวลาของการฉายจะมีความยาวเท่ากันหรือเปล่า?
ภาคนี้เรียกได้ว่ายำทุกเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเอาไว้จริงๆ จนชาวเน็ตถึงกับสถาปนาว่าเป็น ‘หอจดหมายเหตุประเทศไทย’ เพราะรวบรวมประวัติศาสตร์ช่วง COVID-19 เอาไว้ได้ครบ ไม่เพียงแต่จะมีประเด็นการกักตัว ปาร์ตี้ช่วงโรคระบาด หรือซอมบี้เท่านั้น แต่มีการรวบรวมเอาคนดังหรือเจ้าของกระแสมาร่วมแสดงด้วย เช่น พระมหาเทวีเจ้า ทิพย์ พระมหาไพรวัลย์ แม่สิตางศุ์ เป็นต้น และมีล้อเลียนความปังปุริเย่ในประเทศไทย เช่น เพลง ‘LALISA’ ของ ลิซ่า Blackpink ซีรีส์ที่ดังไปทั่วโลกอย่าง ‘Squid Game’ คู่จิ้นไบรท์-วิน หรือแม้แต่ชื่อเรื่องคำว่า ‘ปังปุริเย่’ ก็เป็นคำฮิตในช่วงโรคระบาดด้วยเช่นกัน
ถ้าอยากรู้ว่าข้างในจะรวบรวมกระแสอะไรอีกบ้าง ก็คงต้องตามไปดูในวันที่ 2 ธันวาคมนี้แล้วล่ะ