แหล่งคาสิโนอันแสนโอ่อ่า เงินทองไหลสะพัดนับล้าน และทาร์ตไข่ นั่นคือภาพจำของ ‘มาเก๊า’ เมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของจีน ดินแดนของนักเสี่ยงโชคจากทั่วทุกมุมโลก แต่ที่นี่ไม่ได้มีดีแค่เรื่องการพนัน วันนี้เราจะพาไปรู้จักอาหารแมกานีส หรือ Macanese cuisine อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ทำให้มาเก๊าพิเศษแตกต่างจากที่อื่นๆ …ทาร์ตไข่ที่ว่าอร่อยยังต้องหลบ
ก่อนจะไปเจอเมนูหลักมารู้จักเมืองที่เป็นเหมือนลาสเวกัสของคนเอเชียกันสักนิด มาเก๊า หรือที่มีชื่อย้าวยาวว่า ‘เขตบริหารพิเศษมาเก๊าแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน’ เป็นเขตเล็กๆ ที่มีประชากรเพียงหกแสนกว่าคน แต่ถึงแม้จะอยู่บนแผ่นดินจีนและมีผู้อยู่อาศัยไม่มาก ด้วยความมีอิสระในการปกครองตนเองภายใต้ระบอบหนึ่งประเทศสองระบบ มาเก๊าเลือกเอาธุรกิจการพนันมาสร้างรายได้จนล่าสุดในปี พ.ศ.2018 มี GDP ถึง 54.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เป็นหนึ่งในสถานที่ที่คนมีรายได้ต่อหัวมากที่สุดในโลก และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดแค่นั้น เพราะทุกๆ ปีจะมีการถมทะเลเพื่อสร้างคาสิโนแห่งใหม่เสมอ
ความมลังเมลืองของคาสิโนและแหล่งท่องเที่ยวยามค่ำคืนจึงเป็นอย่างแรกที่นึกถึงเวลาเราพูดถึงมาเก๊า ทีนี้ก็มาถึงคำถามที่ว่า…แล้วถ้าไม่ใช่คาสิโนล่ะ มีอะไรอีกบ้างที่น่าสนใจในเมืองแสงสีแห่งนี้?
หนึ่งประเทศ สองวัฒนธรรม
ขอเล่าต่ออีกหน่อยนึงว่า มาเก๊าเป็นเมืองอ่าวที่เคยอยู่ใต้อาณานิคมของโปรตุเกสในอดีต ก่อนที่โปรตุเกสจะส่งคืนให้กับจีนในวันที่ 19 ธันวาคม ปี ค.ศ.1999 เท่ากับว่าปีนี้จะครบรอบ 20 ปี ของการส่งมอบให้พอดิบพอดี ดังนั้นเวลาใครไปมาเก๊าครั้งแรกอาจจะแปลกใจเวลาดูป้ายตามบ้านเรือนไปจนถึงร้านค้าอยู่บ้าง เพราะว่าภาษาที่สองของเค้าคือภาษาโปรตุเกส ไม่ใช่ภาษาอังกฤษ
พอเคยถูกปกครองโดยชนชาติยุโรป มาเก๊าจึงคือเมืองที่เป็นการผสมผสานกันของสองวัฒนธรรม เราจะเห็นได้ชัดๆ เลยจากสถาปัตยกรรมตามถนนหนทางและสถานที่ท่องเที่ยว อย่างซากประตูโบสถ์ เซนต์ ปอล (Ruins of St. Paul’s) แหล่งถ่ายรูปฮอตฮิต ที่ใครมาต้องได้อย่างน้อยสักรูปนึง ซึ่งใกล้ๆ กันก็มีศาลเจ้าตั้งอยู่ หรือจัตุรัสเซนาโด (Senado Square) ศูนกลางของมาเก๊าตั้งแต่แรกเริ่ม มักใช้เป็นพื้นที่จัดกิจกรรมและงานฉลองต่างๆ ตึกรามบ้านช่องเป็นเครื่องยืนยันว่าสองรากวัฒนธรรมเข้ากันได้อย่างดี
วัฒนธรรมที่หลอมรวมกันจึงส่งผลมาถึงอาหารการกินของคนมาเก๊าด้วย มันเลยไม่น่าแปลกใจว่าทำไม ‘ทาร์ตไข่’ ที่ดูเป็นยุโร้ปยุโรป ดูเป็นขนมที่ไม่เข้ากับความเป็นจีนเลย ถึงเป็นเหมือนของฝากประจำถิ่น ใครมาเที่ยวเป็นต้องแวะซื้อกลับไปฝากเพื่อนๆ เพราะมาเก๊าได้โปรตุเกสมาเต็มๆ
แต่ทาร์ตไข่ก็มีแต่ความเป็นยุโรป วันนี้เลยอยากจะมาแนะนำอาหารแมกานีส (Macanese cuisine) เมนูที่เป็นลูกผสมของทั้งความเป็นมาเก๊าและโปรตุเกส
สองวัฒนธรรม หนึ่งอาหาร
มาเก๊ามีอาหารที่โดดเด่นจน UNESCO ต้องยกย่องให้เป็นเมืองวิทยาการสร้างสรรค์ด้านอาหารโลก หรือ Creative City of Gastronomy ในปี ค.ศ. 2017 ความพิเศษของอาหารแมกานีสไม่ได้มาจากการที่เซฟเพียงหนึ่งคนคิดค้นเมนูรสเลิศจนต่างชาติยอมรับ แต่มันคือมื้ออาหารที่ทุกครัวเรือนของชาวมาเก๊าไม่ว่าจะเป็น ร้านอาหารริมทาง ภัตตาคาร ไปจนถึงในบ้านคนธรรมดาๆ ทั่วไปทำกินกันเอง อาหารแมกานีสมีเรื่องเล่าของจีนกับโปรตุเกสเป็นวัตถุดิบ เป็นเหมือนประวัติศาสตร์ที่ถูกบันทึกไว้และส่งต่อมารุ่นแล้วรุ่นเล่า
อาหารแมกานีสจึงเป็นเหมือน ‘ประวัติศาสตร์ที่กินได้’
ข้อดีอย่างหนึ่งของอาหารแมกานีสคือ ถึงแม้จะมีส่วนผสมที่เป็นตะวันตก แต่ก็ให้รสชาติถูกปากคนเอเชีย แน่นอนว่าคนไทยกินได้อร่อยแบบไม่ต้องปรับลิ้น ไม่ต้องปรุงรส เมนูทำง่ายที่สุดและถูกปากคนไทยที่จะพาไปรู้จักคือ ‘มินจิ’ (Minchi) ข้าวหมู/เนื้อสับผัดซอส ทานคู่กับมันฝรั่งทอดหั่นเป็นรูปลูกเต๋า โปะด้วยไข่ดาวที่ไข่แดงยังไม่สุกดี…
คุ้นๆ ใช่มั้ยว่าคล้ายกับเมนูอะไรในบ้านเรา ใช่แล้ว! ที่แนะนำมินจิเป็นเมนูแรก เพราะมันเหมือนกับกะเพราไข่ดาวบ้านเรามากๆ ถึงรสชาติจะไม่จัดจ้านเท่า แต่มินจิก็น่าจะให้ความรู้สึกใหม่กับคนที่ยังไม่เคยได้ทาน มีเนื้อสับหมูสับที่เป็นส่วนประกอบหลักของอาหารแบบจีนๆ ผสมกับมันฝรั่ง วัตถุดิบหลักของฝั่งตะวันตก วิธีกินก็ไม่ยาก เฉาะไข่ดาวให้เนื้อไข่แดงไหลเยิ้มไปรวมกับเนื้อหมู คลุกเคล้าสักหน่อยก็ตักเข้าปากได้เลย
มินจิน่าจะเป็นอาหารที่พื้นฐานและพื้นบ้านที่สุดของมาเก๊า เพราะในสมัยก่อน ชาวมาเก๊าไม่ได้ร่ำรวยหรือมีรายได้มากอย่างในปัจจุบัน บ้านไหนมีลูกมาก มินจิยิ่งเป็นอาหารสำคัญ เนื้อและมันฝรั่งชิ้นใหญ่ถูกหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆ เพื่อให้อาหารเพียงพอที่จะเลี้ยงปากท้องของทุกคนในครอบครัว
เอาอีกสักเมนูละกัน ทีนี้ขอมาคู่กันเลยคือ Sardine Tart และ Bacalhau Tart เมนูนี้ถูกประยุกต์มาจากทาร์ตไข่นั่นเอง แต่แทนที่ตัวใส้จะเป็นไข่ เมนูนี้ใช้ปลาที่หาได้ตามทะเล—มาเก๊าเป็นเมืองท่า—มาเป็นส่วนประกอบ ทาร์ตที่เคยให้กลิ่นอายแบบโปรตุเกส ก็กลายมาเป็นทาร์ตตามแบบฉบับมาเก๊า มีเนื้อปลาปรุงรสมาให้เค็มหน่อยๆ กัดไปพร้อมกับเนื้อแป้งถือว่าอร่อยลงตัวเลยแหละ
วัฒนธรรมที่ซึมลึกไปถึงอาหารจึงทำให้มาเก๊าโดดเด่น มาเก๊าเป็นรักษาประวัติศาสตร์ของตัวเองไว้ในแบบที่สร้างสรรค์ และดูจะไม่มีวันหายไป หรือถูกลืมได้ง่ายๆ คราวหน้าใครได้แวะเวียนไปเที่ยวมาเก๊าอย่าลืมไปลองชิมอาหารแมกานีสล่ะ บอกเลยว่าเสียเงียน้อย อร่อย แถมไม่หมดตัว
ขอขอบคุณ
การท่องเที่ยวมาเก๊าประจำประเทศไทย
ร้านอาหาร CAFE SAB8