‘ช่วงนี้คงต้องห่างกันสักพัก’
นี่ไม่ใช่ประโยคของคนอกหัก แต่เป็นคำแนะนำจากหลากหลายประเทศ ที่ปกติแล้วจะทักทายกันด้วยการจับมือ จุ๊บปาก หรือหอมแก้ม แต่หลังจาก COIVD-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก ก็ทำให้หลายที่ต้องเปลี่ยนวิธีทักทายกันไปโดยปริยาย
อย่างที่รู้กันว่า COVID-19 สามารถติดต่อกันได้ หากเราไปสัมผัสสารคัดหลั่งจากผู้ที่ติดเชื้อ ร้ายกว่านั้นคือเจ้าเชื้อดังกล่าว มีระยะฟักเชื้ออย่างต่ำ 14 วัน ดังนั้น หลายประเทศจึงหลีกเลี่ยงการสัมผัสเนื้อตัวร่างกายกัน เพราะไม่รู้ว่า ใครป่วย ไม่ป่วย ใครสัมผัสเชื้อ หรือเจออะไรมาบ้าง
เราเลยขอรวมวิธีทักทายที่เปลี่ยนไปหลังการแพร่ระบาด จาก 6 ประเทศ รวมถึง หยิบยกเอารูปแบบการทักทาย ที่ได้รับการแนะนำจากองค์การอนามัยโลก (WHO) มาให้ชมกัน
จีน
COVID-19 ถูกค้นพบครั้งแรกที่ประเทศจีน ซึ่งกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของประเทศนี้ ก็ใช้วิธีการยับยั้งการแพร่ระบาด ด้วยการประกาศขึ้นบิลบอร์ดให้ผู้คนหลีกเลี่ยงการจับมือทักทาย แต่ใช้การทักทายแบบดั้งเดิมที่ ก๋งโฉว (gong shou) ซึ่งเป็นการกำมือแล้วแปะกับมืออีกข้างที่แบ อย่างที่เราเห็นกันบ่อยๆ ในภาพยนตร์ย้อนยุค เพื่อทักทายแทน
ฝรั่งเศส
ประเทศที่มีการพบผู้ติดเชื้อรายแรกในยุโรป ออกมาตรการยับยั้งการแพร่ระบาด โดยมีหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์วิธีการทักทายกันในรูปแบบอื่นๆ แทนการจับมือ หรือการหอมแก้ม ซึ่งเป็นการทักทายแบบดั้งเดิมของฝรั่งเศส
ฟิลลิป ลิชฟุตส์ (Philippe Lichtfus) ผู้เชี่ยวชาญด้านไลฟสไตล์ ออกมาแนะนำว่า ไม่จำเป็นต้องจับมือกันหรอก แค่มองตากัน ก็รู้ใจ เอ้ย ก็ถือว่าทักทายแล้ว
ออสเตรเลีย
แบรด ฮาซาสด์ (Brad Hazzard) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของรัฐนิวเซาท์เวลส์ แนะนำให้เปลี่ยนจากการจับมือทักทาย มาเป็นการตบหลังเบาๆ (อย่าแรงนะ) เพื่อเป็นการทักทายแทน
ฮาซาสด์ ยังกล่าวอีกว่า “ผมจะไม่ห้ามจูบหรอกนะ แต่คุณต้องระมัดระวังตัว และเลือกคนที่คุณจะจูบด้วยให้ดีๆ ล่ะ”
เยอรมนี
ในการประชุมของรัฐบาลเยอรมนีที่ผ่านมา รัฐมนตรีการกระทรวงมหาดไทยของเยอรมนี ถึงกับปฏิเสธที่จะจับมือกับอังเกลา แมร์เคิล! แต่เมเคิลเข้าใจดีว่าในสถานการณ์อย่างนี้ เราต้องป้องกันไว้ก่อน ทั้งคู่เลยใช้รอยยิ้มเป็นเครื่องมือในการทักทายกันแทน
อิหร่าน
อีกหนึ่งประเทศที่มีการระบาดร้ายแรง โดยตอนนี้มีคลิปที่คนสองคนมาเจอกัน แล้วใช้การแปะ ‘เท้า’ เพื่อทักทายกันแทน จนกลายเป็นไวรัลที่แชร์กันทั่วโลกออนไลน์
นอกจากนี้ ยังมีคลิปของนักร้อง และนักแสดงตลกชื่อดัง ที่ใช้เท้าแตะกัน แล้วทำเสียง ‘จุ๊บๆ’ แทน
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
เป็นอีกประเทศที่ออกมาประกาศให้ประชาชน งดเว้นการทักทายแบบ ‘จมูกชนจมูก’ และการจับมือทักทาย แล้วแนะนำให้ประชาชนใช้การโบกมือทักทายกันแทน
นอกจากนี้ ซิลเวีย ไบรอันด์ (Sylvie Briand) หัวหน้าแผนกการเตรียมความพร้อมรับอันตรายจากติดเชื้อทั่วโลกของ องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกมาสนับสนุนการทักทายรูปแบบอื่นๆ ที่ไม่ใช่การจับมือกัน ไม่ว่าจะเป็น การเอาข้อศอกชนกัน การโบกมือ หรือการยกมือไหว้แบบไทยๆ (ใช้คำว่า Thai wai จริงๆ นะ) แทน
แถมเมื่อเร็วๆ มานี้ มีกลุ่มนักเรียนชาวไทยในโรงเรียนเตรียม ไบรท์ตัน คอลเลจ (Brighton College Prep.) ของสหราชอาณาจักร นำการไหว้ไปสอนเพื่อนๆ ในโรงเรียนอีกด้วย
เอาล่ะ เวลาแห่งการพิสูจน์ความคิดสร้างสรรค์ และสัญชาตญาณเอาตัวรอดของมวลมนุษยชาติ มาถึงแล้ว
อ้างอิงจาก