TW : Snake
ในบรรดาปีนักษัตร ‘งู’ ดูจะเป็นสัตว์ที่น่าหวาดหวั่นที่สุดสำหรับมนุษย์แบบเราๆ ใครๆ ก็กลัวงู ซึ่งความกลัวงูถือเป็นอาการสามัญที่มนุษย์ทั่วโลกมีร่วมกัน และถ้าเรามองเรื่องราวที่ติดมากับเจ้าสิ่งมีชีวิตที่เลื้อยไปบนผืนดินนี้ ความหมายของงูก็มักจะค่อนไปในทางลบ
งูจึงเป็นอีกหนึ่งสัตว์ที่มีความพิเศษ ซึ่งความน่ากลัวของพวกมันอาจมาจากการกลายเป็นตัวแทนของความตาย ในวิวัฒนาการของลิงไร้หางแบบเราๆ งูนี่แหละถือเป็นนักล่าและผู้กลืนกินสำคัญของประวัติศาสตร์มวลมนุษย์ เป็นตัวแทนของความว่างเปล่า เป็นต้นธารของความกลัวงูที่เป็นสากลและไร้กาลเวลา
ทว่าในโอกาสของปีงู การยกให้งูเป็นตัวแทนหนึ่งของปี และเป็นนิยามของผู้คนที่เกิดปีมะเส็ง งูก็มีอีกด้านที่มีความน่าสนใจและทรงพลังอย่างน่าหลงใหล เป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่มีความยอกย้อนในตัวเอง นอกจากงูจะเป็นตัวแทนของความตายแล้ว พวกมันยังเป็นตัวแทนของการกำเนิดด้วย หลายครั้งมันจึงมีความหมายที่ตรงข้ามกันในสัญลักษณ์เดียว
งูยังเป็นตัวแทนของผืนดิน ในขณะเดียวกันก็ครอบครองท้องฟ้าในฐานะงูมีปีก ความตายใต้พิภพอาจหมายรวมถึงการกำเนิดใหม่ พวกมันถูกเชื่อมโยงเข้ากับน้ำและสายฝน จากงูสายรุ้งที่เป็นตัวแทนของการสร้างโลก ภาพของงูร้ายๆ ซึ่งอันที่จริงพระคัมภีร์ก็นิยามมันว่าเป็น ‘สัตว์ที่ฉลาดเฉลียวเหนือสัตว์ทั้งปวง’ ถึงงูกินหางในฐานะตัวแทนของความเป็นอนันต์และวงรอบของสรรพสิ่ง
งูร้าย ไม่ร้ายเกิน
ตำนานเกี่ยวกับงูมีมากมายและปรากฏอยู่แทบจะทุกวัฒนธรรมทั่วโลก เวลาเราพูดถึงตำนานปรัมปราและการที่สิ่งต่างๆ กลายเป็นสัญลักษณ์ในเรื่องเล่า หรือเป็นตัวแทนของสิ่งอันเป็นนามธรรมต่างๆ ก็มีงูเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ที่มีความซับซ้อนในตัวเอง
หนึ่งในภาพแทนงูที่ทรงพลังและค่อนไปทางลบ คือเรื่องเล่าเกี่ยวกับงูในความเชื่อแบบคริสต์ แน่นอนว่างูเป็นสัตว์ที่หลอกล่อให้อดัมและอีฟกินผลไม้แห่งความรู้ดีรู้ชั่ว แต่ในพระคัมภีร์เองก็นิยามว่างูซึ่งล่อลวงมนุษย์นั้นเป็น ‘สิ่งที่ทรงปัญญาที่สุดในบรรดาสัตว์ทั้งปวง (as the wisest of the beasts of the field)’ ในแง่นี้ก็เป็นงูนี่แหละทำให้มนุษย์มีความรู้- คือรู้ดีรู้ชั่ว และเป็นตัวแทนหนึ่งของต้นกำเนิดความรู้ โดยในคำสอนของพระเยซูต่อศิษย์ยังมีการเปรียบเปรยว่าให้ชาญฉลาดเหมือนงู ทว่าบริสุทธิ์เหมือนพิราบ
โดยทั่วไป ถ้าเรานึกถึงงูเราย่อมนึกถึงพวกมันในฐานะผู้ดูแลโลกของความตาย ด้วยว่างูอาศัยอยู่ใต้ดิน พวกมันมักถือเป็นผู้ส่งสารไปยังปรโลกหรือโลกแห่งความตาย งูซึ่งเป็นตัวแทนความตายอย่างสำคัญ คือเมดูซ่าในตำนานกรีก ซึ่งในบางแง่มุม เมดูซ่าก็ไปเชื่อมโยงกับเทพเจ้าแห่งการเยียวยารักษาอย่าง เทพเจ้าแอสคลีเพียส (Asclepius) เทพแห่งการแพทย์ ต้นทางของไม้สัญลักษณ์การแพทย์ที่มักมีงูขดอยู่ (Rod of Asclepius)
ในตำนานกรีกมี 2 แนวทางหลักๆ ที่อธิบายว่า ทำไมเทพเจ้าแห่งวิชาแพทย์จึงเกี่ยวข้องกับงู โดยในตำนานแรกเล่าว่า เทพเจ้าได้สังหารงูตัวหนึ่งและเฝ้ามองจนงูอีกตัวหนึ่งเข้ามารักษาเพื่อนของมันด้วยสมุนไพร อีกตำนานเล่าว่า เมื่อสังหารเมดูซ่าได้ เทวีอธีนาก็ได้มอบเลือดของนางกอร์กอนให้กับแอสคลีเพียส ซึ่งเลือดจากร่างด้านซ้ายให้ผลเป็นความตาย ด้านขวาเป็นการชุบชีวิต
ในแง่สติปัญญาและความมั่งคั่งตามความเชื่อแบบโรมัน เทพแห่งการสื่อสารและการเดินทางอย่างเมอร์คิวรี่ก็มีไม้คทาซึ่งพันด้วยงู ในสมัยโรมันพ่อค้ามักจะสวมเครื่องประดับที่วาดตรางูไขว้ไว้ เพื่อเป็นตัวแทนแห่งปัญญาความรู้ ในแง่นี้หมายถึงการมีปัญญาในการตัดสินต่อรองราคาอย่างเหมาะสม
อันที่จริง ในความเชื่อแบบวัชรยานทิเบต ชัมภลา พระโพธิสัตว์แห่งความมั่งคั่งมีความเชื่อมโยงกับท้าวกุเวร จุดเด่นหนึ่งของภาพเคารพหมายถึงการบีบพังพอนไว้ในมือข้างหนึ่ง และพังพอนจะคายทรัพย์สมบัติออกจากปาก ตามความเชื่อแบบวัชรยานเชื่อว่า สมบัติ แก้วแหวนเงินทอง สิ่งมีค่าต่างๆ ล้วนเชื่อมโยงหรืออยู่ในผืนดิน ผู้ดูแลโลกบาดาลและผืนดินก็คือ งู การบีบพังพอนซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ข่มงู จึงเป็นตัวแทนของการบันดาลทรัพย์สมบัติที่งูเฝ้ารักษาอยู่
ปีใหม่ เริ่มใหม่แบบงูๆ
เราจะเริ่มเห็นความซับซ้อนของความหมายของงู กระทั่งในตัวเมดูซ่ายังมีอำนาจทั้งในการสร้างและทำลายในตัวตนเดียวกัน หลายลักษณะเฉพาะของงูเลยทำให้ความหมายของมันไหลลื่นและคดเคี้ยวพอๆ การเลื้อยของพวกมันนั่นเอง
นอกจากความตายแล้ว งูยังเกี่ยวข้องกับการกำเนิดด้วย ในตำนานแอซเท็ก (Aztecs) เล่าถึงเทพเจ้างูชื่อว่า Tlaloc เป็นเทพเจ้าที่เชื่อมโยงกับฝน น้ำและความอุดมสมบูรณ์ การเคารพบูชาเทพเจ้างูอย่างเหมาะสมจะทำให้ฝนฟ้าตกอย่างถูกต้อง ชื่อของเทพเจ้านี้เองก็มีความหมายว่า ผู้ทำให้สรรพสิ่งงอกงาม (he who makes things sprout) ความน่าสนใจของงูซึ่งเชื่อมโยงกับน้ำ ยังสัมพันธ์กับความคดเคี้ยวของเส้นทางการเลื้อยที่สอดคล้องกับภาพของแม่น้ำ ตำนานแถบลุ่มแม่น้ำโขงก็มีการพูดถึงแม่น้ำโขงในฐานะรอยของพญานาค งูจึงเกี่ยวข้องทั้งกับผืนดิน ความชุ่มฉ่ำของฝน และความงอกงามหลังจากพายุฝนผ่านพ้นไป
ความพิเศษของงูซึ่งสัมพันธ์กับความไม่รู้จบ การทิ้งและลอกคราบออกของงูยังได้รับการตีความว่า เป็นการถือกำเนิดใหม่ด้วยตัวมันเอง นอกจากนี้ ด้วยความที่งูมักมีลักษณะ 2 ด้านในตัวเอง ซึ่งหมายถึงพิษและการเยียวยา ความตายและการให้ชีวิต ความดีและความชั่ว กระทั่งมีตำนานว่าด้วยงูที่มีปีก งูจึงกลายเป็นตัวแทนของความสมดุลใน 2 สิ่ง เป็นหนึ่งตัวแทนที่สำคัญของการผสานกัน ความไม่รู้จบและการเกิดใหม่จึงเป็นสัญลักษณ์ของงูกินหาง หรือ Ouroboros
สุดท้ายนี้ งูจึงเป็นอีกหนึ่งสิ่งมีชีวิตที่น่าสนใจ งูในมิติทางวัฒนธรรมเป็นสิ่งที่ทั้งน่าสะพรึงและน่าหลงใหล ความน่าสนใจของงูอยู่ที่การเป็นตัวแทนของความสมดุลและวงรอบของสรรพสิ่ง การปรากฏตัวของงูอาจเป็นสัญญาณของสรรพสิ่ง ของคำเตือนเพื่อความระแวดระวัง ไปจนถึงการเป็นตัวแทนของการถือกำเนิดใหม่ การมองเห็นความหมายในหลายแง่มุม เช่นที่เรามองเห็นความลุ่มลึกของงูที่อยู่คู่กับความกลัวและปัญญาของมนุษย์เรามาเนิ่นนาน
ปีงูจึงอาจเป็นตัวแทนของการเริ่มใหม่ การเผยความจริง สติปัญญา และการรักษาสมดุลที่มีพิษเจือปน ฉกกัดเมื่อจำเป็น
อ้างอิงจาก
storiesfromthemuseumfloor.wordpress.com