สุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ผมเพิ่งมีโอกาสไปเยือนสถานพักฟื้นและพักผ่อนกองทัพบกสวนสนประดิพัทธ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นครั้งแรก หลังเข้าสู่ ‘ยุคใหม่’
ที่บอกว่าเป็นยุคใหม่ ก็เพราะกองทัพบกเพิ่งว่าจ้างผู้บริหารจากเครือโรงแรมดุสิตธานีให้เข้ามาบริหารงานแทนตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2563 เป็นต้นมา ตาม ‘คำสัญญา’ ว่าจะปฏิรูปธุรกิจเชิงพาณิชย์บนที่ดินราชพัสดุของกองทัพบกของ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ในสมัยที่เป็น ผบ.ทบ.
เหตุผลที่ พล.อ.อภิรัชต์ต้องประกาศว่าจะปฏิรูปการใช้ประโยชน์จากที่ดินทหาร หากใครยังจำกันได้มีต้นเหตุมาจาก ‘เหตุกราดยิงโคราช’ ระหว่างวันที่ 8-9 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 ที่ จ.ส.อ.จักรพันธุ์ ถมมา ทหารจากค่ายสุรธรรมพิทักษ์ จ.นครราชสีมา ก่อเหตุยิงผู้บังคับบัญชาและญาติ ก่อนไปปล้นคลังแสงของค่าย และนำอาวุธสงครามไปกราดยิงบุคคลทั่วๆ ไปตามรายทาง จนถึงห้างสรรพสินค้า Terminal 21 Korat และถูกวิสามัญฆาตกรรมในเวลาต่อมา
เหตุดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิตรวมกัน 31 คน รวม จ.ส.อ.จักรพันธุ์ บาดเจ็บอีกกว่า 60 คน โดยสาเหตุมาจากความโกรธแค้นที่ถูกโกงเงินที่กู้มาสร้างบ้านพักในโครงการบ้านพักสวัสดิการทหาร
หลังโศกนาฎกรรมดังกล่าวยุติลงไม่นาน พล.อ.อภิรัชต์ก็เปิดแถลงข่าวทั้งน้ำตา ขอโทษต่อความสูญเสียที่เกิดขึ้น พร้อมประกาศจะพัฒนากองทัพ
วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 กองทัพบกได้ลงนามใน MOU ร่วมกับกรมธนารักษ์ เพื่อปรับปรุงการจัดการกิจการเชิงพาณิชย์ที่ใช้ที่ดินราชพัสดุ เช่น สถานีบริการน้ำมัน ร้านค้า ตลาดนัด กิจการสโมสร สนามมวย สนามกอล์ฟ สนามม้า และสถานพักฟื้นพักผ่อนกองทัพบก ให้เป็นไปอย่างโปร่งใสและมีประสิทธฺิภาพ และจะแบ่งส่วนแบ่งกำไร (profit sharing) 10% เข้าเป็นเงินของแผ่นดิน
เป็นความพยายามในการปรับปรุง ‘ภาพลักษณ์’ ของกองทัพบก ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุนองเลือดที่มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน โดยมีต้นเหตุมาจากเรื่องราวของผลประโยชน์ภายในกองทัพเอง

พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผบ.ทบ.ขณะนั้น แถลงแสดงความรับผิดชอบกรณีเหตุกราดยิงโคราช (ที่มาภาพ: กองทัพบก)
‘ที่พัก’ ในสถานพักฟื้นและพักผ่อนกองทัพบกสวนสนประดิพัทธ์ของผม จะอยู่ในโซนสวนสนฯ แห่งที่ 2 เป็นห้องพักเตียงแฝดขนาดมาตรฐาน (Standard Twin Room) ซึ่งอัตราค่าเข้าพักรวมอาหารเช้า ในวันธรรมดาจะอยู่ที่คืนละ 1,100 บาท และในวันสุดสัปดาห์จะอยู่ที่คืนละ 2,800 บาท ขณะที่ห้องพักที่มีราคาแพงที่สุด คือห้องพักสวีตเตียงเดี่ยวมองเห็นวิวทิวสน (Bedroom Suite with Seapine View) ในช่วงสุดสัปดาห์ ที่อัตราค่าเข้าพักรวมอาหารเช้าจะอยู่ที่คืนละ 6,500 บาท
ขณะที่ถ้าเป็นโซนสวนสนฯ แห่งที่ 1 จะมีที่พักประเภทบังกะโลด้วย ซึ่งราคาย่อมเยาว์ลงมาอีกเล็กน้อย
แต่ถ้าคุณเป็นข้าราชการจะได้รับ ‘ส่วนลด’ ในเปอร์เซ็นต์ที่แตกต่างกันออกไป 20-50% โดยข้าราชการกองทัพบกจะได้มากที่สุด ตามมาด้วยข้าราชการกระทรวงกลาโหม และข้าราชการกระทรวงอื่น
สำหรับกิจกรรมที่สวนสนฯ นอกจากเดินเล่มตามริมชายหาดที่มีความยาว 3 กิโลเมตร เล่นบานาน่าโบ๊ต ปาร์ตี้ริมหาด ก็ยังมีสนามกอล์ฟ จำนวน 18 หลุมที่อยู่ใกล้ๆ กัน
ข้อมูลจากเว็บไซต์กองทัพบกระบุว่า สถานพักฟื้นและพักผ่อนสวนสนฯ แห่งที่ 1 เปิดให้บริการในรูปแบบโรงแรมทั่วไป มาตั้งแต่ปี พ.ศ.2514 ก่อนจะค่อยๆ สร้างอาคารรับรองเพิ่มเติมในปี พ.ศ.2537 โดยคิดค่าบริการถูกกว่าเพื่อเป็นสวัสดิการแก่ข้าราชการของกองทับบก จากนั้นจึงได้สร้างศูนย์พัฒนากีฬากองทัพบก สวนสนประดิพัทธ์ (สนามกอล์ฟ) และสถานพักฟื้นและพักผ่อนสวนสนฯ แห่งที่ 2 โดยเปิดให้บริการเพิ่มเติมในปี พ.ศ.2557
ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ได้ควบรวมการบริหารงานสถานที่ทั้ง 3 แห่งเข้าด้วยกัน และให้ชื่อว่า Seapine Recreation Centre พร้อมกับเปลี่ยนรูปแบบในการบริหารงานจากการจัดสวัสดิการภายใน เป็นการจัดสวัสดิการในเชิงธุรกิจ ในเดือนเมษายน พ.ศ.2563
โดยมีจำนวนห้องพักรวมกันทั้งสิ้น 347 ห้อง เป็นห้องพักโรงแรม 287 ห้อง บังกะโล 51 หลัง วิลล่าสองห้องนอน 5 หลัง และเรือนนอน 4 แถว

ป้ายเตือนระวังแมงกะพรุนและกิ่งไม้ร่วงริมหาดสวนสนประดิพัทธ์
แม้จะมีการแถลงข่าวว่า กองทัพบกได้ว่าจ้างให้ ‘เอกชน’ เข้ามาบริหารงาน แต่เท่าที่สอบถามจากพนักงานของโรงแรมที่หลายคนทำงานที่นี่มาหลายปีก็พบว่า การบริหารงานโดยทั่วๆ ไปยังคล้ายเดิมสมัยที่กองทัพบกเป็นผู้บริหารงานเอง ไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างอย่างมีนัยสำคัญ
The MATTER พยายามหาข้อมูลว่า กองทัพบกจ้างให้ผู้บริหารเครือดุสิตธานีเข้ามาบริหารโรงแรมสวนสนฯ ทั้ง 2 แห่ง รวมถึงสนามกอล์ฟ ด้วยจำนวนเงินมากน้อยเพียงใด แต่ยังไม่พบข้อมูล
เท่าที่เรามีข้อมูล ซึ่งได้จากการใช้ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ยื่นขอมา ทางกองทัพบกให้ข้อมูลว่า ‘รายได้เฉลี่ยต่อปี’ ของ Seapine Recreation Centre ระหว่างปี พ.ศ.2558-2562 จะอยู่ที่ราว 179 ล้านบาท (แบ่งเป็นโรงแรมสวนสนฯ แห่งที่ 1 กว่า 66.7 ล้านบาท โรงแรมสวนสนฯ แห่งที่ 2 กว่า 55.3 ล้านบาท และสนามกอล์ฟสวนสนฯ กว่า 57.1 ล้านบาท)
ทั้งนี้ กองทัพบกปฏิเสธจะเปิดเผยรายละเอียดว่า รายได้ทั้งหมดจาก Seapine Recreation Centre ถูกนำไปใช้อะไรบ้าง บอกเป็นรายการค่าใช้จ่ายกว้างๆ จำนวน 5 รายการ ได้แก่
- เงินเดือนและค่าเบี้ยเลี้ยงพนักงาน
- ค่าอาหารสำหรับพนักงาน
- ค่าวัสดุสิ้นเปลืองสำนักงาน
- ค่าสาธารณูปโภค
- ต้นทุนในการขายสินค้าและบริการ
และเมื่อหักลบรายได้กับค่าใช้จ่ายแล้ว จะเหลือเป็น ‘กำไรสุทธิเฉลี่ย’ ปีละ 19.2 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม จากธุรกิจเชิงพาณิชย์ที่อยู่บนที่ดินราชพัสดุของทหาร 45 แห่ง ซึ่งแบ่งเป็นสนามมวย 1 แห่ง สนามม้า 1 แห่ง สนามกอล์ฟ 37 แห่ง และสถานพักฟื้นและพักผ่อนอีก 6 แห่ง*
กองทัพบกยังอ้างว่า รายได้จากการดำเนินงานของทั้ง 45 แห่ง รวมกันเฉลี่ยที่ปีละ 724 ล้านบาทเท่านั้น
ไม่ถึงพันล้านบาท ตามที่เคยมีกระแสข่าว
[ *หมายเหตุ: เรามีข้อสังเกตว่า ข้อมูลธุรกิจเชิงพาณิชย์ที่กองทัพบกส่งมาให้กับ The MATTER มีบางรายการ ‘หายไป’ เช่น สนามมวย แจ้งมาเพียงสนามมวยเวทีลุมพินีเท่านั้น ไม่แจ้งถึงสนามมวยเวทีเชียงใหม่ (ค่ายกาวิละ) และสนามม้า ที่แจ้งมาเพียงสนามม้ากองทัพภาคที่ 2 จ.นครราชสีมา แต่ไม่บอกถึงสนามม้าหนองฮ้อ มณฑลทหารบกที่ 33 จ.เชียงใหม่ ที่แม้จะปิดตัวไปช่วงต้นปี พ.ศ.2563 แต่เราขอข้อมูลรายได้ยอนหลังระหว่างปี พ.ศ.2558-2562 ]

ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ เป็นหนึ่งในคนที่ทวงถามสัญญาปฏิรูปกองทัพอย่างต่อเนื่อง
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ในฐานะประธานคณะก้าวหน้า เป็นหนึ่งในคนติดตามการปฏิรูปกองทัพบก โดยเฉพาะเรื่องการจัดการธุรกิจเชิงพาณิชย์บนที่ดินราชพัสดุของกองทัพบกอย่างเข้มข้น โดยนับแต่ พล.อ.อภิรัชต์ออกมาให้คำสัญญา เขาก็โพสต์ข้อมูลลงแฟนเพจเฟซบุ๊ก รวมถึงใช้บทบาทหน้าที่ในฐานที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ.2564 ติดตามอยู่ทุกเดือน
ธนาธรเสนอวิธีปฏิรูปกองทัพให้ทำ 3 ป. คือ ‘เปิดชื่อ – เปิดงบประมาณ – เปิดทาง’
- เปิดชื่อทหารที่ยังเกษียณแต่ยังอยู่บ้านพักสวัสดิการ และเปิดชื่อกิจการม้า มวย หวย กอล์ฟ โรงแรม ให้ประชาชนตรวจสอบ
- เปิดงบประมาณที่ใช้ในการบริหารกิจการในกองทัพ รวมถึงงบลับลวงพรางต่างๆ
- เปิดทางให้ประชาชน สื่อมวลชน และนักวิชาการ ไปมีส่วนร่วมในการตรวจสอบ ไม่ใช่ให้ทหารปฏิรูปกันเอง แบบชงเองกินเอง
สำหรับการจัดการธุรกิจเชิงพาณิชย์บนที่ดินราชพัสดุ
ธนาธรเรียกร้องให้กองทัพบก เปิดรายละเอียด MOU ที่ทำไว้กับกรมธนารักษ์ เปิดสัญญาที่จ้างเครือโรงแรมดุสิตธานีมาบริหารโรงแรมและสนามกอล์ฟสวนสนฯ และตั้งคำถามเรื่องการแบ่งกำไร 10% เข้าเงินคงคลังว่า แล้วเงิน 90% ที่เหลือหายไปไหน
ประธานคณะก้าวหน้ายังเรียกร้องในอีกหลายๆ เรื่อง เช่นผลประโยชน์จากสถานีโทรทัศน์ช่อง 5, สโมสรฟุตบอล Army United, โครงการปืนสวัสดิการ ฯลฯ
แต่ก็เช่นเดียวกับคำถามถึงกองทัพบกอื่นๆ – สิ่งที่ธนาธรได้รับกลับมาส่วนใหญ่จะมีแต่ ‘ความเงียบ’
ถึงปัจจุบัน ธุรกิจเชิงพาณิชย์บนที่ดินราชพัสดุของกองทัพบก มีเพียงโรงแรมและสนามกอล์ฟสวนสนฯ และหอประชุม จ.เชียงราย เท่านั้นที่กองทัพบกให้เอกชนเข้ามาบริหารจัดการ ส่วนที่เหลืออีกกว่า 40 แห่ง กำลังปรับเปลี่ยนไปสู่ทิศทางไหน คำตอบยังอยู่ในสายลม (แปลว่าเราแทบไม่มีทางรู้ได้เลย)
เสียงคลื่นซัดเข้าหาดทรายสลับกับเสียงลมพัดผ่านทิวสนดังต่อเนื่อง ผมกระชับขวดเครื่องดื่มสีเขียวเข้มในมือและคิดใคร่ครวญถึงบางเรื่องราวในใจ หรือคำสัญญาปฏิรูปกองทัพจะเป็นเพียงคลื่นกระทบฝั่ง ที่มาแล้วก็หายไป หรือโศกนาฎกรรมที่โคราช อันเป็นแรงขันดันสำคัญที่ทำให้กองทัพบกต้องประกาศต่อสาธารณชนว่าจะ ‘เปลี่ยนตัวเอง’ จะเป็นเพียงปราสาททรายที่เพียงถูกสายน้ำพัดแรงๆ สักครั้งก็ละลายหายไป ราวกับไม่เคยมีอยู่
ดวงอาทิตย์ลาลับฟ้าชายหาดสวนสนประดิพัทธ์ พร้อมกับ ‘คำถาม’ อีกมากมาย เรื่องผลประโยชน์ในกองทัพที่ ‘คำตอบ’ ยังมืดมน เช่นเดียวกับห้วงเวลารัตติกาล