ไม่ว่าทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาคุณจะใช้เวลาเคลียร์งานให้หมดเพื่อไปเที่ยวสุดสัปดาห์กับเพื่อนจนไม่ทันได้เปิดอินเทอร์เน็ต หรือต้องเปิดโปเกมอนโก ตลอดเวลาจนไม่ได้สไลด์จอเช็คข่าวสารบ้านเมือง
While You Were Offline ยกมืออาสารวบตึงข่าวสำคัญตลอดหนึ่งสัปดาห์ที่คุณ offline มาเล่าให้ฟังถึงที่ บอกได้เลยว่าคุณจะไม่พลาดทุกเรื่องใหญ่ที่ใครๆ ก็พูดถึงกัน อ่าน While You Were Offline อันเดียว ชิตอะแชตกับเพื่อนได้ชัวร์!
นักวิจารณ์ต่างประสานเสียงว่า ‘พริกแกง’ คือหนังที่ยัดเยียดความเป็น ไทยให้อาหาร
ยังคงต่อเนื่องมาจนสัปดาห์นี้กับมหากาพย์แซ่บๆ พริกกะเหรี่ยง ของหนังเรื่อง ‘พริกแกง’ หนังอันเป็นที่รัก เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันตั้งแต่ปล่อยเทรลเลอร์ จนเข้าฉายในสัปดาห์วันแม่ที่ผ่านมา พริกแกงก็กลับมาครองไทม์ไลน์อีกครั้ง แม้จะมีเสียงที่บอกว่านี่คือหนังที่สะท้อนความเป็นไทยที่ดีที่สุดเรื่องนึงเลยนะแก แต่เสียงนักวิจารณ์ส่วนใหญ่ก็ค่อนข้างไปทางเดียวกันคือยัดเยียดความเป็นไทยให้กับอาหารเกินไป ทั้งๆ ถ้าจะไล่ก็ตั้งแต่ชื่อหนังพริกแกงเนี่ย ‘พริก’ ก็ไม่ใช่ของไทยแล้วไหม ไหนจะเครื่องเทศต่างๆ นานา ที่ต่างก็ข้ามทวีปมาอีกเนาะ ฟิวชั่นทั้งน้าน
บ้างก็ว่าหนังภาพสวย เพลงประกอบดี มีความพูดจาไพเราะเสนาะจับใจ แต่ก็ตบท้ายไว้ให้คีสว่า “ถ้าคุณชอบฟังอาจารย์พูดที่หน้าเสาธง คุณอาจชอบเรื่องนี้ เพราะมันให้อารมณ์ไม่ต่างจากนั้น” อูยยยย… กระอักเลือดกันไปตามๆ กัน
ททท. เตรียมขอหยุดยาว แต่รัฐมนตรีการท่องเที่ยวฯ บอกเดี๋ยวๆ ยังไม่จำเป็น
หลังจากเหตุระเบิดในจังหวัดท่องเที่ยวทางภาคใต้ช่วงหยุดยาววันแม่ที่ผ่านมา ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ ททท. ก็ออกมาบอกว่า นี่ๆ เรามีกลยุทธ์เพื่อสร้างรายได้ทดแทนมูลค่าที่อาจเสียไปตอนระเบิด และเพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว หนึ่งในกลยุทธ์ที่ว่าก็คือ ขออนุมัติจากคณะรัฐมนตรีให้มีวันหยุดยาวต่อเนื่อง โดยขอให้วันอังคารที่ 27 กันยายนซึ่งเป็นวันท่องเที่ยวโลกให้เป็นวันหยุดราชการ และขอให้วันจันทร์ที่ 26 กันยายน เป็นวันหยุดพิเศษ หมายความว่า เราจะมีวันหยุดต่อเนื่อง 4 วัน
แต่ล่าสุด นางกอบกาญจน์ วัฒนวรางกูร รัฐมนตรีการท่องเที่ยวและกีฬา ก็ออกมาบอกแล้วว่า กระทรวงฯ ยังไม่เห็นถึงความจำเป็นอะเนอะ หยุดมากๆ ก็กระทบภาคอุตสาหกรรมอะ ค่อยๆ ดูกันไป สถานการณ์การท่องเที่ยวก็น่าจะเป็นไปในทางที่ดีขึ้นแบบที่ไม่ต้องมาหยุดหรือมีมาตรการอัดฉีดใดๆ แถมบอกว่าสิ่งสำคัญตอนนี้คือ มาตรการดูแลและเตรียมความพร้อมดูแลความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวมากกว่า โอย ประทับใจ
ดราม่าบิ๊กหมูเตือน “พวกใส่หมวก ใส่แว่น เดินห้าง นี่ผิดปกตินะ คนไทยเขาไม่ใส่กัน”
ดราม่ากันไปทั้งโซเชียล เมื่อบิ๊กหมู ออกมาบอกว่า “ประชาชนต้องออกมาใช้ชีวิตปกติ แล้วก็สอดส่อง ดูแลสิ่งผิดปกติต่างๆ ที่เกิดขึ้นในพื้นที่เรา ในที่อยู่ของเราในชุมชนของเราว่าอะไรผิดปกติบ้าง ทางการก็ได้ชี้แจงแล้วว่า อะไร ของที่ไม่ควรอยู่คนที่ไม่เคยมา คนไทยไม่ใส่หมวก ไม่ใส่แว่น เข้าห้างใส่หมวกไม่ใช่ มันก็ผิดปกติ สะพายเป้มันผิดปกติหมด ฉะนั้นต้องช่วยกันสอดส่องนะครับ” เท่านั้นแหละ เป็นเรื่อง
ชาวเน็ตบางคนก็ว่า อ้าว เราใส่หมวกทุกวันเลย อยู่ๆ ไม่ใช่คนไทยไปเฉยๆ ใส่แว่นก็อีกเนาะ บางทีก็แพ้แสงมั้ย เอาเป็นว่าหลายคนเข้าใจว่าทั่นต้องการให้คนไทยช่วยกันสอดส่องความไม่ปกติในบ้านเมืองและเป็นกำลังใจให้จับคนร้ายได้ไวๆ แต่ที่ไม่เข้าใจ คือ ทำไมจึงบอกว่าการใส่หมวก ใส่แว่นในห้างจึงไม่ใช่คนไทยอะเนอะ
เมื่อเจ้าของร้านประดับยนต์โดนลูกค้าตัวปลอมแฮกบัญชีแบงก์ออนไลน์ สุดท้ายสูญร่วมล้านบาท
ไม่สบายใจกันไปตามๆ กัน เมื่อมีกรณีเจ้าของร้านประดับยนต์ถูกลูกค้าทางเฟซบุ๊กทำมาเป็นซื้อของด้วย 48,000 บาท จึงให้เลขบัญชีธนาคารกสิกรไป ลูกค้าก็บอกว่ากลัวโอนเงินแล้วไม่ได้สินค้า ยืนยันตัวตนหน่อย เจ้าของก็เลยส่งบัตรประชาชนให้แต่ก็ปิดเลข 13 ตัวไว้นะ ลูกค้าก็ลีลาอีก บอกว่าโอนไม่ได้ ต้องสมัคร K-Cyber Banking ของธนาคารกสิกรไทย ก็เลยตัดสินใจสมัคร จากนั้นเฟซบุ๊กดังกล่าวก็หายไปเลย รู้ตัวอีกทีเงินในบัญชีก็หายไป 986,700 บาท เมื่อโทรศัพท์ไปสอบ call center ของธนาคารกสิกรไทย ธนาคารก็แจ้งว่ามีคนโทรมาขอเปลี่ยนรหัส จากการตรวจสอบพบว่า มีการกดเงินไปจำนวน 20 กว่าครั้ง ครั้งละ 50,000 – 60,000 บาท
ต่อมามีคำชี้แจงจากธนาคารว่าได้มีการพูดคุยกับผู้เสียหายแล้ว “สำหรับปัญหาการให้บริการเค-ไซเบอร์ แบงก์กิ้ง ที่เกิดขึ้นในกรณีนี้ ขอยืนยันว่าไม่ได้เป็นการโจรกรรมระบบรักษาความปลอดภัยของธนาคารแต่อย่างใด ในเบื้องต้นทราบว่ามีสาเหตุมาจาก ผู้ทุจริตนำข้อมูลส่วนตัวของลูกค้าของเคไซเบอร์ไปขอออกซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือใหม่ที่ศูนย์บริการเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เพื่อรอรับข้อความเอสเอ็มเอสที่เป็นโอทีพี หรือรหัสผ่านที่ใช้ครั้งเดียว ในการใช้เบิกถอนหรือโอนเงินจนทำให้มีความเสียหายเกิดขึ้น”
ปล่อยตัว ‘ไผ่ ดาวดิน’ ชั่วคราว แต่อ้าว! โดนอายัดตัวไว้อีกคดี
หลังจากที่ ‘ไผ่ ดาวดิน’ หรือ จตุรภัทร บุญภัทรรักษา เดินรณรงค์โหวตโนประชามติและถูกจับที่ตลาดใน จ.ชัยภูมิ ก่อนวันลงประชามติ 1 วัน และถูกนำตัวฝากขังที่เรือนจำอำเภอภูเขียวเมื่อวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยไผ่เองก็ได้อดอาหารประท้วง 10 วันในเรือนจำจนล้มป่วย ฝ่ายกรมราชทัณฑ์ก็ออกมาบอกว่าไผ่อาการปกติดี จนศาลจังหวัดภูเขียวมีคำสั่งให้ปล่อยตัวชั่วคราว แต่ขณะที่กำลังรอปล่อยตัว เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.ขอนแก่น ก็เดินทางมาอายัดตัวคดีชูป้ายค้านรัฐประหารเมื่อปี 2558 เจ้าหน้าที่จึงยังไม่ปล่อยตัว