-
สิบปีหลังเหตุการณ์ใน Prometheus ยาน Covenant ซึ่งบรรทุกมนุษย์นับพันชีวิต และกำลังมุ่งหน้าไปยังดาวเคราะห์ดวงหนึ่งเพื่อตั้งอาณานิคมแห่งใหม่ เกิดชนเข้ากับพายุสุริยะส่งผลให้เกิดความขัดข้องกับยาน บางส่วนถึงกับระเบิด และหลายชีวิตที่กำลังจำศีล (hybernation) ก็เสียชีวิตลงอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่จากอุบัติเหตุอันไม่คาดฝันนี้ Walter (Michael Fasbender) แอนดรอยด์ซึ่งตื่นอยู่ตลอดการเดินทาง ปลุกลูกทีมบางคนขึ้นเพื่อจัดการกับสถานการณ์ และซ่อมแซมยานที่เสียหาย แต่แล้วขณะที่การซ่อมแซมใกล้จะสิ้นสุด และพร้อมจะเดินทางต่อไปยังจุดหมาย จู่ๆ ลูกเรือคนหนึ่งก็จับคลื่นเสียงปริศนาได้ และเมื่อลองนำวิเคราะห์ก็พบว่าเป็นเพลง Take Me Home Country Road ของ John Denver ไปซะอย่างนั้น งุนงง และสับสน ว่าใครส่งมันออกมา
ยิ่งพอลองแกะรอยเส้นทางที่คลื่นเสียงเดินทางมาก็ดันปรากฏดาวปริศนาซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่เพียบพร้อมสำหรับตั้งอาณานิคมมนุษย์ แถมระยะทางก็ยังใกล้กว่าดาวที่เป็นจุดหมายปลายทางอีกด้วย ยาน Convenant จึงได้เบี่ยงเส้นทางไปยังดาวปริศนาดวงนี้ ด้วยความหวังที่ว่าพวกเขาอาจจะได้เจอบ้านแห่งใหม่ ดินแดนที่อาจเป็นสรวงสวรรค์แห่งใหม่ของพวกเขา
- อย่างที่ทั้งตัวอย่างและโปสเตอร์หนังจั่วหัวไว้ว่า Path to Heaven Begins in Hell เส้นทางสู่แดนสวรรค์เริ่มต้นที่นรกภูมิ ลูกเรือยาน Convenant ได้ย่างเท้าเข้าไปสู่ดาวเคราะห์อื่นที่ภาพลักษณ์ภายนอกไม่ได้ต่างอะไรกับโลกที่พวกเขาจากมา หรืออาจเป็นไปได้ว่าจะบริบูรณ์ยิ่งกว่า เพราะมีทั้งผืนป่าเขียวชะอุ่ม ผืนน้ำที่ดูสะอาด แถมอากาศยังบริสุทธิ์ ไร้สารเคมีเจือปน ดาวเคราะห์ปริศนาแห่งนี้คือภาพแทนของยูโทเปียแห่งอดีตที่ยังไม่ถูกวิทยาการหรือเทคโนโลยีใดๆ เจือปน ยังดำรงอยู่ซึ่งทรัพยากรอันมากล้นและเพียงพอสำหรับการเริ่มต้นสร้างโลกใหม่
ไม่ต่างอะไรกับสวนอีเดนของพระเจ้าหรือหากยึดตามบริบทเริ่มต้นของ Alien Covenant ที่เป็นยานอวกาศ ขนส่งชีวิตซึ่งถูกคัดสรรมาแล้วว่าต้องมีคู่ชีวิตมาด้วย การเดินทางกันเป็นคู่บนเรือโดยสารเช่นนี้ ซึ่งจะว่าไปก็สอดคล้องกับตำนานเรือโนอาห์ซึ่งพระเจ้าก็ได้รับสั่งให้โนอาห์นำสิ่งมีชีวิตขึ้นมาเป็นคู่เช่นเดียวกัน หากเรามองกันในมุมนี้ ดาวปริศนาดวงนี้ก็เป็นเช่นแผ่นแดนที่โนอาห์พบหลังจากล่องเรืออยู่เป็นเดือนๆ และบทเพลง Take Me Home Country ของจอห์น เดนเวอร์ ซึ่งมีเนื้อหาพูดถึง West Virginia
ที่บริสุทธิ์ประดุจสรวงสวรรค์ก็เป็นเช่นนกพิราบขาวที่นำพาเรือโนอาห์ หรือยาน Covenant ไปสู่ดาวเคราะห์ดวงนี้ เพียงแต่ว่าดาวที่ควรจะเป็นบ้านหลังใหม่สำหรับลูกเรือ Covenant กลับไม่ใช่แดนสวรรค์อย่างที่พวกเขาคิดว่ามันจะเป็น
นั่นเพราะดาวเคราะห์ที่คล้ายจะรกร้างว่างเปล่ากลับไม่ได้เป็นเช่นนี้มาตั้งแต่แรก ด้วยครั้งหนึ่งมันเคยเป็นแหล่งที่อยู่ของอีกกลุ่มชีวิตหนึ่ง ที่มีลักษณะทางกายภาพคล้ายคลึงกับมนุษย์ และรู้จักกันในนาม Engineer หากทว่าอยู่มาวันหนึ่งเผ่าพันธุ์ของพวกเขาก็ถูกกวาดล้างจนหมดสิ้น ด้วยน้ำมือของ David แอนดรอยด์ที่เคยปรากฏตัวใน Promtheus ซึ่งร่อนลงจากฟ้า และโปรยปรายสารสีดำคล้ายเม็ดฝนลงมาเพื่อกลืนกินชีวิตเหล่านี้จนหมด ดังเช่นพระเจ้าที่สาดซัดห่าฝนเพื่อลงโทษมนุษย์ เพียงแต่หากเปรียบกับเป้าประสงค์ของพระเจ้าในตำนานโนอาห์แล้ว เจตนาที่เดวิดกวาดล้างเผ่าพันธุ์ Engineer จนหมดนั้นไม่ใช่เพราะต้องการจะลงโทษต่อผู้ไม่ศรัทธา
แต่เพื่อที่เขาจะได้สร้างชีวิตใหม่ขึ้นมา สร้างเผ่าพันธุ์ใหม่ขึ้นมาจากการล่มสลายของเผ่าพันธุ์หนึ่ง
- จากฉากแรกของหนังที่เราได้เห็นบทสนทนาระหว่างเดวิดกับ Peter Weyland (Guy Pearce) ชายผู้สร้างเดวิดขึ้นมา ถึงเรื่องของผู้สร้างที่เวย์แลนด์กล่าวว่า เขาไม่เชื่อในเรื่องปฏิกิริยาทางเคมีใดๆ ที่ให้กำเนิดจุลชีวิน จนมันวิวัฒนาการมาเป็นมนุษย์หรอก เขาเชื่อว่ามันต้องมีอีกชีวิตที่สร้างมนุษย์ขึ้นมาและเขาต้องการจะหามันให้พบ ต่างกับเดวิดซึ่งรู้อยู่แต่แรกว่าเขาถูกสร้างจากน้ำมือของมนุษย์ เมื่อเขาเกิดผิดหวังกับตัวผู้ให้กำเนิดเขา เดวิดจึงได้เลือกตั้งตนขึ้นในฐานะผู้สร้างอีกชีวิตหนึ่งขึ้นแทน
การถือกำเนิดขึ้นของ Xenomorph หรือเอเลี่ยนจากการศึกษา และทดลองของเดวิดในทางหนึ่งจึงเท่ากับการประกาศเจตนาเพื่อต่อต้านมนุษย์ซึ่งเป็นผู้สร้างเขาขึ้นมา คือการทิ้งศรัทธาและปฏิเสธว่าเขาถือกำเนิดจากอีกชีวิตที่สับสน อ่อนแอ และอัปลักษณ์ เดวิดจึงลุ่มหลงในผลผลิตที่เขาสร้างขึ้นมาเพราะถือว่าเขาประสบความสำเร็จในการสร้างอีกชีวิตซึ่งแตกต่างไปจากอัตลักษณ์ของผู้สร้างเขาได้แล้ว
นับตั้งแต่ Prometheus ที่ Ridley Scott ได้ตั้งคำถามต่อชีวิต การให้กำเนิด และการสาวคืนไปยังจุดเริ่มต้นของมนุษย์ อาจเรียกได้ว่า แกนหลักของตำนานบทใหม่ของเอเลี่ยนนี้วนเวียนอยู่กับการตั้งคำถามถึงตัวผู้สร้าง สิทธิ และอำนาจในการให้กำเนิดชีวิตอื่น การตะเกียกตะกายสู่หอคอยสูง เพื่อจะกระชากชีวิตซึ่งดำรงอยู่ข้างบนลงมาสู่เบื้องล่าง
-
Alien Covenant ถือเป็นภาคต่อที่รับไม้ต่อจากภาคแรกได้อย่างน่าชื่นชม และผลักพรมแดนของซีรี่ส์ที่มีอายุหลายสิบปีให้ยังคงความสดใหม่ แต่ก็ยังรักษาไว้ซึ่งความคลาสสิกของมันเอง หลายๆ ฉากที่ชวนให้นึกถึง Alien ในภาคแรก เช่นกันกับความสยดสยองต้องชื่นชม ริดลี่ย์ สก็อต ยังคงฉลาดในการนำเสนอความหวาดกลัวและกระอักกระอ่วนได้อย่างชั่วร้าย และทรงพลัง ซึ่งทำให้ Alien Covenant เป็นหนังสยองขวัญ old school ที่ผมเชื่อว่าจะสร้างความอึดอัดอันเย้ายวนใจให้กับแฟนเก่าของซีรีส์นี้และแฟนหน้าใหม่ๆ ได้อย่างแน่นอนครับ