1.
“ทุกคนในนอร์เวย์ต่างหมกมุ่นกับข่าวนี้ พวกเขาคุยถกเป็นประเด็นในอาหารเย็น ที่บาร์ และในห้องครัว ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
วันที่ 31 ตุลาคม ปี 2018 ทอม เฮเกน (Tom Hagen) นักธุรกิจผู้ร่ำรวยติดอันดับเศรษฐีนอร์เวย์ เขาก่อตั้งบริษัทไฟฟ้า มีที่ดินมหาศาล คะเนว่ามีทรัพย์สินกว่า 200 ล้านยูโร ชายชราวัยเฉียด 70 ปี ออกจากบ้านที่ตั้งอยู่ย่านชานเมืองของกรุงออสโล เมืองหลวงนอร์เวย์ เพื่อไปทำงานที่บริษัท เวลา 09.00 น.
นั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้เห็นหน้าแอนน์ เอลิซาเบธ เฮเกน (Anne-Elisabeth Hagen) ภรรยา ที่แต่งงานกันมากว่า 49 ปี
ถึงทุกวันนี้ไม่มีใครรู้ว่าเธออยู่ที่ใด ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
นี่คือคำถาม ซึ่งไม่เพียงแต่ตำรวจเท่านั้นที่อยากรู้ แต่ทั้งสังคมนอร์เวย์ต่างก็ใคร่อยากรู้ความจริงเช่นกัน ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดอะไรขึ้น มันคือคดีที่สั่นสะเทือนดังไปทั้งประเทศ ทุกคนล้วนสงสัย มีทฤษฎีมากมาย แต่ไม่มีใครรู้เลยว่าข้อเท็จจริงในเรื่องนี้เป็นอย่างไร
ได้แต่เพียงหล่นคำถามที่ไม่มีคำตอบว่า เกิดอะไรขึ้นกับคุณนายเฮเกนกันแน่
2.
ทอมเดินทางกลับบ้านตอนตี 1 ครึ่ง ตอนนั้นชายชรารู้สึกได้ว่าที่พักเงียบผิดปกติ เมื่อเปิดในบ้าน ก็ไม่พบคู่ชีวิตที่เพิ่งจะฉลองวันแต่งงานไป ที่พักของทอม อยู่ในย่านเงียบสงบ อาชญากรรมต่ำ เอลิซาเบธ คุณแม่ลูก 3 หญิงที่มีอัธยาศัยดี หายตัวไปอย่างลึกลับ
สามีพบจดหมายเรียกค่าไถ่วางไว้ที่เก้าอี้ตรงโถงทางเดิน ผู้ก่อเหตุขู่ขอเงิน 9 ล้านยูโร เพื่อแลกกับชีวิตภรรยา โดยต้องจ่ายในรูปแบบเงินคริปโต โอนเข้าบัญชีทางดิจิทัลที่มีการติดตั้งโค้ดไว้เท่านั้น พวกเขาไม่รับเงินสด
และหากทอมไม่จ่าย ภรรยาจะต้องถูกฆ่าอย่างแน่นอน
พลันที่อ่านจดหมายจบ เขารีบโทรแจ้งตำรวจทันที
เจ้าหน้าที่เดินทางมาที่บ้านของทอม และลงมือเก็บหลักฐานอย่างละเอียด พวกเขาตกลงกับยอดนักธุรกิจว่า จะยังไม่เผยเรื่องราวต่อสื่อ และจะทำงานอย่างเป็นความลับ เพื่อไม่ให้กลุ่มคนร้ายรู้ว่ามีการแจ้งเจ้าหน้าที่ เพราะพวกมันขู่ว่าหากตำรวจรู้ จะฆ่าปิดปากภรรยาทอม
ทางการส่งนักสืบออกค้นหาตัวผู้ก่อเหตุอย่างลับๆ พวกเขาเก็บหลักฐานแทบทุกชิ้นที่พบในบ้าน คำว่าแทบทุกชิ้น หมายความว่า ตำรวจตรวจค้นบ้านทั้งหลังแทบทุกเซนติเมตร ถึงขนาดสร้างภาพจำลอง 3 มิติ ขณะคนร้ายเข้ามาลักพาตัวเอลิซาเบธไป
สุดท้ายทอมโอนเงิน 1.3 ล้านยูโรเข้าบัญชีดิจิทัล ตามที่คนร้ายแจ้งมา โดยก่อนหน้านั้น เขาขอร้องให้ผู้ก่อเหตุส่งหลักฐานยืนยันว่าเอลิซาเบธยังมีชีวิตอยู่ หากมีหลักฐานยืนยันว่าคนรักยังหายใจอยู่บนโลก ทอมจะโอนเงินที่เหลือไป
อย่างไรก็ดี หลังจากคนร้ายได้เงิน 1.3 ล้านยูโรแล้ว พวกเขาก็เงียบหาย ไม่มีการติดต่อมาอีก ไม่มีการแจ้งว่าเอลิซาเบธยังมีชีวิตอยู่หรือตายจากโลกไปแล้ว พวกเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ที่สำคัญผู้ก่อเหตุไม่เคยบอกเหตุผลในการลงมือก่ออาชญากรรมด้วยซ้ำ
คดีนี้จิ้มไปตรงไหน ก็พบแต่คำถาม เรื่องราวปริศนาทั้งหมด
1 เดือนหลังเกิดเหตุ ตำรวจแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน มันกลายเป็นหัวข้อประเด็นร้อนในสังคมนอร์เวย์ทันที นักข่าว นักวิชาการ คนทั่วไปต่างถกเรื่องนี้อย่างดุดัน ทั้งในโลกออนไลน์ และในสื่อกระแสหลัก วิทยุ โทรทัศน์ ข่าวหนังสือพิมพ์ เหตุการณ์นี้ ถูกเรียกขานจากนิวยอร์ก ไทมส์ว่า คดีที่คนทั้งนอร์เวย์หมกมุ่นกันมาก
ทุกคนต่างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นในวันดังกล่าวกันแน่
นักข่าวอาชญากรรมที่ทำข่าวนี้อย่างเกาะติด เผยว่า แม้ทอมจะเป็นเศรษฐี แต่บ้านเขา ไม่ได้ป้องกันอะไรมาก แค่มีรั้วสูงเท่านั้น ไม่มีการติดวงจรปิด เราสามารถเดินตรงไปเคาะประตูหน้าบ้านได้เลย แม้ถนนทางเข้าบ้านจะแคบนิดเดียว แต่ไม่มีใครเห็นอะไรผิดสังเกต
“ถนนที่เราเดินอยู่ตรงนี้ คือเส้นเดียวกับที่คนร้ายลักพาตัวเมียเขาไป”
นักข่าวพบว่า เอลิซาเบธ น่าจะพบกลุ่มคนร้ายที่ห้องน้ำ ชั้นใต้ดินของบ้าน เพราะมีการพบหน้ากากที่คาดว่าเป็นของผู้ลักพาตัวตกอยู่ตรงนั้น อย่างไรก็ดีนักข่าวกับตำรวจก็ไม่รู้ว่า เกิดอะไรขึ้นต่อจากนั้นกันแน่
“4 ปีผ่านไปหลังเกิดเหตุ พวกเราก็รู้เท่ากับวันแรกที่เกิดเรื่องเลย”
3.
ตำรวจทำคดีนี้อย่างน่าปวดหัว หน้ากากที่ตกแถวห้องน้ำ ก็ไม่อาจยืนยันได้ว่าเป็นของใคร แถมยังดูไม่น่าใช่ของคนร้ายด้วย การลักพาตัวครั้งนี้ ตำรวจมีเพียงจดหมายลักค่าไถ่ กับรอยรองเท้าที่พบในบ้าน คาดว่าจะเป็นเบอร์ 45 ทั้งคู่คือหลักฐานสำคัญเพียงอย่างเดียวที่เชื่อว่าเป็นของผู้ก่อเหตุ
นักสืบสงสัยพฤติกรรมของคนร้ายเอามากๆ พวกเขาลงมือลักพาตัวเอลิซาเบธไปอย่างไร้ร่องรอย ยากจะสืบหา เจ้าหน้าที่พยายามไล่วงจรปิดหารถยนต์ที่ใช้ป้ายทะเบียนปลอม เพราะอาจเป็นรถผู้ลักพาตัว แต่ก็ไม่พบ
โดยระหว่างที่ตำรวจปิดข่าวไม่ให้สื่อรู้นั้น กลุ่มคนร้ายมีการติดต่อกับทอม และเจ้าหน้าที่น้อยลงไปเรื่อยๆ ราวกับไม่อยากได้เงิน จนเมื่อมีการโอนเงินก้อนแรกไป ทางผู้ก่อเหตุก็หยุดติดต่อกันไปดื้อๆ
“ตำรวจไม่พบดีเอ็นเอคนอื่น ณ บ้านเกิดเหตุ เพื่อนบ้านไม่ได้ยินอะไรผิดสังเกต ไม่มีเบาะแสอะไรเลย เกี่ยวกับคดีนี้ มันถือเป็นเรื่องปริศนาอย่างมาก”
ระหว่างนั้น ทางการพบหลักฐานบางอย่างในบ้าน เป็นทะเบียนหย่า ที่เซ็นโดยเอลิซาเบธ นั่นทำให้นักสืบพบความจริงว่า หญิงผู้หายตัวไป กำลังจะทิ้งสามีที่อยู่กันมาเกือบ 50 ปี
ต่อมาตำรวจยังรู้ว่าทอมได้ไปพบผู้เชี่ยวชาญเงินดิจิทัลในฤดูร้อน ปี 2018 ซึ่งเผอิญเป็นช่วงเวลาหลายเดือนก่อนที่ภรรยาจะหายตัวไป
การไปพบดังกล่าว ทำให้กลุ่มคนร้ายสบโอกาสเรียกค่าไถ่เป็นเงินดิจิทัลแทนเงินจริงหรือไม่
เจ้าหน้าที่ไม่ได้คิดแบบนั้นแน่นอน
และแล้วในวันที่ 28 เมษายน ปี 2020 1 ปีครึ่งหลังเอลิซาเบธหายตัวไปอย่างลึกลับ ตำรวจก็จับกุมทอม โดยเชื่อว่าสามีคนนี้คือผู้อยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของภรรยา เขามีส่วนร่วมในการฆาตกรรมเอลิซาเบธแน่นอน
“เจ้าหน้าที่เชื่อว่า ไม่ทอมฆ่าเมียเอง เขาก็ต้องจ้างคนอื่นมาสังหารคนรัก”
แม้ตำรวจจะมีแรงจูงใจที่คาดว่าทอมฆ่าเมียอยู่ชัดแจ้ง เช่นใบหย่า ซึ่งจะทำให้สามีต้องแบ่งเงินมหาศาลแก่คนรัก ดังนั้นเศรษฐีชราจึงวางแผนทุกอย่าง เพื่อกำจัดเมียออกไป
ปัญหาสำคัญคือ ในกระบวนการยุติธรรม ผู้ต้องหาคือผู้บริสุทธิ์จนกว่าศาลจะตัดสิน ดังนั้นตำรวจและอัยการจะต้องโน้มน้าวด้วยหลักฐานชี้ให้เห็นว่า ทอมคือคนร้ายตัวจริง
แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ไม่มีหลักฐานอะไรเลยที่จะเอาผิดทอมได้ นอกจากแรงจูงใจและความเชื่อว่าเขาทำเท่านั้น
“ตอนแรกผมนึกว่า ตำรวจจะมีหลักฐานเด็ดไว้แจ้งข้อหาทอม แต่ปรากฏว่า พวกเขาไม่มีอะไรเลย”
นักสืบไม่อาจหาหลักฐานมัดตัวได้ พวกเขาไม่พบศพคุณนายเฮเกน พวกเขาไม่เจออาวุธสังหาร ทำให้ไม่สามารถระบุได้ว่าหญิงสาวตายอย่างไร และนั่นจะนำไปสู่การแจ้งข้อหาว่าทอมฆ่าเมียไม่ได้ด้วย
เพื่อนสนิทของทอมต่างช็อกกับเรื่องนี้อย่างมาก เพราะทอมดูเหมือนไม่น่าจะเป็นฆาตกรสังหารโหดคนรักได้เลย และเมื่อตำรวจไม่อาจหาหลักฐานชี้ชัดว่าทอมคือฆาตกรสังหารเมียได้ สุดท้ายศาลก็ต้องปล่อยชายคนนี้ไป ปัจจุบันเจ้าหน้าที่ยังยืนยันว่า ทอมคือผู้ต้องสงสัยรายเดียว ในคดีการหายตัวไปของคุณนายเฮเกน
แต่ไม่มีการแจ้งข้อหาเขาแม้แต่ครั้งเดียว แม้จะค้นบ้านอย่างละเอียด ตรวจสอบบัญชีการเงินอย่างไร ก็ไม่พบว่าทอมจะมีพิรุธอะไรได้เลย
ทุกวันนี้ชายชรายังคงอาศัยในบ้านที่เมียหายตัวไปอย่างปริศนา และยังคงไปทำงานอยู่เป็นประจำ
เขายืนยันว่าไม่ใช่คนร้ายในคดีนี้
เหตุการณ์ตรงนี้ ทำเอาสังคมนอร์เวย์แบ่งขั้วกันเป็น 2 ฝ่าย กลุ่มแรกเชื่อว่าทอมคือสุดยอดฆาตกรอัจฉริยะ ที่ลงมือก่อเหตุได้อย่างเหนือชั้น ไร้ร่องรอย ใครก็จับกุมตัวเขาไม่ได้ แต่ก็รู้ว่านี่คือคนฆ่าเมีย
ขณะที่อีกกลุ่มชี้ว่า ทอมคือเหยื่อของกระบวนการยุติธรรม ที่เต็มไปด้วยอคติ เมื่อเมียหาย แล้วทางการหาเบาะแสอื่นไม่ได้ ตำรวจก็คิดว่าผัวทำ นั่นทำให้เขากลายเป็นแพะในสังคมนอร์เวย์ ทั้งที่ตัวเองคือผู้บริสุทธิ์ แถมยังเป็นผู้เสียหายที่ภรรยา ซึ่งแต่งงานกันมากว่า 49 ปี หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
ยิ่งเมื่อไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปไหน เป็นตายร้ายดียังไง ลองคิดถึงหัวอกสามีบ้างว่าจะบอบช้ำเพียงใด เมื่อต้องถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกรสังหารเมีย
ไม่มีคำตอบที่ถูกต้องในเรื่องนี้ แต่หากถามว่าทำไมสังคมนอร์เวย์ถึงหมกมุ่นกับคดีนี้เอามากๆ นั่นก็เพราะว่า คุณนายเฮเกน ก็เหมือนหญิงชราทั่วไปในประเทศที่มีรัฐสวัสดิการดีสุดในโลก มีความปลอดภัยสูง ขณะที่ตัวทอม แม้จะเข้าขั้นอภิมหาเศรษฐี แต่ก็ทำตัวติดดิน ไม่ได้มีพื้นเพครอบครัวร่ำรวย เขาสร้างชีวิตด้วย 2 มือ
“เขาดูเหมือนเศรษฐีที่เราพบตอนไปเล่นสกี ท่าทางใจดี เหมือนคนอย่างเราๆ ที่อยู่ในนอร์เวย์นี่แหละ ดังนั้นใครเลยจะคิดว่าเขาอาจเป็นฆาตกรได้”
4.
ช่วงเวลาก่อนที่ตำรวจจะแถลงข่าวคดีนี้ต่อสื่อ พวกเขาตรวจสอบอีเมลที่คนร้ายส่งมาเรียกค่าไถ่ ก่อนจะพบชื่อชายคนหนึ่ง เจ้าหน้าที่เข้าคุมตัวมาสอบปากคำทันที ทำเอาอีกฝ่ายงงเป็นไก่ตาแตก เพราะไม่รู้ว่าตำรวจพาตัวมาสอบถามเรื่องอะไร แถมตอนนั้นเขาก็เหมือนคนจำนวนมากในนอร์เวย์ที่ยังไม่รู้เรื่องการลักพาตัวนี้ ที่สำคัญเขาไม่เคยใช้อีเมลดังกล่าว หรืออันที่จริงชายหนุ่มไม่เคยสมัครเมลชื่อนี้เลย
ตำรวจสอบถามเรื่องเงินคริปโต ซึ่งเผอิญเจ้าของอีเมลนี้ก็ทำบริษัทลงทุนในโลกออนไลน์ด้วย เจ้าหน้าที่สอบปากคำนานกว่า 7-8 ชั่วโมง ก่อนพบว่าอีกฝ่ายไม่มีความเกี่ยวข้องในเรื่องคดีนี้ จึงปล่อยตัวไป ทำเอาชายหนุ่มงงเข้าไปใหญ่ แต่เมื่อทราบข่าวการลักพาตัวคุณนายเฮเกนจากสื่อ ในอีกหลายอาทิตย์ต่อมา เขาจึงรู้ว่าอัตลักษณ์ในโลกออนไลน์ของตัวเอง ถูกคนร้ายนำไปใช้เป็นบัญชีติดต่อเรื่องการเรียกค่าไถ่ในคดีนี้
จากหลักฐานที่ตำรวจพบ คนร้ายได้ข้อมูลส่วนบุคคล ซึ่งซื้อขายในโลกออนไลน์ เป็นไปได้ว่า เอกสารดังกล่าวมาจากหนังสือเดินทางเจ้าของตัวจริง ที่คงมีการถ่ายเอกสารเก็บไว้ ขณะไปเที่ยวในเอเชียเมื่อหลายปีก่อน แล้วมีการขายต่อในตลาดมืด ก่อนที่กลุ่มคนร้ายจะเลือกใช้ข้อมูลตรงนี้ ไปสร้างอีเมล เพื่อร่วมเหตุอาชญกรรมปริศนา
“มันอาจจะบังเอิญ หรือพวกนี้อาจจะเจาะจงเลือกคนนอร์เวย์ก็เป็นได้”
แผนการลักพาตัวนี้ ดูช่างลุ่มลึก ละเอียดรอบคอบยิ่งขึ้น เป็นได้ว่าผู้ก่อเหตุมีความชำนาญ และเกาะติดทุกรายละเอียด เพื่อไม่ให้พลาดจนถูกทางการจับได้ ที่สำคัญเงินค่าไถ่ก้อนแรกที่ได้รับ ก็เพียงพอต่อการหาความสำราญแล้ว นี่จึงเป็นการก่อเหตุสุดอัจฉริยะในโลกยุคปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครอาจเอื้อมเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณนายเฮเกน มันยังคงเป็นปริศนาถึงปัจจุบัน แต่ตำรวจก็ยังไม่เลิกเกาะติดคดีนี้ พวกเขาเชื่อและหวังว่าด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้ากว่าเดิม ในสักวันของโลกอนาคต เจ้าหน้าที่จะจับกุมผู้ก่อเหตุทั้งหมดได้ และรู้ความจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณนายเฮเกนกันแน่
“พวกเรามุ่งมั่นจะไขคดีให้ได้ ใครที่ก่อเหตุอาชญากรรมนี้ จะต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ทำ”
ความอึมครึมไร้ซึ่งคำตอบของคดีดังกล่าว ทำให้สังคมนอร์เวย์ตั้งคำถามกับตำรวจอย่างมาก พวกเขาไม่เชื่อว่าหน่วยงานแห่งนี้จะไร้ประสิทธิภาพในการไขคดี กลายเป็นเรื่องบอบช้ำแก่ผู้ปฏิบัติงาน ที่ยังคงค้นหาคำตอบจากคำถามมากมายในคดีการหายตัวไปของเอลิซาเบธ ซึ่งปัจจุบัน ก็ไม่รู้จะบอกแก่สังคม และทอม เกี่ยวกับการหายตัวไปของคุณนายเฮเกนว่าอะไรดี
นักสืบที่เกาะติดคดี พูดกับสื่อ เกี่ยวกับปริศนาทั้งหมด และข้อสงสัยในเรื่องนี้ว่า
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน”
อ้างอิงจาก