สัปดาห์ที่ผ่านมา ไทม์ไลน์ในเฟซบุ๊กของผมก็เดือดด้วยการดีเบตอย่างเผ็ดร้อน เพราะประเด็นก็คือเรื่องความเหมาะสมเกี่ยวกับการแชร์รูปซอสพริกของทายาทธุรกิจใหญ่ โดยที่ประเด็นเกิดจากหมอเซเลบแวดวงการเมืองรายหนึ่งแชร์รูปซอสดังกล่าวแล้วแท็กไปหาทายาทรายนั้น ซึ่งก็ขัดใจหลายต่อหลายท่าน เพราะคิดว่า นอกจากจะเป็นขั้วการเมืองตรงข้ามแล้ว เจ้าของซอสยังเคยขู่เนติวิทย์บนเฟซฯ ตัวเอง ไม่ควรสนับสนุน ไม่ควรช่วยโปรโมตแบบนี้
มีกระแสตีกลับจากฟากเดียวกันแต่ต่างสเปกตรัมว่า ก็ไม่เห็นเกี่ยวกัน กลายเป็นแย้งกันไปแย้งกันมาเป็นอาทิตย์ ไปอ่านสรุปได้ในโพสของ The Matter แต่พออ่านความเห็นไปมาแล้ว ก็ได้แต่คิดว่า บ้านเราเคยบอยคอตอะไรกันจริงจังแค่ไหน โดยเฉพาะยุคนี้น่าจะทำได้ลำบากเหลือเกิน ขนาดมีคนร่ำๆ จะบอยคอตร้านสะดวกซื่อดังยังเห็นเงียบๆ ไปแล้ว
พอมองทางญี่ปุ่นก็เป็นประเทศที่ไม่ค่อยได้เห็นการบอยคอตอะไรนักหนา เพราะส่วนใหญ่ จะเป็นฝ่ายถูกบอยคอตซะมากกว่า ก่อนผมเกิดก็มีการต่อต้านภัยเหลือง ต่อต้านสินค้าญี่ปุ่นที่เข้ามาขายในไทย มองว่าญี่ปุ่นจะกลืนชาติ อเมริกาก็เคยทุบแล้วเผารถญี่ปุ่นโชว์มาแล้วในยุคที่เศรษฐกิจญี่ปุ่นรุ่งเรือง ทุกวันนี้ญี่ปุ่นก็ถูกบอยคอตเป็นระยะๆ แล้วแต่ว่าผู้นำชาติที่บอยคอตจะจุดกระแสเมื่อไหร่ ตอนผมเรียนที่ญี่ปุ่นก็มีกระแสแอนตี้สินค้าญี่ปุ่นในเมืองจีนไปทีนึง ออกข่าวทุกวัน กลับมาทำงานแล้วก็เห็นเป็นระยะๆ แอนตี้สินค้าญี่ปุ่นไม่พอ ต่อต้านโรงงานของญี่ปุ่นในประเทศตัวเองด้วย แต่ที่ซวยกว่าคือ มีรายงานว่าโรงงานของเกาหลีในจีนถูกวางเพลิงเพราะเข้าใจว่าเป็นโรงงานของญี่ปุ่น (ซวยฉิบ)
เห็นอย่างนี้แล้ว ก็ได้แต่สงสัยว่า แล้วมีกรณีชาวญี่ปุ่นแอนตี้สินค้าไหม อ่านความเห็นในเน็ต ก็พบว่า ไม่ค่อยมีจริงจังนัก เพราะส่วนใหญ่ญี่ปุ่นเขาก็บริโภคสินค้าในประเทศเป็นหลักอยู่แล้ว เช่นแอนตี้สินค้าเกาหลี ก็ไม่มีผลอะไรนัก เลิกใช้ซัมซุง ก็ใช้ชาร์ป ใช้โซนี่เหมือนเดิม แต่ก็ทำให้นึกถึงกรณีหนึ่งที่เกิดขึ้นไม่นานมานี้ นั่นคือ กรณีต่อต้านสินค้าของ Kao ทั้งๆ ที่เป็นสินค้าของญี่ปุ่นเองด้วยซ้ำ
ปมของเรื่องนี้เกิดขึ้นจากเรื่องของการแอนตี้ต่างชาตินั่นล่ะครับ โดยที่ตั้งแต่ช่วงปี 2000 เป็นต้นมา กระแส K-Wave ของเกาหลี ค่อยๆ เป็นที่นิยมในญี่ปุ่น จนมาพีกเอาช่วงที่ละครเรื่อง Winter Sonata ที่ส่งให้พระเอกดังอย่าง เบ ยองจุน หรือ ท่านยอง กลายเป็นขวัญใจของสาวใหญ่สาวเล็กในญี่ปุ่น รวมถึงแดจังกึม ละครดังที่ฮิตทั่วเอเชียสร้างกระแสตามมา ทำให้หลังจากนั้นก็มีทั้งศิลปิน K-Pop และละครทีวีถาโถมเข้ามาในวงการบันเทิงญี่ปุ่นอย่างหนัก
แน่นอนว่าถึงจะขายดิบขายดี แต่ก็ต้องมีคนที่ไม่พอใจแน่นอน คนกลุ่มที่ว่าคือชาวญี่ปุ่นกลุ่มที่ต่อต้านเกาหลีเพราะเห็นว่าเป็นประเทศคู่แข่งกัน มีความบาดหมางกันมาช้านาน พอเห็นวงการบันเทิงเกาหลีมาบุกญี่ปุ่น ก็ไม่พอใจแน่นอน และเป้าหมายของพวกเขาก็คือสถานีโทรทัศน์ ฟูจิทีวี สถานีดังของญี่ปุ่นที่มีรายการมากมาย
สาเหตุที่สถานีถูกโจมตีเพราะว่า ถูกมองว่าเป็นหัวหอกในการเอาวัฒนธรรมเกาหลีเข้ามาเผยแพร่ในญี่ปุ่น เปิดไปดูตอนกลางวัน ก็เจอละครเกาหลี เปิดดูช่วงไพรม์ไทม์ ก็เจอดาราเกาหลีมาออกรายการวาไรตี้ ทำให้ถูกเพ่งเล็งหนัก และหนักยิ่งขึ้น เมื่อรายการข่าววิจารณ์ผลการแข่งขันสเก็ตน้ำแข็งหญิง ซึ่งญี่ปุ่นมีดาวดังคือ อาซาดะ มะโอะ เป็นขวัญใจประชาชนมายาวนาน แต่ถึงเธอจะได้แชมป์กลับประเทศ แต่นักวิจารณ์กับพูดเหมือนกับว่า ที่เธอชนะเพราะ คิม ยูนะ นักสเก็ตชื่อดังจากเกาหลีพลาดเอง ถ้าเธอไม่พลาด ยังไงก็ชนะแน่นอน ก็เล่นเอาแฟนคลับเดือดกันหมด เพราะช่วงนั้นคือช่วงที่สองคนนี้แข่งกันแย่งแชมป์โลกกันอย่างหนัก แต่กลายเป็นว่า สถานีกลับไปอวยทางเกาหลีแทน
ทำให้ช่วงปี 2010 เป็นต้นมาเริ่มมีการต่อต้านสถานีฟูจิทีวีมากขึ้น ถึงขนาดที่ดาราญี่ปุ่นบางคนก็ออกมาพูดแรงๆ (และกลายเป็นการตัดอนาคตตัวเองไปแทน) แต่การจะต่อต้านสถานีด้วยการไม่ดูทีวี ก็เป็นเรื่องยาก เพราะหลายคนก็ต้องการรับข่าวสารอยู่ดี เลยหันจากการโจมตีตัวสถานี ไปโจมตีที่สปอนเซอร์หลักของสถานี ซึ่งหวยก็มาลงที่ Kao บริษัทผลิตสินค้าโภคภัณฑ์เจ้าใหญ่ของญี่ปุ่น ด้วยเหตุผลที่ว่า กดดันที่สปอนเซอร์นั้นง่ายกว่า แค่ไม่ซื้อสินค้า หันไปซื้อสินค้าของเจ้าอื่นแทน ก็ส่งผลกระทบแล้ว แถมยังเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ที่ใช้ในชีวิตประจำวัน ถ้าทุกคนพร้อมใจกัน ก็ต้องยอดขายลดฮวบแน่ๆ
Kao ก็เป็นสปอนเซอร์ของหลายรายการที่อวยทางเกาหลี แล้วยังเป็นสปอนเซอร์หลักของช่อง ถ้าสปอนเซอร์เจอยอดขายลดลง ก็คงกลัวจนต้องถอนตัวจากสถานี ทำให้สถานีได้รับบทเรียนแน่นอน
ที่สำคัญมากๆ คือ การที่สินค้าของ Kao เลือกใช้ดาราคนดังเกาหลีมาเป็นพรีเซนเตอร์สินค้าหลายต่อหลายชิ้น (และมีข่าวว่าฝ่ายบริหารระดับสูงก็เป็นชาวเกาหลี) ทำให้ชาวญี่ปุ่นไม่พอใจ เป็นที่มาของการแอนตี้สินค้าของ Kao ในช่วงปี 2011 ไป
เสริมอีกนิดนึงว่า มีข่าวในหมู่ชาวญี่ปุ่นอีกว่า Kao เป็นสปอนเซอร์ละครแอนตี้ญี่ปุ่นที่ฉายที่เมืองไทย (!?) ทั้งๆ ที่สินค้าญี่ปุ่นเจ้าอื่นถอนสปอนเซอร์ไปหมดแล้ว แต่ Kao ก็ยังสนับสนุนต่อไป เล่นเอาผมงงว่า เฮ้ย บ้านเรามีละครแอนตี้ญี่ปุ่นด้วยเหรอ ค้นไปมาค่อยพบว่า เขาหมายถึงละครเรื่อง ‘7 ประจัญบาน’ ที่ฉายทางช่อง 3 ช่วงปี 2010 นั่นล่ะครับ มันก็จริงอยู่ที่เป็นเรื่องของกลุ่มคนไทยที่สู้กับทหารญี่ปุ่นช่วงสงครามโลก แต่ เอาฮาขนาดนั้น พี่ยังคิดว่าเป็นเรื่องแอนตี้ญี่ปุ่นได้เหรอ
ก็นั่นน่ะครับ ชาวญี่ปุ่นแอนตี้เกาหลี หลายรายก็พยายามแอนตี้สินค้าของ Kao กันเป็นปีเลย ผลเหรอครับ กลางปี 2012 มีการเปลี่ยนตัวประธานบริษัท Kao กันเลย หลายท่านคงคิดว่าเป็นเพราะการแอนตี้ แต่เอาจริงๆ แล้ว พอไปดูยอดขาย และรายรับของ Kao ในช่วงปี 2011-2012 ก็กลายเป็นว่า ยอดขายและรายรับ มีแต่เพิ่มขึ้นครับ ไม่ได้ลดเลย อ้าว ดูเหมือนจริงๆ แล้วจะไม่มีผลกระทบอะไรเลย เพราะจำนวนคนที่พยายามแอนตี้นั้นน้อยเกินไปนั่นล่ะครับ ถ้าจะทำให้สำเร็จจริงๆ คงต้องเป็นการเคลื่อนไหวระดับประเทศนั่นล่ะ แถมเอาจริงๆ ต่อให้ Kao ขายไม่ได้ ก็ไม่ได้มีผลกระทบกับทางสถานี เพราะว่า สถานีขายเวลาให้กับทางเอเจนซีไปบริหารจัดการ Kao ไม่เวิร์ก เอเจนซีก็หารายใหม่เข้ามา ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อทางสถานีเท่าไหร่หรอกครับ โถ่ว
ความพยายามแอนตี้สินค้าของ Kao เพื่อกระทบชิ่งไปแอนตี้เกาหลี สุดท้ายก็ไม่เกิดผลอะไร แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าไปไล่อ่านตามบอร์ดของชาวญี่ปุ่นฝ่ายขวา ก็จะพบกับรายชื่อสินค้าและบริการต่างๆ ซึ่งเขามองว่าเป็นธุรกิจของเกาหลี และชวนกันแบนสินค้าเหล่านั้น แต่สุดท้ายก็เหมือนน้ำน้อยย่อมแพ้ไฟ สินค้าเหล่านั้นก็ขายดีไม่มีเปลี่ยน ของแบบนี้ มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ล่ะครับ