กลางดึกคืนหนึ่งในเดือนกุมภาพันธ์ ปี ค.ศ.2011 แดน ซอนเดอร์ส (Dan Saunders) บาร์เทนเดอร์ชาวออสเตรเลีย ออกไปดื่มสุราตอนกลางคืนในวาการัตตา เมืองที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของเมืองเมลเบิร์นไป 3 ชั่วโมง เขาพยายามเดินหาตู้เอทีเอ็มเพื่อกดเงินก่อนที่จะเข้าไปในบาร์
เมื่อเขาพบกับตู้เอทีเอ็มแห่งหนึ่ง แดนได้เสียบบัตรเข้าไป และกดสอบถามยอดคงเหลือในบัญชีของเขา หน้าจอตู้เอทีเอ็มแสดงข้อความกลับมาว่า “ตอนนี้ไม่สามารถตรวจสอบยอดเงินคงเหลือได้”
แดนจึงทำการโอนเงิน 200 ดอลลาร์จากบัญชีเครดิตของเขาไปยังบัญชีออมทรัพย์ของตนเองเพื่อที่จะกดเงินสดออกมา แต่หลังจากทำรายการเสร็จ ตู้เอทีเอ็มกลับบอกว่า “ธุรกรรมถูกยกเลิก” พร้อมกับคายบัตรของเขาออกมาจากตู้
ในเวลานั้นแดนรู้สึกแปลกใจมาก เขาจึงตัดสินใจลองเสียบบัตรเข้าตู้อีกครั้ง และกดเอาเงิน 200 ดอลลาร์ออกจากบัญชีออมทรัพย์ของเขาเพื่อลองดูว่าเงินเข้าบัญชีของเขาหรือยัง ปรากฏว่าเงินออกมาจากตู้ 200 ดอลลาร์ แดนไม่ได้คิดอะไร เขาคิดว่าเงินโอนจากบัญชีเครดิตสำเร็จและเดินไปที่บาร์เพื่อดื่ม
หลังจากเมามายไปหลายชั่วโมง แดนออกมาจากบาร์เพื่อกลับบ้าน เขาเดินโซซัดโซเซไปตามทางเดิน และพบกับตู้เอทีเอ็มเครื่องเดิมอีกครั้ง แดนเริ่มใช้สติที่เหลือครุ่นคิดว่าเรื่องการกดเงินครั้งนั้นมันค่อนข้างดูแปลกไปกว่าปกติ ไม่รู้ว่าด้วยสาเหตุใด เขาจึงใส่บัตรเข้าไปและเริ่มทำแบบตอนแรกอีกครั้ง แดนโอนเงินอีก 200 ดอลลาร์ เข้าบัญชีออมทรัพย์ เอทีเอ็มบอกว่า “ธุรกรรมถูกยกเลิก” พร้อมกับคายบัตรของเขาออกมาจากตู้อีกครั้ง แดนเสียบบัตรเข้าไปใหม่พร้อมกับกดถอนเงิน 200 ดอลลาร์ เงินไหลออกมาจากตู้ แดนทำมันอีกครั้ง คราวนี้เขาเพิ่มจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ เป็น 500 และ 600 ดอลลาร์ เงินออกมาอีกครั้ง แดนเริ่มสงสัย เขาคิดว่ามันคงการผสมผสานระหว่างความมึนและความเมา แดนผลักบัตรเข้าไปในตู้เอทีเอ็มและลองกดอีกครั้งแล้วครั้งเล่า
เช้าวันรุ่งขึ้น แดนตื่นพร้อมอาการเวียนหัว เขาครุ่นคิดถึงเรื่องเมื่อคืน มันต้องเป็นเรื่องฝันไปแน่ๆ แดนเดินไปหยิบดูเงินในกระเป๋าสตางค์ พร้อมกับโทรไปสอบถามยอดคงเหลือในบัญชี แดนพบว่าเขามีหนี้บัญชีเครดิตอยู่ 2,000 ดอลลาร์ ซึ่งมันมีหนี้น้อยกว่าเงินที่เขามีในกระเป๋าสตางค์ตอนนี้ แดนเอะใจเรื่องนี้ เขาจึงเริ่มค้นหาข้อมูล จนได้ไอเดียรวยทางลัดขึ้นมา
แดนเริ่มชัดแจ้ง แสดงว่าในช่วงเวลาตีหนึ่งถึงตีสามที่ระบบเอทีเอ็มออฟไลน์ไม่ได้เชื่อมกับอินเตอร์เน็ต เขาจะสามารถโอนเงินเครดิตเข้าบัญชีออมทรัพย์ และมันก็เข้าบัญชีออมทรัพย์โดยที่ระบบยังไม่หักเงินเครดิตจริงๆ ออกไป จุดข้อบกพร่องของระบบการเงินนี้ทำให้แดนมองเห็นช่องทาง ‘สร้างเงิน’ ขึ้นมา
วันถัดมาแดนเริ่มทดสอบ เขาลองโอนเวลาออฟไลน์ โดยนำบัญชีเครดิตไปโปะยอดที่คาไว้เมื่อวันที่แล้วเป็นจำนวน 4,000 ดอลลาร์ แล้วมันก็ได้ผล เงินของแดนเพิ่มขึ้นโดยที่ไม่มีการหักหนี้ใดๆ ในช่วงเวลาตีหนึ่งถึงตีสาม มันคือสูตรโกงชีวิตที่จะทำให้เขารวยได้ด้วยเงินที่ไม่รู้ว่าเป็นของใคร แดนตะโกนด้วยความดีใจอย่างบ้าคลั่ง นำเงินจำนวน 1,000 ดอลลาร์แรกที่ ‘หา’ ได้ยกให้กับแฟนสาว เดินเข้าในบาร์พร้อมกับเลี้ยงเหล้าคนในร้านทั้งหมด
ชายหนุ่มวัย 29 ปี ค้นพบช่องโหว่นี้ และเพิ่มจำนวนเงินมากขึ้นไปเรื่อยๆ อย่างหยุดไม่อยู่ แดนรู้สึกเสพติดการกดเงินนี้มาก เขาบอกว่าดีใจเหมือนมนุษย์ถ้ำที่เพิ่งค้นพบไฟ ชีวิตของเขาเปลี่ยนไป แดนกลายเป็นเศรษฐี ใช้ชีวิตอย่างหรูหรา เช่าเครื่องบินส่วนตัว พาเพื่อนขึ้นเครื่องบินไปปาร์ตี้อย่างราชา รวมทั้งจ่ายค่าเล่าเรียนให้เพื่อนสนิททั้งหมด
เมื่อเพื่อนเริ่มสงสัยว่าเงินพวกนี้แดนหามาได้จากไหม เขาจึงเริ่มเล่าเรื่องราวกลโกงเอทีเอ็มนี้ให้เพื่อนของเขาฟัง เพื่อนบางคนเห็นด้วย แต่เพื่อนบางคนก็บอกแดนว่า “เธอไม่ควรทำแบบนี้ ฉันขอไม่รับส่วนหนึ่งส่วนใดของเงินสกปรกเหล่านี้”
แดนไม่ได้บอกเรื่องราวนี้กับครอบครัว เขากลัวว่าพวกเขาจะสั่งให้แดนคืนเงินทั้งหมดพร้อมแจ้งความแก่ตำรวจ แดนจึงโกหกว่าเขาร่ำรวยจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์
ความบ้าคลั่งเงินมหาศาลทำให้แดนไล่ทำตามสิ่งที่เคยอยู่ในความฝันมาตลอดชีวิต เขาเที่ยวอย่างบ้าคลั่ง ปาร์ตี้อย่างบ้าคลั่ง บริจาคอย่างบ้าคลั่ง และช่วยสานฝันให้คนอื่นอย่างบ้าคลั่ง
เวลาราวสี่เดือนครึ่งตั้งแต่แดนกดเงิน แดนใช้เงินไปราว 1.6 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย หรือราว 39.3 ล้านบาทไทย โดยที่ธนาคารไม่ได้รู้ถึงเรื่องผิดปกตินี้แต่อย่างใด แดนที่เคยหลงระเริงมีความสุขกับเงินจำนวนมาก กลับเริ่มรู้สึกผิด คืนหนึ่งเขาฝันร้ายว่าหน่วย SWAT ได้บุกออกเข้ามาในโรงแรมที่เขาพักอยู่ และรุมทำร้ายเขา แดนขึ้นตื่นมาพร้อมเหงื่อท่วมกาย ในวินาทีนั้นเขาจึงรู้ว่าต้องทำอะไรบางอย่างที่ถูกต้อง
“หากในชีวิตนี้คุณได้ทำสิ่งที่ ‘ถูกต้อง’ มาโดยตลอด เมื่อคุณเริ่มทำสิ่งที่ ‘ผิด’ ร่างกายและจิตใจของคุณจะเริ่มแปลกประหลาดไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป” แดนกล่าว
แดนเริ่มมีอาการวิตกกังวล เขาตกใจทุกครั้งที่มีเสียงโทรศัพท์ดัง เริ่มนอนไม่หลับ และวิตกกังวลไปกับทุกอย่าง ไม่นานนักเขาก็ถามคำถามกับตัวเองว่า “คุณเป็นใคร? ชีวิตนี้คุณยืนหยัดให้กับเรื่องอะไร? ถึงแม้แดนจะมองว่าในจุดที่เขาอยู่มันจะถอยหลังกลับไปไม่ได้แล้ว แต่สุดท้ายแล้วไม่มีที่อะไรสายเกินไปสำหรับสิ่งที่ถูกต้อง แม้ว่าแดนจะวางแผนไว้แล้วว่าเขาสามารถหอบเงินไปประเทศไหนได้แล้วแล้วสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสบายทั้งชีวิต แต่แดนก็กลับไม่ทำมัน แดนเลือกทำสิ่งที่ถูกต้อง
ในเดือนมิถุนายน ค.ศ.2011 แดนหยุดโอนเงินและเดินไปยังธนาคารเพื่อเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เขาทำ เจ้าหน้าที่ธนาคารบอกกับแดนหลังจากฟังเรื่องราวทั้งหมดจบลงว่า “เรื่องราวนี้จะเป็นเรื่องของตำรวจ เราไม่สามารถคุยกับคุณได้ ผมจะให้ตำรวจติดต่อคุณ ตอนนี้คุณกำลังพบปัญหาครั้งใหญ่มากทีเดียว ขอให้รอโทรศัพท์จากตำรวจ”
แดนฟังจบก็นำถุงซักรีดของโรงแรมฮิลตันขึ้นมาบนเคาน์เตอร์ธนาคารพร้อมเปิดสิ่งของที่อยู่ในถุงให้ดู “ในนี้มีทั้งหมด 80,000 ดอลลาร์ นี่คือทั้งหมดที่เหลือที่ผมมี คุณพอจะรับมันไปเลยได้ไหม?” แดนถามเจ้าหน้าที่ธนาคาร เขารับมันไปและรับปากแดนอีกครั้งหนึ่งว่าตำรวจจะติดต่อกลับไป
เป็นเวลาสองปีหลังจากแดนเข้าไปพบเจ้าหน้าที่ธนาคาร ไม่มีใครติดต่อแดนมา เรื่องราวความผิดติดอยู่ในใจของเขา แดนไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้อย่างปกติ มีความสงสัยและคำถามมากมายอยู่ในหัวเขา ทำไมพวกเขาไม่ทำอะไรเลย? ทำไมเงินขนาดนี้ถึงไม่มีใครดำเนินการใดๆ? แดนเริ่มเป็นโรควิตกกังวลจนต้องเข้าพบจิตแพทย์ เขากังวลจนไม่กล้าเข้าไปมอบตัวกับตำรวจ จิตแพทย์แนะนำให้เขาไปพบกับสื่อแทนหากกังวลมากเกินกว่าจะเข้าพบตำรวจ
แดนไปยังเดอะเฮรัลด์ซัน (The Herald Sun) หนังสือพิมพ์รายวันที่มียอดจำหน่ายสูงสุดในออสเตรเลีย และเล่าเรื่องราวนี้ทั้งหมดให้พวกเขาฟัง จากนั้นเขาก็ไปยังสื่ออื่นๆ อีกหลายแห่ง แดนเริ่มถูกนำตัวไปออกรายการโทรทัศน์ จนดังไปทั่วประเทศ และสุดท้ายถูกตำรวจจับกุมตัวในเวลาต่อมา
แดนสารภาพทุกอย่างแก่ตำรวจ ในทีแรกนั้นเขาคิดว่าจะต้องถูกข้อหาร้ายแรงจนต้องติดคุกตลอดชีวิตอย่างแน่นอน แต่ปรากฏว่าศาลนั้นเพ่งเล็งไปที่ข้อผิดพลาดของธนาคารมากกว่าความผิดที่แดนทำ และไม่รู้ด้วยสาเหตุใด ธนาคารก็กลับไม่ได้ให้หลักฐานอะไรมากนักแก่ศาลเพื่อเอาผิดแดน
สุดท้ายแล้วแดนถูกตัดสินจำคุกเพียง 1 ปี และทำงานบริการชุมชนต่ออีก 18 เดือน เขาไม่ถูกให้ชดใช้ค่าเสียหาย หลังจากออกจากเรือนจำ เขากลับไปทำงานเป็นบาร์เทนเดอร์รายได้ 22 เหรียญต่อชั่วโมงดังเดิมเหมือนเรื่องราวที่ผ่านมาเป็นเพียงแค่ความฝัน แดนกลายเป็นคนมีชื่อเสียง เขาออกรายการหลายแห่งในออสเตรเลีย เรื่องราวของเขาถูกซื้อไปสร้างเป็นภาพยนตร์
ทุกครั้งที่แดนเล่าเรื่องราวเหล่านี้เขามักจะพูดเสมอว่าสิ่งที่เขาทำนั้นคือความผิด แต่ถ้าหากเราเริ่มรู้ว่าเราทำความผิดแล้วนั้น ไม่มีช่วงเวลาไหนสายเกินไปที่จะตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง
แหล่งข้อมูล :
Illustration by Manita Boonyong