1.
“มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่คุณจะขึ้นโรงพัก ไปแจ้งความ แล้วบอกว่าโดนตำรวจข่มขืน”
วันที่ 3 มีนาคม 2021 โควิดกำลังระบาดไปทั่วโลก เช่นเดียวกับกรุงลอนดอน อังกฤษ ช่วง 3 ทุ่มคืนนั้น ซาราห์ เอเวอร์ราร์ด (Sarah Everard) วัย 33 ปี ผู้จัดการฝ่ายการตลาดบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง เดินทางออกจากบ้านเพื่อน เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน ซึ่งอยู่ไม่ไกลนัก
แต่เธอไปไม่ถึงบ้าน และหายตัวไปทันที แฟนหนุ่มได้โทร.ถามเพื่อนซาราห์ ทุกคนยืนยันว่าหญิงสาวออกจากบ้านไปแล้ว เหตุการณ์หลังจากนั้น นำไปสู่การแจ้งความ สังคมกับสื่อต่างนำเสนอข่าวอย่างเข้มข้น ทุกคนต่างช่วยกันหาตัวหญิงสาวรายนี้
ตำรวจนครบาลลอนดอน เมืองที่กล้องวงจรปิดติดตั้งอยู่มากมาย ราวกับตาสับปะรด เร่งตรวจสอบ พวกเขาพบว่าซาราห์ถูกพาตัวขึ้นรถตำรวจ แล้วขับออกไป กล้องทำงานจับภาพได้ทุกอย่าง
กินเวลาไม่นาน เจ้าหน้าที่ก็บุกจับกุมเวยน์ คูเซ่นส์ (Wayne Couzens) ตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ หลังพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของซาราห์
ทีแรกเวยน์ไม่รับสารภาพ ต่อมาเขาอ้างว่า ถูกแก๊งยุโรปตะวันออกขู่ให้พาตัวซาราห์มาส่งให้ หลังจากนั้นเขาก็ไม่รู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อถูกสอบสวนอย่างเข้มข้น เวยน์ก็รับสารภาพว่าได้ลักพาตัวหญิงสาวขึ้นรถ โดยอ้างว่าเธอฝ่าฝืนมาตรการโควิด ก่อนใส่กุญแจมือ อุ้มขึ้นรถตำรวจ พาไปนอกเมือง พาหญิงสาวขึ้นรถที่เตรียมมาอีกคัน ขับไปที่ลับตา
จากนั้นจึงลงมือข่มขืน แล้วใช้เข็มขัดตำรวจรัดคอ ก่อนเอาร่างไปฝัง จุดไฟเผา ทำลายซากศพอำพราง
เหตุการณ์นี้ทำเอาสังคมตกตะลึง เพราะไม่มีใครคิดว่าผู้พิทักษ์สันติราษฎร์จะกลายเป็นฆาตกรจอมโหดไปได้
ไม่เพียงเท่านั้น เจ้าหน้าที่ยังพบว่าเวยน์วางแผนเช่ารถ เพื่อหาเหยื่อไปฆ่าข่มขืน เมื่อคดีขึ้นสู่ชั้นศาล ลูกขุนพิพากษาว่าเขาผิดจริง ผู้พิพากษาสั่งลงโทษขังชายคนนี้ตลอดชีวิต จนถึงขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานแน่ชัด มีเพียงความสงสัยจากสังคมว่า เวยน์อาจเคยก่อเหตุลักษณะนี้มาแล้ว
แต่ความเลวร้ายยังไม่หมดเพียงแค่นั้น หลังเกิดเหตุซาราห์ สังคมต่างสงสัยและมีเหยื่อหลายคนออกมาเปิดโปงตำรวจนครบาล ว่าพวกเขาคนที่ถือกฎหมายเพื่อปกป้องประชาชน กลับมีพฤติกรรมคุกคามทางเพศผู้หญิงหลายครั้ง
เมื่อจเรตำรวจ ซึ่งมีหน้าที่ตรวจสอบเรื่องร้องเรียนขององค์กร โดยเป็นหน่วยงานอิสระจากกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ตรวจดูข้อมูลทั้งหมด พวกเขาพบว่ามีการร้องเรียนเรื่องการคุกคามทางเพศผู้หญิงโดยตำรวจนครบาลหลายพันกรณี เมื่อตรวจสอบอย่างถี่ถ้วน พวกเขาก็พบชื่อของตำรวจคนหนึ่ง ถูกร้องเรียนเรื่องการข่มขืนมากกว่าใครเพื่อน
กินเวลาไม่นานหลังจากเวยน์ถูกจับ ทางการก็บุกจับกุมตำรวจฉาวอีกราย ที่ชื่อว่า เดวิด คาร์ริค (David Carrick)
เมื่อสอบปากคำอย่างเข้มข้น คาร์ริคก็รับสารภาพว่า ตลอด 21 ปีแห่งเส้นทางผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เขาก่อเหตุข่มขืนผู้หญิงเป็นจำนวนหลายราย
เหตุการณ์นี้กลายเป็นเรื่องอื้อฉาวของวงการตำรวจนครบาลอีกครั้ง ถึงขนาดผู้บังคับบัญชาระดับสูงที่เป็นผู้หญิงต้องลาออกในเวลาต่อมา เพราะพวกเขาไม่เพียงมีฆาตกรฆ่าข่มขืนอยู่ในหน่วยงานเท่านั้น แต่ยังมีนักข่มขืนอีกรายด้วย
เมื่อสังคมทราบข่าวจึงมีการโจมตีวิพากษ์วิจารณ์ตำรวจนครบาลอย่างหนัก ชนิดที่ว่าคำขอโทษไม่เพียงพอให้สังคมหายโกรธได้
หลังจากเวยน์ถูกตัดสินจำคุก ในวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2023 ศาลได้สั่งจำคุก คาร์ริค ฐานก่อเหตุข่มขืนผู้หญิงกว่า 12 ราย
จากการตรวจสอบประวัติพวกเขาพบว่าเดวิดและเวยน์ เคยอยู่หน่วยปฏิบัติการพิเศษเหมือนกัน คนในองค์กรต่างรู้ดีว่าทั้ง 2 มีพฤติกรรมแบบไหน แต่ล้มเหลวที่จะร้องเรียน ยับยั้งหรือจัดการ
มันจึงกลายเป็นปรากฏการณ์สยอง ที่เรียกว่า
ปีศาจในเครื่องแบบ
2.
เดวิด คาร์ริค เกิดในครอบครัวที่ร้าวฉาน แม่หย่าร้างกับพ่อ และแต่งงานใหม่ พ่อเลี้ยงติดเหล้าและชอบตีทำร้ายเดวิดอยู่เป็นประจำ มันอาจเป็นปมอะไรบางอย่างในใจเขา แต่แม่ของเดวิดบอกว่า ลูกเธอดูปกติ และเป็นเด็กดี ขณะนั้นเดวิดหลงใหลในศิลปะการต่อสู้ เล่นสเก็ตบอร์ด และเขาเป็นคนดังขณะเป็นนักเรียน มีแฟนสาวมากมาย
เมื่ออายุได้ 16 ปี เดวิดก็เลือกเส้นทางของตัวเอง เขาออกจากบ้านพ่อแม่ และหางานทำที่สหกรณ์ เมื่ออายุถึงเกณฑ์ ก็ตัดสินไปสมัครเป็นทหาร พอถูกปลดออกมา ก็มุ่งหน้าไปสมัครเป็นตำรวจนครบาลของอังกฤษทันที
ในปี 2000 ตำรวจนครบาลได้รับคำเตือนครั้งแรกในพฤติกรรมของปีศาจรายนี้ เมื่อแฟนเก่าของเขาแจ้งว่า ถูกเดวิดย่องเบาเข้าไปลักของในบ้าน อย่างไรก็ดีมันไม่ได้สานต่อเป็นคดี เมื่อเดวิดตัดสินใจคืนทรัพย์สินของคนรักเก่าไป เหตุการณ์นี้เกิดก่อนที่เดวิดจะสมัครเป็นตำรวจด้วยซ้ำ แต่ไม่มีใครเอะใจสอบสวน ตรวจสอบ และยังพิจารณาให้ชายคนนี้ทำงานเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ได้อีกด้วย
หลังจากนั้น เดวิดก็ได้เริ่มงานเป็นสายตรวจนครบาล ก่อนถูกดึงไปอยู่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ เคยถูกส่งไปดูแลนักการทูต รัฐสภา และเขามักจะโม้กับคนอื่นว่า ได้ดูแลอารักขานายกรัฐมนตรี ซึ่งไม่เป็นความจริง จากนั้นเดวิดก็กลับมาทำงานในตำรวจนครบาล
เพื่อนร่วมงานตั้งฉายาเดวิดไว้ว่า “ไอ้เดฟ ลูกไม่มีพ่อ” คาดกันว่าฉายานี้เกิดขึ้น เพราะเพื่อนทุกคนไม่มีใครชอบเขา แต่ไม่มีใครอยากจะพูดหรือตีแผ่เรื่องเหล่านี้ให้ออกไปสู่วงกว้าง ได้แต่คุยกันเงียบๆ ในวงการตำรวจเท่านั้น
หลังตำรวจจับกุมตัวเดวิด เหยื่อที่เคยถูกเขาย่ำยีเป็นจำนวนมาก ก็รวบรวมความกล้าออกมาเปิดโปงชายคนนี้ทันที จนทำให้มีหลักฐานหนักแน่นเพียงพอเอาผิดปีศาจรายนี้ได้
ความเลวร้ายของเดวิด ไปไกลกว่าตัวเวยน์ เพราะจากข้อมูลของเหยื่อ ถือว่าชายคนนี้เป็นจอมข่มขืนในคราบตำรวจที่มีสถิติสุดเลวร้ายอย่างมาก หลังจากทำหน้าที่มากว่า 21 ปี ความจริงสุดโหดเหี้ยมก็ปรากฏให้ทั้งโลกได้เห็นเสียที
3.
ในปี 2002 ขณะที่เดวิดเป็นตำรวจแล้ว เขาได้รับการร้องเรียนจากเพื่อนร่วมงานผู้หญิงที่เผยว่า ถูกเขาเชิญไปห้อง แม้จะมีเซ็กส์กันอย่างเต็มใจ แต่เธอกลับถูกข่มขืนทางทวารหนัก และถูกทำร้ายร่างกายหลายครั้ง จึงร้องเรียนหน่วยงาน แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทุกอย่างเงียบไป เหมือนเรื่องราวสุดอื้อฉาวนี้ไม่เคยปรากฏในโลกนี้มาก่อน
หลังจากตำรวจนครบาลล้มเหลวที่จะจัดการชายคนนี้ มันก็ยิ่งทำให้ปีศาจลิงโลด เดวิดถูกร้องเรียนว่ามีพฤติกรรมหยาบคายต่อผู้หญิง หลายครั้งเขาจะไปนั่งในบาร์ แล้วโชว์ตราตำรวจเพื่ออวดสาวและเบ่งอำนาจ
เหยื่อของเดวิดรายหนึ่งเคยถูกขู่โดยมีปืนจ่อหัวว่า
“กูเป็นตำรวจ กูคือกฎหมาย เอ็งจะทำอะไรได้วะ”
ภาพลักษณ์ของชายคนนี้ คือบุรุษร่างบึกบึน มีเสน่ห์เพียงพอจะดึงดูดหญิงสาว เมื่อพามาที่ห้อง เดวิดก็จะทำร้ายร่างกาย ข่มขืนเหยื่อหลายครั้ง หลายคราเอาปืนจ่อ ขู่ฆ่า ข่มให้กลัว หลายครั้งถ่ายภาพเปลือยของเหยื่อไว้แบล็กเมล์ และมีบางทีก็จับหญิงสาวไปขังในห้องใต้บันได
พฤติกรรมของเขาเป็นเรื่องสุดตื่นตะลึงอย่างยิ่ง แต่ไม่มีใครคิดจะจัดการเขาอย่างจริงจัง
ผู้หญิงที่ถูกเดวิดย่ำยี บอกว่าพวกเธอเคยขึ้นไปโรงพักแจ้งความ แต่มันเป็นเรื่องที่ลำบากมากๆ ถ้าจะบอกว่าเธอถูกข่มขืนโดยผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ เจ้าหน้าที่จะมองหน้าเธอ และทำสีหน้าไม่เชื่อ ปล่อยให้นั่งรอเงียบๆ เป็นเวลานาน โดยไม่มีใครมาสอบปากคำ นั่นทำให้เหยื่อหลายคนตัดสินใจกล้ำกลืนฝืนทน ยอมปิดปากเงียบ เพราะพวกเธอสิ้นหวังในกระบวนการยุติธรรมเสียแล้ว
การปกป้องพวกพ้องเดียวกันนี้ มันยิ่งทำให้เดวิดได้ใจ ทำให้เขาได้ก่อเหตุเป็นพฤติกรรมวงจรอุบาทว์อย่างต่อเนื่อง
หาใช่ว่าที่ผ่านมา เดวิดจะไม่เคยโดนจับกุม เหยื่อบางคนก็พยายามร้องเรียนไปที่นครบาล แต่เมื่อมีการจับตัวเดวิดมาสอบ ก็ปรากฏว่าคดีไม่คืบ เหยื่อบางรายอับอายที่จะต้องออกมาให้ข้อมูลต่อหน้าคนอาชีพเดียวกับเดวิด นั่นทำให้พวกเธอถอนฟ้อง หรือคดีก็ถูกดองไว้ จนปีศาจคนนี้ได้กลับมาทำงานเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์เหมือนเดิม
ทางการตรวจพบว่าเดวิด ก่อเหตุไปทั้งหมด 48 คดี ตลอดเส้นทางแห่งอาชีพอันทรงเกียรตินี้
ด้านเจ้าหน้าที่ซึ่งทำการสืบสวนคดีนี้ ได้เผยว่า “ผมเชื่อว่ายังมีเหยื่อของเดวิดอีกเป็นจำนวนมาก ที่เรายังไม่รู้”
4.
เมื่อคดีขึ้นสู่ชั้นศาล อัยการได้นำเหยื่อออกมาเล่าความเลวร้ายของเดวิด ผู้หญิงบางคนบอกว่าการกระทำของชายคนนี้ คือปีศาจ และพวกเธอเหมือนตกเป็นทาส บางคนถึงกับถูกตำรวจคนนี้ฉี่ใส่ ได้รับความบอบช้ำอับอายอย่างมาก
ผู้หญิงบางคนถูกเดวิดใช้อำนาจตำรวจสั่งหยุดเรียกตรวจ และใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสม บางทีก็คุกคามทางเพศ เหตุการณ์นี้ยิ่งสร้างความอื้อฉาวให้กับตำรวจอังกฤษมากขึ้น
เมื่อข้อมูลชัดแจ้ง หลักฐานก็มัดแน่น ทางเดวิดก็รับสารภาพ และขอยอมรับในการกระทำทั้งหมดของตัวเอง ขณะอยู่ในชั้นศาล เขาจ้องมองเหยื่อผู้หญิงที่เขาย่ำยีข่มขืนรังแกล่วงละเมิด ให้การปรักปรำเขา มันกลายเป็นความยุติธรรมอย่างถึงที่สุด ที่แม้จะชดเชยบาดแผลในอดีตไปได้ แต่มันก็พิสูจน์ผ่านชั้นศาลว่า เหยื่อที่ถูกรังแก กลับกลายมาเป็นคนจัดการเอาผิดผู้ก่อเหตุได้อย่างสาสมเจ็บปวด
เดวิดทำได้เพียงนั่งมองในคอกของจำเลยอย่างเงียบๆ เมื่อคำตัดสินปรากฏ เขาไม่ขอความเมตตาจากศาลยุติธรรมแม้แต่คำเดียว
เขายอมรับความจริงที่เกิดจากความป่าเถื่อนของตัวเอง พลันที่คำพิพากษาปรากฏ เดวิดจะติดคุกยาวนานกว่า 32 ปี ถึงจะมีสิทธิ์ขอลดหย่อนโทษได้ อย่างไรก็ดีสังคมอังกฤษ ไม่พอใจแค่คำตัดสินนี้ พวกเขาชี้ให้เห็นว่าตำรวจนครบาล มีช่องโหว่ในการจัดการยับยั้งเรื่องนี้
เพราะในเวลาไม่กี่ปี พวกเขามีตำรวจจอมข่มขืนผู้หญิงอย่างเดวิด และตำรวจที่ฆ่าข่มขืนหญิงสาวอย่างเวยน์ถึง 2 รายด้วยกัน นั่นจึงนำไปสู่การเรียกร้องให้ปฏิรูปหน่วยงานโดยด่วนทันที
เมื่อสังคมช่วยกันกดดัน ตำรวจนครบาลจึงเพิ่มช่องทางพิเศษให้เหยื่อร้องเรียนเมื่อถูกตำรวจล่วงละเมิดทางเพศได้เร็วขึ้น และตรวจสอบเจ้าหน้าที่ผู้ฉ้อฉลทั้งหลาย เป็นการแก้ปัญหาแบบวัวหายล้อมคอก ที่คนก็หวังว่าจะมีประสิทธิภาพ ในการหยุดนักล่าจอมข่มขืนผู้หญิงเหล่านี้
ผลการสอบสวนที่ตำรวจนครบาลทำ พวกเขาพบว่ามีเจ้าหน้าที่กว่า 1,071 นาย เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาล่วงละเมิดทางเพศ แม้จะทำเอาสังคมช็อกกับตัวเลขที่สูงลิ่ว แต่ก็ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการสะสางปัญหาหมักหมมในวงการสีกากี ซึ่งหลายครั้งเจ้าหน้าที่ต่างรู้ดีว่าเพื่อนร่วมงานเลวระยำแค่ไหน แต่พวกเขาเลือกจะไม่พูด เพราะไม่อยากดูเป็นแกะดำ ปากโป้งในหน่วยงาน นั่นทำให้คนอย่างเดวิดก่อเหตุย่ำยีประชาชนได้อย่างยาวนาน
นี่จึงเป็นเหตุให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล สัญญาว่าจะปฏิรูปล้มล้างวัฒนธรรมปิดปากเงียบของเจ้าหน้าที่ เพื่อหวังไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกรณีของเดวิดอีก
บางทีอาจเป็นไปได้ว่าปีศาจในเครื่องแบบ หาได้มีเพียงแค่เวยน์หรือเดวิดเท่านั้น แต่อาจจะมีอีกเป็นจำนวนมาก ที่ยังลอยนวลอยู่ในขณะนี้
5.
หลังคำพิพากษา แม่ของเดวิด ออกมาย้ำว่า เธอยังคงรักลูกอยู่ แต่ก็คงไม่ไปเยี่ยมอีกฝ่ายในคุกแน่นอน เพราะเธอก็ช็อกกับเรื่องนี้ และไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงทำอย่างนั้น
ด้านเหยื่อต่างโล่งอกต่อคำตัดสินและเดวิดต้องติดคุก ขณะนักสืบซึ่งทำคดีนี้ ได้มองโลกในแง่ดีว่า แม้จะใช้เวลานานในการจัดการชายคนนี้ แต่อย่างน้อยทางการก็ทำให้สังคมได้รู้ว่า จะไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายอย่างแน่นอน
แต่เมื่อให้พูดถึงเดวิด นักสืบที่ทำคดีต่างเผยว่า มันช่างรู้สึกสะอิดสะเอียนเป็นอย่างยิ่ง เมื่อตระหนักได้ว่าชายคนนี้ เคยเป็นตำรวจที่ใส่เครื่องแบบเหมือนกันกับพวกเขา
“เดวิด คือความอับอายของวงการตำรวจ”
“และถือเป็นรอยด่างพร้อยในวิชาชีพนี้อย่างแท้จริง”
อ้างอิงจาก