1.
วันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ตำรวจญี่ปุ่นทำการจับกุมซากิ ซูโดะ (Saki Sudo) อายุ 25 ปีหลังพบหลักฐานว่าเธอฆาตกรรมสามีนายโคสุเกะ โนซากิ (Kosuke Nozaki) ซึ่งเสียชีวิตลงด้วยวัย 77 ปี ด้วยการหยอดสารเสพติดลงไปในแก้วให้เขาดื่มจนเกิดอาการเสพยาเกินขนาดตาย
โนซากิเองเป็นนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะเสือผู้หญิง เขาเขียนหนังสือโม้ว่าชีวิตรักของตัวเองผ่านผู้หญิงมาไม่ต่ำกว่า 4 พันคน โดยโนซากิเองแต่งงานกับซูโดะเมื่อ 3 ปีก่อนคือปี ค.ศ.2018 ขณะที่เจ้าสาวอายุเพียง 22 ปี อายุน้อยกว่าเจ้าบ่าว 55 ปี ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาว่า เจ้าสาวแต่งหวังทรัพย์สมบัติแน่นอน แต่โนซากิออกมาปฏิเสธพร้อมย้ำว่า นี่คือการแต่งงานเพราะความรักอย่างแท้จริง
8 เดือนของการแต่งงาน เจ้าบ่าวก็เสียชีวิตลงอย่างปริศนา
2.
โนซากิไม่ใช่เศรษฐีธรรมดาในญี่ปุ่น เขามีบ้านพัก แมนชั่นหรูในโตเกียวหลายแห่ง มีเครื่องบินเจ๊ตส่วนตัว เดินทางเที่ยวรอบโลก เขามาจากครอบครัวที่ยากจน ต้องออกจากโรงเรียนมาหางานทำ เริ่มต้นกับอาชีพเซลล์แมนไปเคาะประตูตามบ้านขายของหลากหลาย ทั้งถุงยางอนามัย เหล้า เศษชิ้นส่วนโลหะ จนเมื่อมีทุนรอน ก็นำไปลงทุนทำธุรกิจในโตเกียว ก่อตั้งบริษัทขายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และขายดูแลอสังหาริมทรัพย์ จนร่ำรวยในเวลาต่อมา
อย่างไรก็ดีตัวโนซากินั้นไม่เป็นที่รู้จักในสังคมญี่ปุ่นมากนัก จนเมื่อเขาตีพิมพ์หนังสือชีวประวัติตัวเองในปี ค.ศ.2016 ชื่อเสียงของเขาก็โด่งดังขึ้นมาทันที เขาบอกเคล็ดลับการทำงานว่า ที่ขยันขันแข็งเรื่องธุรกิจจนร่ำรวยนั้นก็มีไว้เพื่อดึงดูดสาวๆ เท่านั้นเอง
มันเป็นสิ่งเดียวที่เขาปรารถนา
และไม่เคยรู้สึกผิดกับความต้องการนี้ด้วย
ในหนังสือชีวประวัติเล่มแรกนั้น โนซากิบอกเคล็ดลับการจีบสาวแบบใช้เงินฟาดได้อย่างละเอียดว่า ผู้หญิงในสเปกเขาจะต้องตัวสูง ยั่วยวน มีออร่าแบบความงามเปล่งปลั่ง สง่าและมีรูปร่างที่ดูดี พอเขาเห็นผู้หญิงตรงใจแล้วก็จะเดินไปหาแล้วถามว่าไปเที่ยวกันไหม หรือไม่ก็เรามามีอะไรกันไหมครับ
ช่างเป็นประโยคที่สุดพิลึกมาก แต่โนซากิแกไม่ได้ถามปากเปล่า แต่มีการยื่นเงิน 4 แสนเยนถ้าหญิงสาวคนนั้นตอบตกลง ก็จะได้เงินนี้ไปทันที
ชีวิตจริงของโนซากินั้นถือว่าล้มเหลวเรื่องการแต่งงานอย่างมาก เพราะเขาหย่าถึง 2 ครั้ง ไม่มีลูกสืบสกุล เคยโดนผู้หญิงหลอกขโมยทรัพย์สินไปขายถึง 2 ครั้ง ดังนั้นช่วงที่ตีพิมพ์หนังสือ โนซากิจึงเป็นโสด มีเพียงสุนัขที่ชื่อว่า ‘อีฟ’ เป็นเหมือนเพื่อนและลูกข้างกาย ไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ
เมื่อชื่อเสียงของโนซากิถูกกระพือโดยสื่อมวลชน สาวๆ จำนวนหนึ่งต่างหันมามองเศรษฐีชราด้วยความสนใจในทันที แต่กลับเป็นหญิงสาววัยเพียง 22 ปีที่สามารถคว้าหัวใจเขามาครอบครองได้
3.
ตามเรื่องเล่าของโนซากิซึ่งถูกตีพิมพ์เป็นหนังสือชีวประวัติตัวเองเล่ม 2 ที่ออกมาในปี ค.ศ.2018 ปีที่เขาแต่งงานและเสียชีวิต ชายชราบอกว่าเจอกับว่าที่เจ้าสาววัย 21 ปีที่สนามบินโตเกียวตอนฤดูใบไม้ร่วงปี ค.ศ.2017 พลันที่เจอหน้า เขาก็ประทับใจและเรียกความสนใจจากหญิงสาวทันที โดยการแกล้งเป็นลมใส่ให้หญิงสาวแสดงความเป็นคนดีช่วยประคองเขา
หลังจากนั้นบทสนทนาก็เริ่มขึ้น ความสัมพันธ์ก่อเกิด ความรักผลิบานจนนำไปสู่การแต่งงานกันในเดือนกุมภาพันธ์ปี ค.ศ.2018
โดยหนังสือชีวประวัติตัวเองเล่ม 2 โนซากิบอกว่าอยากจะตายตอนมีอะไรกับซูโดะมากที่สุดและหากเขาตายตอนนั้นแล้วไปสวรรค์ เขาจะรู้สึกดีมากๆ เพราะหญิงสาวสุดที่รักบอกว่า “ถ้าป๋าเลือกจะตายแบบนี้ หนูก็จะไปสวรรค์กับป๋าด้วยค่ะ”
อย่างไรก็ดีพยานหลายคนยืนยันว่า
การเจอกันของทั้งคู่นั้นไม่ได้โรแมนติก
เหมือนที่เขียนเล่าไว้ในหนังสือแน่นอน
แต่มาจากการมีพ่อสื่อจัดให้ทั้งสองมาพบกัน โดยโนซากิเสนอว่า จะให้เงินเดือนซูโดะ 10,000 ยูเอสดอลลาร์ มีที่พักอย่างดี หรูหรา นั่นทำให้หญิงสาวยอมตกลงคบหากับเขาทันที
การแต่งงานครั้งนี้ ทำให้มีการขุดคุ้ยเรื่องราวของซูโดะ พวกเขาพบว่า เธอเกิดที่ฮอกไกโด มาจากครอบครัวชนชั้นกลางธรรมดา เพื่อนๆ บอกว่าสมัย ม.ต้น เธอเป็นเด็กขี้อายไม่โดดเด่นชอบอ่านการ์ตูนมังงะเสียมากกว่า ไม่สนใจกีฬาหรือการเรียน
ชีวิตเธอเปลี่ยนไปเมื่อเข้าสู่ ม.ปลาย ซูโดะเริ่มใส่ของแบรนด์เนม โดยเฉพาะพวกของจากแบรนด์ชาแนล ซึ่งแพงเกินกว่าที่นักเรียนญี่ปุ่นจะหาซื้อมาได้ แต่ซูโดะมีอย่างอลังการงานสร้างทีเดียว หลังจบ ม.ปลาย เธอเรียนต่อพวกสถาบันเสริมความงาม โดยทำงานเป็นโสเภณีตอนกลางคืน แถมยังแสดงหนังผู้ใหญ่หรือหนังโป๊ญี่ปุ่นด้วย ในช่วงนั้นเธอหลงรักชายคนหนึ่งที่ทำงานในบาร์โฮส ก่อนจะย้ายตามกันมาโตเกียวเพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีและมีสีสันกว่า
ที่โตเกียว ซูโดะทำงานในบาร์โฮสบริการผู้ชาย และไปเล่นหนังโป๊เสริมรายได้ ตอนที่พบกับโนซากินั้น เธอบอกเขาว่าทำงานเป็นนางแบบ
สำหรับซูโดะนั้น เธอเสพติดการใช้ชีวิตหรูหราบ้าของแบรนด์เนมอย่างมากเกินกว่ารายได้เธอจะหาซื้อของพวกนี้ได้ ดังนั้นโนซากิคือบุคคลที่เธอต้องการพอดี เมื่อเขาเสนอเงินให้ เธอก็พร้อมสนอง ทั้งสองอยู่ด้วยกันได้อย่างสุขสม การแต่งงานครั้งนี้แม้แต่ครอบครัวของซูโดะก็ไม่มีใครรู้มาก่อน โดยเธอแจ้งเพียงว่ามาทำงานช่วยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น
ตัวโนซากินั้นหลงใหลผิวพรรณของซูโดะที่ดูขาว แถมอายุที่น้อยแบบนี้ยิ่งถูกใจมาก เขาเล่าในหนังสือชีวประวัติตัวเองเล่ม 2 ว่า เราตกลงจะมีอะไรกันอย่างน้อยวันละ 3 ครั้ง โดยตัวชายชรายังแข็งแรงดีไม่ต้องพึ่งยาบำรุงให้นกเขาขันด้วย โนซากิยืนยันว่าตัวเองนั้นเตะปี๊ปดังสนั่นได้แบบสบายๆ
ด้านซูโดะเองก็สุขใจ นี่คือชายที่มีทรัพย์สินถึง 45 ล้านดอลลาร์และสามารถพาเธอไปเที่ยวที่ไหนก็ได้รอบโลก ปรนเปรอของแบรนด์เนมได้อย่างเต็มที่
แต่หลังแต่งงานได้ 3 เดือน อีฟสุนัขสุดที่รักของโนซากิก็เสียชีวิตลงอย่างไม่ทราบสาเหตุ ทำเอาโนซากิเสียใจมาก เขาจัดงานศพให้อีฟอย่างอลังการสมฐานะหมาเศรษฐี โดยอีฟมีอาการป่วย แล้วขาดใจตายในอ้อมแขนของโนซากิเอง
ความเสียใจที่โนซากิมีต่ออีฟนั้นท่วมท้นอย่างมาก เขาวางแผนการจัดงานอย่างละเอียดและทุ่มใช้เงิน โดยมีการเชิญพระมาสวดให้วิญญาณอีฟสู่สุขคติอีกด้วย โดยระหว่างการเตรียมการ 18 วันหลังอีฟจากไป ในวันที่ 24 พฤษภาคม ค.ศ.2018 โนซากิก็เสียชีวิตบนเตียงนอน แพทย์พบว่า เขาตายจากการเสพยาเกินขนาด
4.
ตำรวจญี่ปุ่นสนใจการเสียชีวิตของโนซากิขึ้นมาทันที พวกเขาตรวจหาสารพิษในตัวศพ พบว่าเป็นสารเสพติดที่เป็นองค์ประกอบสำคัญในยาบ้าและยาไอซ์ แต่ตัวศพของโนซากิไม่พบร่องรอยการเสพยา รอยฉีด คาดว่ายานั้นน่าจะเข้าไปในตัวผ่านการดื่ม ซึ่งแทบไม่มีนักเล่นยาใช้วิธีการนี้เลย
เมื่อตรวจวงจรปิดในบ้านพักพบว่า คนที่เข้ามาในบ้านก็คือภรรยาสาว และแม่บ้านที่ทำงานกับโนซากิมากว่า 30 ปี นักสืบเช็กประวัติโนซากิ เขาชอบเรื่องเซ็กซ์ แต่ไม่เคยมีประวัติการใช้ยาเสพติด ประเด็นเรื่องฆ่าตัวตายก็ตัดไปเพราะตอนนั้นโนซากิกำลังเสียใจที่อีฟจากไป มุ่งมั่นจะเตรียมจัดงานศพให้สุนัขสุดที่รักอย่างยิ่งใหญ่
ดังนั้นข้อสรุปของเจ้าหน้าที่คือนี่ไม่ใช่การตายแบบธรรมชาติ แต่คือคดีฆาตกรรม ผู้ต้องสงสัยก็ไม่ใช่ใครอื่น นอกจากภรรยาม่ายวัย 22 ปีกับแม่บ้านชรา มีทฤษฎีว่าทั้งสองอาจร่วมมือกันเพื่อหวังฮุบทรัพย์สินโนซากิ โดยทางแม่บ้านเคยพูดกับเพื่อนว่า ทางผู้ตายจะมอบเงินให้หลายสิบล้านเยนหากเขาต้องเสียชีวิตลงก่อน เจ้าหน้าที่คุมตัวแม่บ้านมาสอบปากคำ แต่ก็ปล่อยตัวไป เมื่อไล่เรียงพยานเกิดเหตุ ตำรวจพบว่าซูโดะต่างหากที่ใกล้ชิดผู้ตายมากที่สุด โดยเป็นคนสุดท้ายที่อยู่กับผู้ตายตอนมีชีวิตและเป็นคนแรกที่พบศพ
แถมระหว่างงานศพโนซากิ แขกที่มาร่วมงานต่างขมวดคิ้วกับพฤติกรรมของภรรยาม่ายของโนซากิ เพราะระหว่างพิธีเธอไม่มีร่องรอยน้ำตาแห่งความเสียใจเลย แถมยังนั่งเล่นเกมในมือถือหัวเราะในงานอีกด้วย
แต่เมื่อไม่มีหลักฐานชี้ชัดก็ยากจะตั้งข้อหาได้
อย่างไรก็ดีตำรวจทำงานในคดีนี้อย่างต่อเนื่องไม่ได้ปล่อยทิ้ง พวกเขาสงสัยการตายของอีฟว่า อาจถูกวางยาแบบที่โนซากิโดน จึงพยายามเอาศพสุนัขมาตรวจพิสูจน์หาสารพิษ น่าเสียดายว่ากว่าจะได้ศพมานั้น อีฟถูกฝังนานไปจึงยากจะพิสูจน์หรือตรวจหาสารพิษได้
ระหว่างนั้นสมบัติทุกอย่างของโนซากิได้กลายเป็นของซูโดะในทันที รวมถึงบริษัทด้วย เธอไม่ยุ่งกับงานบริหาร แต่กลับถอนเงินจำนวนมหาศาลของบริษัทเข้ากระเป๋าตัวเองแล้วเดินทางเที่ยวรอบโลก กินอยู่หรูหราโพสต์อินสตาแกรมบ่อยๆ
การสืบสวนของเจ้าหน้าที่อย่างละเอียดถี่ถ้วนกว่า 3 ปีเป็นผล เมื่อพวกเขาพบหลักฐานว่า ตัวซูโดะมีประวัติใช้มือถือติดต่อกับพ่อค้ายา เมื่อเช็กฐานข้อมูลโทรศัพท์ก็พบว่า ซูโดะกับพ่อค้ายาคนนี้อยู่จุดเดียวกัน คาดว่าเป็นการซื้อขายยา แถมเป็นยาตรงกับที่พบในศพของโนซากิ สันนิษฐานว่าเธอเอายาที่ซื้อมาลองกับอีฟก่อน เพื่อดูว่าได้ผลหรือไม่ จากนั้นจึงไปวางยาโนซากิผ่านทางเครื่องดื่มให้เขากิน
ทั้งนี้ตำรวจยังพบว่า เอาเข้าจริงโนซากิมีความคิดจะหย่ากับซูโดะ เนื่องจากไม่พอใจที่เธอไม่ยอมย้ายไปอยู่กับเขาที่ต่างจังหวัด แต่จะอยู่ในแมนชั่นหรูในโตเกียวอีท่าเดียว เจ้าหน้าที่พบเอกสารการหย่าในที่พักของโนซากิ แถมยังพบคราบยาตกในจุดเกิดเหตุและในเครื่องดูดฝุ่น แถมเธอยังโดนบริษัทของโนซากิฟ้องเรื่องถอนเงินไปใช้ส่วนตัวอย่างไม่ถูกตามกฎหมายด้วย
สำหรับตัวซูโดะเองได้วางแผนจะเดินทางออกจากญี่ปุ่นไปดูไบ
แต่เพราะ COVID-19 ทำให้ไปไหนไม่ได้
และในที่สุดตำรวจก็เข้าจับกุมเธอในข้อหาฆาตกรรมสามีตัวเอง โดยเธอนิ่งเงียบไม่ยอมให้การใดใด แก่เจ้าหน้าที่ทั้งสิ้น
คดีนี้กลายเป็นข่าวใหญ่ในญี่ปุ่นอย่างมาก ทั้งช่วงตอนโนซากิตายใหม่ๆ และตอนที่ซูโดะโดนจับ สำหรับทรัพย์สินของโนซากินั้น หากซูโดะถูกตัดสินว่าผิด เธอจะไม่มีสิทธิ์ในทรัพย์สินของอดีตสามีทันที ซึ่งตามประสงค์ของโนซากิ เขาจะมอบทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้กับชุมชนท้องถิ่นที่บ้านเขาตั้งอยู่ ท่ามกลางการคัดค้านของญาติที่แย้งว่า ความประสงค์นี้ของโนซากิอาจทำไปตอนที่สติไม่พร้อมก็เป็นได้ ดังนั้นควรพิจารณาอย่างละเอียด ทางญาติคงอยากจะมีเอี่ยวในทรัพย์สินด้วยแน่ๆ
สำหรับซูโดะนั้น สาเหตุที่เธอลงมือก่อเหตุไม่ได้รับการเปิดเผยจากตำรวจ แต่คาดกันว่า เพราะโนซากิไม่พอใจและอยากหย่ากับเธอ นั่นทำให้เธออาจตกกระป๋อง จะไม่มีเงินใช้ปรนเปรออีกต่อไปหากต้องหย่ากับเขา นั่นจึงเป็นแรงจูงใจอย่างดีในการก่อเหตุฆาตกรรมครั้งนี้ นักรักตัวยงจึงปิดฉากชีวิตเพราะผู้หญิงอย่างเศร้าสร้อย
เมื่อข่าวการจับกุมนี้เกิดขึ้น สื่อได้ไปขุดคำพูดของโนซากิตอนจะแต่งงานที่มาอ่านตอนนี้แล้วก็ดูขมขื่นอย่างมากว่า “ผมขอแสดงความเสียใจกับคนที่เชื่อเป็นจำนวนมากว่าการแต่งงานของผมครั้งนี้จะจบลงที่ความล้มเหลว มั่นใจได้เลยว่าชีวิตของผมจะมีแต่ความสุข”