สัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างที่ผมเสวยสุขอยู่ที่ประเทศอิตาลี ที่ญี่ปุ่นก็มีข่าวเดือดในวงการบันเทิงระดับที่เรียกว่ากลบกระแสข่าวอื่นไปโดยสิ้นเชิง นั่นคือ ข่าวการประกาศแต่งงานควบจบการศึกษาของ Sutou Ririka สมาชิกวง NMB48 กลางงานเลือกตั้งประจำปีของวง 48
แน่นอนครับว่านี่ก็เป็นเรื่องที่ทำเอามวลมหาประชาติ่งทั้งหลายถึงกับอึ้ง และกลบข่าวใหญ่จากงานเดียวกันอีกสองข่าว คือ ‘การคว้าแชมป์แกรนด์สแลมสามปีติดแบบไร้เทียมทานของ Sashihara Rino‘ และ ‘การประกาศจบการศึกษาของสมาชิกหลักของวงมานานอย่าง Watanabe Mayu‘ แล้วยังก่อให้เกิดผลกระทบตามมาทั้งรุ่นพี่ของวงออกมาอัดคลิปจัดหนัก (หนักจนต่อมาต้องออกมาขอโทษเกี่ยวกับวาจาของตัวเอง) และกลายเป็นประเด็นร้อนที่วงการบันเทิงยังขยี้กันไม่หยุด
ซึ่งคำถามสำคัญของประเด็นนี้คือ ในเมื่อกลุ่มไอดอลตระกูล 48 (และ 46) มีเงื่อนไขว่าห้ามมีความรัก แล้วการที่น้องริริป้ง (ชื่อเล่นของ Sutou) ออกมาประกาศจบการศึกษาพร้อมแต่งงานแบบนี้ ก็หมายความว่า ก่อนที่จะถึงวันที่ประกาศน้องก็มีความรักอยู่สิ แล้วมาประกาศหลังจากที่น้องได้รับการโหวตให้ติดอันดับ 20 แม้จะไม่ได้ติดเซ็มบัตซึ หรือทีมตัวจริงที่จะร้องเพลงซิงเกิ้ล แต่อันดับก็สูงพออยู่ทีมอันเดอร์ หรือทีมรองที่จะได้ร้องเพลงควบในซิงเกิ้ล ซึ่งคะแนนโหวตทั้งหลายก็มาจากการลงทุนของเหล่าแฟนๆ ในหลายๆ ทาง มาประกาศแบบนี้ จะเรียกว่าเป็นการหักหลังแฟนๆ ได้หรือไม่ เพราะถ้าประกาศไม่ลงสมัครรับเลือกตั้งแล้วออกมาประกาศจบการศึกษา ก็คงจะดูแฟร์กับแฟนๆ มากกว่า
แต่ของแบบนี้เราก็ยังตัดสินอะไรได้ยากครับ เพราะมั่นใจว่ามีเบื้องลึกที่คนที่ไม่ใช่ฝ่ายบริหารไม่รู้อีกเยอะ
ไอดอลยุคแรก
คำว่า Idol สำหรับวงการบันเทิงญี่ปุ่นมีความหมายต่างออกไปต่างจากชาติอื่นเหมือนกันนะครับ อย่างในอเมริกา พวกนักร้องดาราขวัญใจวัยรุ่นเขาก็เรียก teen idol ธรรมดา ซึ่งก็ไม่ได้มีระเบียบห้ามอะไร ตอน Justin Timberlake คบกับ Britney Spears นี่ยังเป็นข่าวใหญ่ให้แฟนๆ เอาใจช่วยเชียร์กันเลยทีเดียว เอาจริงๆ เขาก็มองแค่ว่าเป็น pop singer มากกว่า
สำหรับญี่ปุ่นแล้ว ไอดอลก็เกิดขึ้นมานานเหมือนกันนะครับ แต่เดิมยุคที่ทีวียังไม่แพร่หลายนัก คนดังส่วนใหญ่ก็จะเป็นดาราภาพยนตร์ซึ่งก็จะถูกเรียกว่า Star เสียมากกว่า จนทีวีเริ่มเป็นสิ่งที่แพร่หลายในสังคมญี่ปุ่นช่วงยุค 70 ก็เริ่มมีการประกวดออดิชั่นหาดารารุ่นใหม่ทางทีวี เช่นรายการ Star Tanjou! หรือรายการ Miss Seventeen Contest จนต่อมาทำให้มีนักร้องสาวๆ หน้าใหม่เกิดขึ้นในวงการมากมาย ตั้งแต่ Sakurada Junko, Yamaguchi Momoe, Koizumi Kyoko หรือ Matsuda Seiko รวมไปถึงวง Candies ยูนิตสามสาวยอดฮิตในตอนนั้น แต่คำว่า Idol ก็ยังไม่แพร่หลายนัก
จนเข้ายุค 80 หรือยุคพีคของไอดอลญี่ปุ่นนี่ล่ะครับ ที่คำว่าไอดอลกลายมาเป็นคำฮิตติดปากของผู้คน
แน่นอนว่าไอดอลส่วนใหญ่จะเป็นที่รู้จักการร้องเพลง แต่จริงๆ แล้วไอดอลหมายถึงตัวตนของคนๆ นั้นเสียมากกว่า คือ ต้องมีคาแรกเตอร์บุคลิกที่น่าสนใจ เป็นที่รักของแฟนๆ ให้ร้องเพลง เล่นละคร คุยเรื่องตลกในรายการก็ได้ อาจจะไม่ต้องเทพด้านไหนเลยก็ได้ แต่ขอให้มีบุคลิกเป็นที่รักของแฟนๆ ให้แฟนๆ คอยตามเอาใจช่วยเชียร์ตลอดเวลาที่ค่อยๆ เติบโตในวงการบันเทิง และที่สำคัญคือทำให้แฟนๆ รู้สึกว่า ‘เหมือนจะเอื้อมถึง แต่ก็เอื้อมไม่ถึง’ ได้ จะว่าไปก็คล้ายๆ กับที่มาของคำว่า Idol ที่หมายถึงรูปเคารพทางศาสนาหรือความเชื่อนะครับ
ยุค 80 ซึ่งเป็นยุครุ่งเรืองก็มีไอดอลเกิดขึ้นมากมายและค่อนข้างต่างจากยุคปัจจุบัน เพราะโดยมากมักจะเป็นไอดอลเดี่ยวซึ่งหลายคนก็ยังอยู่ในวงการมาถึงทุกวันนี้ แต่ก็มีแบบวงเหมือนกันและก็เป็นจุดเริ่มต้นของวง 48 ก็ว่าได้
เพราะวงดังในตอนนั้นคือ Onyanko Club วงไอดอลผลงานโปรดิวซ์ของ Akimoto Yasushi ที่จะมาโปรดิวซ์ AKB48 ในภายหลัง
ซึ่งในยุคนั้น (หรือที่เรียกกันว่าไอดอลยุคโชวะ) ก็มีความพยายามในการสร้าง myth ของไอดอล ให้สมบูรณ์แบบสมกับรากศัพท์จริงๆ ถ้าใครตามวงการบันเทิงของญี่ปุ่นบ้างคงทราบตำนานตอนแยกวง Candies ว่าถึงกับประกาศลาว่า “พวกชั้นขอกลับไปเป็นเด็กผู้หญิงธรรมดาค่ะ” และมีการรักษาอิมเมจตลอด ไม่พูดเรื่องที่จัดว่าเป็นมุกตลกลามก หรือกระทั่งเรื่องสามัญชนอย่างการเข้าห้องน้ำ แต่ไอดอลยุค 70-80 ก็ไม่ได้เข้มงวดถึงขนาดห้่ามมีความรัก เพียงแต่อาจจะคิดถึงแฟนๆ อยู่ แต่ก็มีข่าวเรื่องไอดอลมีแฟนอยู่เรื่อยๆ นะครับ ไม่ว่าจะเป็นกรณีของ Yamaguchi Momoe ที่แต่งงานแล้วก็ออกจากวงการไปเลย Matsuda Seiko ที่ก็แต่งๆ หย่าๆ หรือ Nakomori Akina ที่คบกับไอดอลฝั่งชายอย่างสมาชิก Shonentai ด้วย เรียกได้ว่าไม่ได้เป็นข้อห้าม แต่ก็เป็นธรรมเนียมถือปฏิบัติ
การกลับมาของไอดอล และกฎห้ามมีความรัก
หลังจากที่ยุครุ่งเรืองของไอดอลจบลงพร้อมๆ กับฟองสบู่แตก วงการไอดอลก็เงียบงันไปเป็นเวลานาน นักร้องหญิงรุ่นใหม่ก็พรีเซนต์ตัวเองเป็นนักร้องมากกว่าไอดอล จนมี Morning Musume ที่กลับมาดังในช่วงรอยต่อยุค 90-00 ที่ทำให้เหมือนว่ากระแสไอดอลกลับมา แต่จริงๆ ก็เป็นการฉายเดี่ยวของวงในสังกัด Hello Project เท่านั้น ไม่ได้กลับมาดังแบบกว้างทั้งวงการ จนกระทั่ง Akimoto Yasushi กลับมาปั้นวง AKB48 จนดังระเบิดนั่นล่ะครับ กระแสบูมของไอดอลก็กลับมาอีกครั้ง
พร้อมกับเงื่อนไขที่เลื่องชื่อว่า ‘ห้ามมีความรัก’
ซึ่งเอาจริงๆ ตรงส่วนนี้ก็ชวนงงเหมือนกัน เพราะอ่านบทสัมภาษณ์ของ Akimoto Yasushi เขาก็บอกว่าไม่ได้มีกฎแบบนั้นซะหน่อย เขาไม่เคยพูดสักครั้งเลย แค่บอกว่าถ้าเป็นไอดอลแล้วอยากจะประสบความสำเร็จ ก็คงไม่มีเวลาแบ่งมาให้กับความรักหรอกนะ แล้วก็ตั้งชื่อการแสดงของวงครั้งหนึ่งว่า ‘กฎห้ามมีความรัก’ เท่านั้นเอง และกับรายการอื่นเขาก็บอกว่าไม่เคยบอกสมาชิกวงว่ามีกฎห้ามมีความรักเลยนะ
แต่กลับกัน สมาชิกวงหลายต่อหลายรายกลับบอกว่ามีกฎที่ว่าอยู่จริง ต้องออกจากวงก่อนค่อยมีความรักได้ Shashihara Rino และ Kashiwaki Yuki ก็พูดในรายการทีวีว่ามีหนังสือสัญญาห้ามมีความรักไม่ว่าจะกับเพศตรงข้ามหรือกับเพศเดียวกันจริงอยู่ และที่ผ่านมาหลายกรณีที่สมาชิกวงถูกนิตยสารกอสสิปปล่อยข่าวว่ามีคนรักหรือมีแฟน สมาชิกรายนั้นก็เจอกับผลลัพท์ต่างๆ ทั้งต้องออกจากวงเลย บางคนก็ถูกลดชั้น หรือมีกระทั่งโกนหัวขอโทษ
ฟังดูแล้วถึงโปรดิวเซอร์จะบอกว่าไม่มี แต่ทุกคนก็รู้กันดีว่า อะไรคืออะไร
เมื่อไอดอลมีความรัก
ตรงนี้เป็นความเห็นของผมนะครับว่าทำไมต้องห้ามมีความรัก เพราะว่าที่ผ่านมาไอดอลยุคโชวะมีอิมเมจของเกือบจะเอื้อมถึงแต่ก็เอื้อมไม่ถึง แต่ AKB48 นั้นต่างออกไปเพราะคอนเซ็ปต์คือ ‘ไอดอลที่คุณไปพบได้’ ดังนั้นคุณสามารถเข้าใกล้พวกเธอได้ไม่ว่าจะเป็นการไปดูการแสดงที่เธียเตอร์ หรือการซื้อแผ่นเพื่อเอาบัตรแนบไปจับมือหรือไปถ่ายรูปคู่ ทำให้ความใกล้ชิดกับแฟนมีมากกว่าเดิม และทำให้แฟนต้องทุ่มมากกว่าเดิม
แน่นอนว่า ถ้าเรารู้ว่าใครมีแฟนอยู่แล้ว ไอ้ความอยากทุ่มนี่ก็คงลดลง จึงต้องพยายามรักษาภาพลักษณ์เพื่อขายแฟนตาซีให้กับแฟนคลับได้ต่อไป
การประกาศแต่งงานของริริป้ง พร้อมทั้งให้สัมภาษณ์ต่อมาว่าคบกับว่าที่สามีมาได้ระยะหนึ่งแล้ว แสดงว่า ระหว่างที่ทำหน้าที่ในฐานะสมาชิกวง NMB48 อยู่ก็มีความรักไปด้วย ซึ่งก็ถือว่าผิดระเบียบของวง แต่ปัญหาก็คือ ตกลงว่ามีสัญญาดังกล่าวหรือไม่ ถ้าไม่มีอย่างที่โปรดิวเซอร์บอก ก็ถือว่าเป็นการทำผิด มารยาท ไม่ได้ผิดสัญญา แต่ถ้ามีก็ถือว่าผิดสัญญาด้วย อันนี้ก็ต้องว่ากันไปตามกฎหมายอีกที
แต่เอาจริงๆ ผมก็ไม่รู้ว่าการที่น้องเขากล้าออกมาพูดในเวทีใหญ่แบบนี้ เป็นเพราะว่าไม่ได้คิดอะไรมาก หรือจริงๆ แล้วได้ปรึกษากับฝ่ายบริหารมาก่อนแล้วหรือไม่ (เพราะเธอเองก็กำลังจะถูกนิตยสารบุนชุนแฉเรื่องความรักอยู่มะรอมมะร่ออยู่แล้ว) เพราะข้อมูลในตอนนี้ยังไม่เพียงพอที่จะสรุปอะไรได้ครับ คงต้องรอแถลงจากฝ่ายบริหารอีกที
ในแง่ของแฟนเพลงแล้ว หลายคนคงผิดหวังแน่นอน เพราะการลงคะแนนให้กับไอดอลที่ชอบในการเลือกตั้งแต่ละครั้งก็มีทุนที่ต้องใช้ครับ จะโหวตเสียงนึงก็ต้องลงทุนไม่ว่าการเป็นสมาชิกรับเมลจากสมาชิกวง หรือซื้อแผ่นซีดีเพื่อเอาบัตรมาโหวต คนที่รักมากก็ทุ่มมากเพื่อให้ไอดอลที่ตัวเองชอบได้อันดับสูงๆ การที่เธอลงรับเลือกตั้งให้แฟนๆ ทุ่มทุนให้เธอจนติดอันดับแล้วมาประกาศแต่งงานแบบนี้ สำหรับแฟนๆ ก็คงรู้สึกเหมือนถูกหักหลัง ตรงนี้ก็คงต้องคอยดูต่อไปว่าจะคลี่ลคลายออกมาในทางไหน เห็นเจ้าตัวบอกว่าจะอยู่ในวงการบันเทิงต่อ ก็ไม่แน่ว่าการเปิดตัวจนเป็นข่าวใหญ่แบบนี้อาจจะเป็นผลดีกับเธอได้ถ้าโหนกระแสเป็น เพราะไม่ว่าอย่างไรการตกเป็นข่าวก็คือเรื่องสำคัญของคนในวงการบันเทิง (ส่วนวงก็รับผลกระทบไปเต็มๆ)
ส่วนในบ้านเรา วงน้องสาวอย่าง BNK48 ก็กำลังเป็นที่เลื่องลือในตอนนี้ และก่อนหน้านี้ผมก็ได้ไปมีส่วนร่วมตอนสัมภาษณ์หนึ่งในสมาชิกวงลงนิตยสาร giraffe ซึ่งก็มีคำถามถึงเรื่องกฎห้ามมีความรัก และตัวน้องก็ตอบอย่างตรงไปตรงมาว่า ก็เคยมีความรัก แต่ตอนนี้เพื่ออนาคตในสิ่งที่อยากทำของทั้งคู่ ก็ตัดสินใจเลิกรากันไป ดูเหมือนตัวน้องจะเข้าใจดีว่าการมายืนอยู่ตรงนี้ก็มีสิ่งที่ต้องยอมแลกไป ตอนนั้นมีคนไม่พอใจว่าไม่ควรปล่อยให้น้องพูดเรื่องความรักเก่าออกมา แต่ในความเห็นผมของแบบนี้เอาจริงๆ พูดออกมาตรงๆ ก็น่าจะดีกว่าแอ๊บว่าไม่เคยมีใคร แล้วโป๊ะแตก คนจับได้ในภายหลัง เพราะยุคโซเชียลเน็ตเวิร์กนี่หลักฐานมันชัด ตัวน้องเองก็โตแล้ว (เอาจริงๆ ถ้าใครมีโอกาสได้เห็นสายตามุ่งมั่นของน้องในตอนนั้นก็คงเข้าใจเจ้าตัวได้ครับ) แถมผมเองก็เคยอ่านความเห็นของ Akimoto Yasushi เองว่า “ก่อนเข้าวงการไม่เกี่ยวอะไร” (ก็ไม่ได้เกิดมาแล้วมาเป็นไอดอลเลยนิ)
ความรักกับวัยรุ่นเป็นสองสิ่งที่แทบจะพรากจากกันได้ยาก แต่เมื่อเลือกเส้นทางไอดอลที่เป็นรูปบูชาให้กับมหาชนแล้ว บางทีก็คงต้องเลือกว่าจะให้ความสำคัญกับหน้าที่การงานหรือจะเลือกเอาความสุขส่วนตัว การจะเหยียบเรือสองแคมก็คงเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะ และยังเป็นการฉุดรั้งเพื่อนรอบข้างอีกด้วย แน่นอนว่าเหตุการณ์ครั้งนี้ คงจะเป็นก้อนหินที่สร้างแรงกระเพื่อมบนผิวน้ำที่ชื่อ AKB48 ต่อไปอีกไม่น้อยเลย
อ้างอิงข้อมูลจาก