ถ้าเรานับว่าสิ่งที่แพงที่สุดที่จับต้องได้ คือ เพชรทองของมีราคา ถ้าอย่างนั้นเราจะนับได้ไหมว่าของที่มีค่าที่สุดบนโลกใบนี้ คือ ‘เวลา’ ที่ไม่ว่าจะเอาเงินทองมากองเยอะแค่ไหน ก็ไม่เคยเห็นว่าจะมีมหาเศรษฐีคนใดสามารถซื้อเวลาแล้วบังคับเข็มนาฬิกาให้เดินย้อนกลับหลังได้สักคน
และใช่หรือไม่ที่เมื่อตอนเรายังเยาว์วัยเรารู้สึกว่าเวลาทั้งหมดบนโลกใบนี้เป็นของเรา เรามีเวลามากมายเหลือเกินที่จะทำอะไรก็ได้ตามแต่ใจปรารถนา จะมีสาระจนสุดโต่งหรือจะนอนมองดูฟ้าดูดาวทั้งวันทั้งคืนโดยไม่ต้องทำอะไรสักอย่างก็ยังได้
แต่เมื่อเราเติบโตขึ้นเรื่อยๆ กลไกของโลกทุนนิยมก็เริ่มทำงานด้วยการบังคับให้เราต้องเข้าระบบการทำงานไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่รูปแบบใดก็รูปแบบหนึ่ง เราเริ่มรู้สึกว่าเวลาเป็นของมีค่าและหายาก ทั้งๆ ที่เวลามันก็มี 24 ชั่วโมงเท่าเดิม เท่ากับตอนที่เราเป็นเด็ก ไม่ได้มีใครมาตัดทอนมันให้น้อยลงเสียเมื่อไหร่
ด้วยข้อจำกัดของเวลาที่ภายในหนึ่งวันดันมีแค่ 24 ชั่วโมง และความรับผิดชอบของคนหนึ่งคนมักโตขึ้นแบบผันแปรไปตามอายุ พออายุเริ่มมากขึ้น ภาระก็มักจะมากตาม ทั้งภาระทางการเงิน การงาน รวมไปถึงหน้าที่ในการต้องดูแลผู้สูงอายุในบ้าน ที่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า ในสังคมไทยผู้สูงวัยส่วนใหญ่ยังคงต้องพึ่งพิงลูกหลานในการทำกิจกรรมต่างๆ ทั้งการพึ่งพิงทางกายภาพและในบางกรณีก็พึ่งพิงทางเศรษฐกิจด้วย
ธุระปะปังที่สำคัญและจำเป็นสำหรับครอบครัวที่มีผู้สูงวัยในบ้านที่ต้องพบเจออย่างแน่นอน คือธุระที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพ เช่น พาคุณตาไปพบแพทย์ตามนัด พาคุณยายไปหาหมอเพื่อรักษาโรค พาคุณพ่อไปเจาะเลือดดูค่าน้ำตาล พาคุณแม่ไปตรวจไขมันตามเวลาที่กำหนด นี่ยังไม่นับรวมการพาผู้สูงอายุไปตรวจติดตามอาการในกรณีที่ป่วยเป็นโรคร้ายแรงที่ต้องอาศัยความถี่ในการพบคุณหมอมากๆ
และหน้าที่ในการพาผู้สูงวัยในบ้านไปหาคุณหมอก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากลูกหลานภายในบ้าน
ความไม่ลงตัวของเวลาจึงมักบังเกิดขึ้นตรงนี้ ด้วยระยะเวลาในการเดินทางไปพบแพทย์แต่ละครั้งของแต่ละคน ไม่ว่าจะเป็นสถานพยาบาลรัฐหรือเอกชน ส่วนใหญ่ค่าเฉลี่ยน่าจะอยู่ที่ประมาณ 3 ชั่วโมง เท่ากับว่าเวลาหายไปครึ่งวัน
ในครึ่งวันนี้หากเป็นวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ อาจจะยังไม่มีปัญหามากเท่าไหร่ แต่ส่วนใหญ่แล้วกิจกรรมการพบแพทย์มันมักไม่ได้เกิดขึ้นเพียงเฉพาะแค่วันเสาร์ อาทิตย์นี่สิ การจะลาเจ้านายเพื่อพาคนที่บ้านไปหาหมอบ่อยๆ หากเจอเจ้านายที่เข้าใจและบริษัทมีนโยบายที่เอื้อให้อนุมัติการลานั้นได้ ก็ถือเป็นโชคของพนักงานคนนั้นไป
แต่หาก ‘โชค’ นั้นไม่ได้เกิดขึ้นกับคุณล่ะ คุณจะทำยังไง? ใครจะเป็นคนพาคุณพ่อคุณแม่ คุณปู่คุณย่าในบ้านไปหาหมอ?
Joyride Thailand คือบริการที่เกิดขึ้นเพื่อช่วยไม่ให้คุณต้องแบกรับความกดดันนั้น ความกดดันที่คุณต้องรู้สึกผิดและรู้สึกว่าเป็นลูกหลานที่อกตัญญูไม่เลี้ยงดูผู้ใหญ่ในบ้านเมื่อยามท่านแก่ชรา
แต่การจะเหมารวม Joyride Thailand ว่าเป็นบริการพาผู้สูงอายุไปหาหมอเพียงอย่างเดียวก็คงไม่ถูกเท่าไหร่ เพราะ Joyride Thailand ไมไ่ด้เพียงแค่พาผู้สูงวัยไปหาหมอแต่เขายังมีบริการมากถึง 3 ขาด้วยกัน โดยค่าบริการคิดเป็นแบบเริ่มต้นที่ชั่วโมงละ 500 บาท การบริการ 3 ขาที่ว่า คือ
- Ambulove หรือบริการพาไปหาหมอ – บริการนี้ครอบคลุมตั้งแต่การไปรับถึงหน้าบ้าน พาผู้สูงวัยไปที่โรงพยาบาล ช่วยกรอกเอกสาร เข้าไปพบคุณหมอเพื่อรับฟังข้อมูล ช่วยสอบถามส่ิงที่ควรรู้เกี่ยวกับอาการป่วยของผู้สูงวัยที่เราพาไปหาหมอ ไปรับยา ฟังเภสัชอธิบายว่ายาแต่ละตัวต้องกินยังไง รวมไปจนถึงการเขียนรีพอร์ตทั้งหมดส่งกลับไปให้ลูกหลาน
ทั้งหมดที่ว่ามา ยังไม่รวมรายละเอียดเล็กน้อยที่ Joyride Thailand ใส่เข้าไประหว่างการให้บริการ เช่น โทรไปถามข้อมูลรสนิยมทางดนตรีส่วนตัวของผู้สูงวัยก่อนไปรับถึงหน้าบ้านว่าชอบฟังเพลงแนวไหน เพื่อที่จะเกิดบทสนทนาหรือจัดเพลย์ลิสต์ในรถให้ถูกใจผู้ใหญ่ระหว่างทางจากบ้านถึงโรงพยาบาลแบบลื่นไหล - Joy go round บริการพาไปเที่ยว – บริการนี้เกิดขึ้นจากไอเดียที่ว่า ผู้สูงวัยต้องไปหาหมอเพียงอย่างเดียวหรอ? ผู้เฒ่าผู้แก่ไม่มีสิทธิ์ไปมีสังคม ไปมีความสุขอย่างอื่นได้อีกแล้วหรอ? โดยบริการนี้จะเป็นการพาผู้สูงวัยไปทำกิจกรรมต่างๆ ตั้งแต่พาไปซื้อของช้อปปิ้งเป็นเพื่อนเสมือนหนึ่งลูกหลานไปเดินเที่ยวกับคุณ พาคุณไปงานเลี้ยงรุ่น พาคุณไปงานเกษียณอายุ พาคุณไปทำบุญเข้าวัด กิจกรรมต่างๆ ที่ผู้ใหญ่ในบ้านของคุณทำแล้วจะม่วนจอย Joy go round จะพาผู้ใหญ่ของคุณไป
- Mamababe บริการพาคุณแม่ไปหาหมอ – ผู้ใช้บริการนี้ส่วนใหญ่ คือ คุณแม่เลี้ยงเดี่ยว ไม่ได้มีเพียงแต่ผู้สูงวัยเท่านั้นที่ควรมีเพื่อนไปพบแพทย์ แต่คุณแม่ที่ตั้งครรภ์ก็ถือเป็นคนอีกกลุ่มที่ควรได้รับกำลังใจในการไปทำกิจกรรมต่างๆ เหมือนกัน เช่น การไปหาหมอเพื่อตรวจครรภ์และอัลตราซาวนด์
คุณแม่ตั้งครรภ์ที่มีสามีไปนั่งกุมมืออยู่ข้างๆ ตอนตรวจครรภ์ถือเป็นเรื่องที่น่ารักและน่ายินดี แต่หากคุณคือคุณแม่ที่บังเอิญต้องเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวในขณะที่กำลังตั้งครรภ์ ขอให้คุณทราบไว้ว่าคุณจะมีบริการ Mamababe ของ Joyride Thailand ที่จะพาคุณไปพบคุณหมอและฟังเสียงหัวใจของลูกน้อยเป็นเพื่อนคุณได้ทุกครั้งตั้งแต่คุณเริ่มตั้งครรภ์ไปจนถึงไตรมาสสุดท้ายก่อนคลอดเลย
Joyride Thailand จำกัดความตัวเองว่าเป็นผู้ให้บริการ “ลูกรับจ้าง หลานจำเป็น” แต่ในสายตาเรา นี่คือบริการที่เอื้ออารีและใจดีต่อเพื่อนมนุษย์ ในเวลาที่ร่างกายเปราะบาง Joyride Thailand อยากจะเป็นบริการที่คุณคิดถึงและยืนอยู่ตรงนั้นข้างๆ คอยอยู่เป็นเพื่อนและทำให้เราสบายใจ แม้จะเป็นเพียงแค่การเปิดกระจกรถร้องเพลงพี่เบิร์ดไปด้วยกันระหว่างทาง หรือการชวนคุยเรื่องการสมัครบัญชีติ๊กต็อก
เพราะ Joyride Thailand ไม่ใช่เพียงแค่บริการขับรถรับส่ง แต่นี่คือบริการที่ให้หัวใจแก่คนและดูแลคนด้วยหัวใจ สิ่งสำคัญที่ Joyride Thailand กำลังตะโกนอยู่ในฐานะของธุรกิจสตาร์ทอัพเล็กๆ ที่ก่อตัวขึ้นในกรุ๊ปธรรมศาสตร์และการฝากร้าน คือ เขาอยากให้เราทุกคนรู้ว่าในวันที่อ่อนแอที่สุด เรายังคงมีใครสักคนเสมอ
และเราไม่ได้อยู่คนเดียวบนโลกใบนี้