มีคำทำนายว่าหน้าร้อนปีนี้ อุณหภูมิประเทศไทยจะระอุขึ้นไปแตะ 50 องศาเซลเซียส ร้อนครึ่งหนึ่งของจุดเดือดของน้ำพอดี
สังเกตจากแดดบ้านเราที่ตอนนี้เดินไปนอกร้านบ้านอาคารตอนกลางวัน อาจจะเกือบๆ เรียกได้ว่า เข้าขั้นจะไม่เป็นมิตรเอาเสียเลยต่อผิวกายและสายตา เพราะทั้งแสบร้อนทั่วตัวไปหมด หน้าร้อนปีนี้ เมืองไทยร้อนขึ้นกว่าเดิมจริงๆ
ขั้นตอนการคลายร้อนอันดับที่หนึ่ง ที่ทุกคนพร้อมใจกันทำโดยมิได้นัดหมายคือเปิดแอร์ เปิดพัดลม อาบน้ำให้บ่อยขึ้น มากไปกว่านั้นคือ การหาอะไรเย็นๆ มากินดับร้อนให้ชื่นใจ
น้ำแข็ง ไอศครีม หวานเย็น อาหารและของหวานใดๆ ที่คุณจะคิดถึงได้และหาซื้อง่ายได้ทั่วไปนั้นมีมากมาย แต่เมนูที่เราอยากจะนำเสนอวันนี้ คือเมนูที่มักจะหากินได้เฉพาะในหน้าร้อนเท่านั้น แถมมักจะหากินได้เฉพาะในประเทศแถบที่มีคนมอญเคยอาศัย หรือกำลังอาศัยอยู่ อย่างเช่น…ประเทศไทย นี่เอง
เมนูที่เรากำลังพูดถึง คือ ข้าวแช่
ร้านอาหารส่วนใหญ่มักมีคำต่อท้ายเมนูข้าวแช่ว่า “ข้าวแช่ชาววัง” ที่มาที่ไปก็เพราะ เชื่อกันว่าเดิมที ข้าวแช่ เป็นเมนูที่ห้องเครื่องทำเพื่อถวายแด่องพระมหากษัตริย์ บางตำราบอกว่าเริ่มทำถวายตั้งแต่รัชกาลที่ 4 บางตำราเขียนว่าทำถวายกันในรัชกาลที่ 5 แต่ที่ทุกตำราเห็นตรงกัน คือว่า ข้าวแช่ เป็นอาหารของชาวมอญที่สมัยก่อนนิยมทำเพื่อกินในเทศกาลสงกรานต์ ซึ่งเป็นเทศกาลเฉลิมฉลองประจำปีของชาวมอญที่ชาวมอญจะถือศีล ทำบุญ เข้าวัดเพื่อเป็นมงคลแก่ชีวิตในการเริ่มปีใหม่
เมื่อมีคนถวายงานในวังส่วนหนึ่งมีเชื้อสายมอญ จึงได้มีการนำเมนูข้าวแช่มาทำถวายพระมหากษัตริย์จนเป็นเมนูที่พระองค์ทรงโปรด ส่วนประกอบของข้าวแช่มีอยู่มากมายหลายองค์ประกอบแต่ตัวชูโรงของข้าวแช่เห็นทีจะหนีไม่พ้น ข้าวแช่ (ที่แช่มาในน้ำลอย)
นารา คือร้านอาหารไทยที่โด่งดังจนอินฟลูต่างชาติ ทั้งจีน ไต้หวัน ฮ่องกง หลายคนต่างบินตรงมาที่ร้านนี้เพื่อมากินอาหารไทย และหน้าร้อนนี้นาราเปิดตัวเมนูข้าวแช่ เมนูกินเพื่อคลายร้อนเพราะประกอบไปด้วยข้าวแช่ที่เสิร์ฟมาในน้ำลอยที่ทั้งหอมและเย็นชื่นใจ ช่วยคลายอุณหภูมิที่ร้อนๆ ในกายเราให้เบาลงบ้าง
แถมยังมีเครื่องเคียงอีก 12 อย่างที่ทำมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อกินคู่กับข้าวแช่และน้ำลอย เช่น ลูกกะปิที่ผัดตามตำรับโบราณ ใช้เนื้อปลาช่อนรมควัน แล้วนำไปผัดกับกะปิจากระนอง พร้อมด้วยเครื่องหอมอีกหลายชนิด, พริกหยวกสอดไส้ที่ด้านในสอดไส้หมูที่นำไปนวดกับเนื้อกุ้งสับ ปรุงรสด้วยเครื่องเทศ ยัดไส้มาในพริกหยวกเม็ดอวบ ห่อด้วยหรุ่มไข่แดง, ไข่มุกปลายี่สนที่ใช้ปลายี่สน ซึ่งเป็นหนึ่งในตระกูลปลากระเบน นำมาย่างแล้วตำจนขึ้นฟู ผัดจนหนึบ และได้รสชาติกลมกล่อมนุ่มนวล ทานพร้อมกับผักสดแกะสลักเพื่อตัดรสชาติให้มีความกลมกล่อม
อย่างที่เกริ่นไว้ว่าพระเอกของเมนู “ข้าวแช่” หนีไม่พ้น “ข้าว” นอกจากนาราจะทำเมนูช้าวแช่ออกมาได้อย่างน่าประทับใจในทุกๆ ปี แล้ว ปีนี้ นารา จับมือกับแบรนด์ ‘สิริไท’ ของ เชอรี่ เข็มอัปสร โดยนารานำข้าวจากสิริไท ซึ่งเป็นข้าวเกษตรอินทรีย์จากพี่น้องเกษตรกรจังหวัดสกลนครที่ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี อย่างที่ทราบกันดีว่า ข้าวแช่ คือ เมนูที่จะต้องใช้ศักยภาพความหอมของข้าวออกมาเป็นตัวชูโรงให้มากที่สุด ทั้งข้าวหอมนุ่มของข้าว และการพองตัวที่ไม่มากไม่น้อยจนเกินไปเมื่ออยู่ในน้ำลอย ซึ่งข้าวหอมมะลิจากสิริไท ถือว่า เข้ากันได้ดีกับน้ำลอยจากนารา
นอกจาก ข้าวแช่ในน้ำลอย เมนูคาวอื่นๆ ที่มากับข้าวแช่ถือว่าโดดเด่นดีไม่แพ้กัน รวมไปจนถึงการแกะสลักผักเคียงต่างๆในจาน ที่เราเชื่อว่าเป็นกุศโลบายอย่างหนึ่งของการทำสำรับข้าวแช่แต่โบราณ เมื่อคนนั่งแกะสลักผักได้ใช้สมาธิจดจ่ออยู่กับการประดิษฐ์ประดอยย่อมต้องอาศัยความใจเย็นเพื่อให้ผักออกมางดงาม และเมื่อคนที่เห็นหรือเป็นคนที่กินผักนั้นเข้าไปย่อมต้องเกิดความพึงใจและใจเย็นเมื่อได้กินของที่สวยงามเช่นนี้
ดังนั้นเมนูข้าวแช่จึงนับเป็นเมนูที่หน้าตาน่ารักสำหรับหน้าร้อนเป็นอย่างมาก ทั้งรสชาติที่อร่อย หน้าตาที่งดงามเห็นแล้วสบายใจ แล้วถ้าคุณคิดอยากจะชิมเมนู “ข้าวแช่” เพื่อดับร้อนสักหน่อย คุณคงต้องรีบออกไปจองสักสำรับที่ นารา ดูแล้วล่ะ
อ้างอิงจาก