1
ใครคือคนดี?
พูดกันแบบไม่ต้องอ้อมค้อมและเป็นการพูดแบบหยาบๆ เหมารวม, ได้ว่า – ใครๆ ก็คงรู้นะครับ ว่าสังคมไทยแบ่งออกเป็นสองฝั่งอย่างชัดเจน ฝั่งหนึ่งคือฝั่ง ‘คนดี’ ที่มีแนวคิดค่อนไปทางอนุรักษ์นิยมหรือมีอุดมการณ์แบบขวา อีกฝั่งหนึ่งคือฝั่งก้าวหน้าที่มีแนวคิดค่อนไปทางเสรีนิยมหรือพูดได้ว่ามีอุดมการณ์แบบซ้าย
ซึ่ง – ทั้งสองฝั่งต่างก็มีคลังศัพท์แห่งความเกลียดชังเป็นอาวุธเอาไว้ใช้เรียกกันและต่างๆ นานา ดังที่เรารู้กันอยู่ เช่น สลิ่ม, ลิเบอร่าน ฯลฯ แต่ในที่นี้ขอไม่ใช้คำเหล่านั้น แต่จะขอ ‘เหมารวม’ เรียกคนสองฝั่งว่า ‘คนดี’ กับ ‘คนก้าวหน้า’ ก็แล้วกันนะครับ โดยก็ต้องบอกไว้ก่อนว่านิยามความหมายนั้นเลื่อนไหลไปมาได้ ไม่ได้หมายรวมถึงทุกคน แต่หมายถึงเฉพาะ ‘ต้นแบบ’ ซึ่งมีอยู่ในจินตนาการของคนทั่วไป ซึ่งอาจไม่ได้มีใครเป็นเหมือนต้นแบบร้อยเปอร์เซ็นต์เลยแม้แต่คนเดียวก็ได้
โอย…จะออกตัวทำไมมากมายขนาดนี้!
ถ้าต้องออกตัวมากขนาดนี้ ก็แล้วคิดจะเขียนถึงเรื่องนี้ทำไมเล่า
เรื่องนี้มีสาเหตุครับ!
2
เรื่องของเรื่องก็คือ มีนักเลงกลอนที่อยู่ในฝั่ง ‘คนดี’ คนหนึ่ง ได้ดูซีรีส์ Game of Thrones แล้วก็เกิดความประทับใจจนแสดงออกมาเป็นกลอน โดยเขาเขียนถึง Game of Thrones (ต่อไปนี้ขออนุญาตเรียกว่า GoT ก็แล้วกันนะครับ จะได้ไม่ยืดยาวเกินเหตุ) ในทำนองที่ว่า มันเป็นหนังการเมืองเรื่องระบอบกษัตริย์ที่น่าจะทำให้คนที่เป็น ‘ซ้ายจัด’ ดูแล้วอึดอัด
เขาสรุปไว้ในบทกลอนของตัวเองว่า GoT คือเรื่องราวทำนองเดียวกับธรรมาธรรมะสงคราม คือมีฝ่ายชั่วกับฝ่ายดี คนที่ดีก็แสนดีไม่มีด่างพร้อยอะไรเลย ความดีที่ว่าเกิดจาก ‘เลือดดีแท้’ ก็มี (ในกรณีของจอน สโนว์) หรือเกิดจาก ‘จิตที่งดงาม’ (ในกรณีของดาเนริส ทาร์แกเรียน) ก็ได้เหมือนกัน
และไอ้เจ้า ‘ความดี’ ที่ว่านี้แหละครับ ทำให้คนเราหล่อสวยและ ‘เหนือกว่า’ ปุถุชนคนสามัญทั่วไป เนื่องจาก ‘คนดี’ เหล่านี้มีความมุ่งมั่นจะช่วยโลกให้ดีงาม
ในอีกด้านหนึ่ง ฝ่ายชั่วหรือตระกูล ‘พ่อค้า’ อย่างแลนนิสเตอร์นั้น ก็ชั่วแสนชั่ว แม้จะร่ำรวยล้นฟ้า แต่ก็ใช้ความรวยและอิทธิพลไปในทางที่ผิด สุดท้ายแม้ยึดบัลลังก์ไว้ได้ แต่เอาเข้าจริงจิตใจก็ยังต่ำทราม ลุกขึ้นมาทำสงครามเพื่อพวกพ้องของตัวเองเท่านั้น
ฟังผมเล่าถึงบทกวีของ ‘คนดี’ ที่ว่านี้แล้ว หลายคนอาจคิดว่าผมจะลุกขึ้นมาโต้เถียงวิพากษ์วิจารณ์บทกวีของเขา แต่ไม่ครับ ผมไม่ได้จะมาวิพากษ์วิจารณ์อะไร เพราะใครเสพ GoT แล้วอยากตีความออกมาแบบไหนก็เป็นเรื่องที่ทำได้ทั้งนั้น ข้ึนอยู่กับต้นทุนที่แต่ละคนมี ซึ่งไม่ได้แปลว่าต้นทุนของใครจะเหนือกว่า รุ่มรวยกว่า หรือลึกซึ้งกว่าของใคร โลกประชาธิปไตยเปิดโอกาสให้เกิดการตีความได้หลากหลายร้อนพันไม่มีที่สิ้นสุด ดังนั้น จะมอง GoT ด้วยมุมมองแบบ ‘ธรรมาธรรมะสงคราม’ ก็ไม่ใช่เรื่องผิดหรอกนะครับ
แต่ที่ผมสนใจการที่ ‘คนดี’ ดู GoT ขึ้นมา ก็เพราะถ้าเราเอาวิธีดู GoT ของ ‘คนดีไทย’ (หรืออนุรักษ์นิยมไทย, ขวาไทย ฯลฯ) ไปเทียบกับวิธีดู GoT ของโลกตะวันตกแล้ว เราน่าจะเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่ค่อยจะเคยเห็นกันขึ้นมาได้นะครับ
แต่ก่อนอื่น ก็ต้องขอเทียบเหมารวมแบบหยาบๆ เสียก่อนนะครับ โดยการจับยัดเอา ‘คนดี’ ให้เข้าไปอยู่รวมกลุ่มกับอนุรักษ์นิยม ซึ่งถ้ามองแบบอเมริกันก็จะเป็นพวกรีพับลิกัน และจับยัดเอา ‘คนก้าวหน้า’ ไปไว้รวมกับพวกเสรีนิยม ซึ่งถ้ามองแบบอเมริกันก็จะออกไปทางเดโมแครต
แล้วปัญหามันก็เกิดขึ้นครับ เพราะแรกสุดเลย ‘คนดี’ (หรืออนุรักษ์นิยม หรือรีพับลิกัน) ในโลกตะวันตก เขาเกลียดชัง GoT กันแบบเข้าไส้!
ในปี 2016 (ปีนี้ยังไม่มีผลสำรวจ เพราะ GoT เพิ่งจบไป) เคยมีการสำรวจของ E-Score® (เผยแพร่โดยบริษัทพีอาร์ Cision www.prnewswire.com) บอกว่า 10 อันดับซีรีส์ที่คนที่เป็นเดโมแครต (คือเสรีนิยมหรือซ้าย) กับรีพับลิกัน (คืออนุรักษ์นิยมหรือขวา) ชอบดู – คืออะไร
เขาพบว่า แม้มีหลายเรื่องที่ทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันชอบเหมือนกัน (แต่อาจด้วยเหตุผลที่ต่างกัน) เช่น The Big Bang Theory, The Walking Dead หรือ Supernatural แต่พอมาถึง GoT แล้ว เห็นได้ชัดเลยว่าคนสองกลุ่มนี้มีความเห็นต่อ GoT ที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว เพราะสำหรับเดโมแครต GoT คือซีรีส์ที่ไต่ทะลุรุนแรงแซงทุกซีรีส์ขึ้นไปอยู่บนอันดับหนึ่งในดวงใจ แต่สำหรับรีพับลิกันแล้ว GoT ไม่ติดโผหนึ่งในสิบเลย!
เขาบอกว่า ฝั่ง ‘คนดี’ ศรีรีพับลิกันนั้นมีแนวโน้มไม่ถูกจริตกับ GoT เพราะฝั่งรีพับลิกันนั้นจะชอบซีรีส์ที่เป็นมิตรกับครอบครัว (Family Friendly) ตลกๆ (Funny) เป็นซีรีส์ที่ดำเนินเรื่องด้วยพล็อต (Plot-Driven) ไม่ได้มีเนื้อหาซับซ้อนอะไรมากมายนัก ที่สำคัญที่สุดก็คือ – ต้องเป็นซีรีส์ที่เกี่ยวข้องกับความดีและความชั่ว และความดีต้องชนะความชั่วได้ในภายหลัง
ซึ่งแน่นอน, GoT ไม่ได้มีคุณสมบัติอะไรสักอย่างที่จะทำให้รีพับลิกันชอบ
ด้วยเหตุนี้ การที่ ‘คนดี’ ของไทย (อย่างน้อยก็คนหนึ่งละ) บอกว่าชอบดู GoT ถึงขั้นเขียนกลอนให้ จึงเป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่ง ที่สำคัญ ยังนำ ‘แว่น’ แบบธรรมาธรรมะสงครามไปใส่ดู GoT อีกต่างหาก ทำให้ได้ภาพของ GoT ที่แตกต่างอย่างสุดขั้วกับ ‘คนดี’ ของตะวันตก
3
แล้วฝ่ายขวาหรือ ‘คนดี’ ในโลกตะวันตกมอง GoT กันอย่างไรบ้าง
เท่าที่ลองสังเกตดู ผมพบว่าคนที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมส่วนใหญ่แล้วไม่ค่อยชอบ GoT เท่าไหร่ หรือพูดให้ถูกยิ่งกว่าก็คือถึงขั้น ‘เกลียด’ GoT เลยนะครับ
ตัวอย่างเช่น นักเทศน์เคร่งศาสนาขวาจัด (ซึ่งย่อมเห็นว่าตัวเองเป็น ‘คนดี’ แน่ๆ) อย่าง สาธุคุณจอห์น ไพเพอร์ (John Piper) เคยเทศน์ว่า ถ้าใครเป็นคริสต์ต้องไม่ดู GoT เพราะมันรุนแรงเกินไป มีฉากเซ็กซ์และฉากโป๊มาเกินไป แถมยังทำให้ศรัทธาเสื่อมถอยได้ด้วย The Christain Post เคยลงข่าวว่า สาธุคุณของเราถึงขั้นบอกว่าคนที่กำลังดู GoT อยู่นั้น – กำลัง ‘ตรึงกางเขน’ พระเยซูซ้ำอีกครั้งหนึ่งด้วยซ้ำ ทั้งนี้ก็เพราะพระเยซูสิ้นพระชนม์ก็เพื่อชำระบาปให้บริสุทธิ์ ไม่ได้สิ้นพระชนม์ให้มานั่งดู GoT ที่ร้ายกาจไร้ความบริสุทธิ์
นอกจากนี้ ยังมีคุณแมทธิว วอลเธอร์ (Matthew Walther) ซึ่งเป็นคอลัมนิสต์จาก The Week เขียนบทความชื่อ Game of Thrones is Bad – And Bad for You ขึ้นมาเลยทีเดียว ชื่อบทความนี่ไม่ได้เสียดสีเล่นคำอะไรนะครับ แต่เป็นการ ‘ด่า’ แบบตรงไปตรงมาเลยทีเดียว
เขาบอกว่า GoT นั้นเป็น Boring Ultra-Violent Wizard Porn หรือเป็น ‘สื่อลามกแนวพ่อมดหมอผีที่น่าเบื่อและมีความรุนแรงอย่างยิ่ง’ แถมยังเสริมด้วยว่า ถ้าเป็นเมื่อยี่สิบปีที่แล้ว ใครประกาศตัวว่าเป็นแฟน GoT เป็นต้องถูกจับยัดตู้ล็อคเกอร์ที่โรงเรียนเป็นแน่แท้ (ใช่ครับ – มันคือการ Bully อย่างหนึ่ง)
แน่นอน ความคิดของคุณวอลเธอร์ย่อมถูกวิจารณ์ว่าตื้นเขินและเป็นผู้ใช้ความรุนแรงเสียเอง (แต่มากล่าวหาว่า GoT นั้นรุนแรง) มีคนตอบโต้เขามากมาย แล้วก็มีคนอื่นมาออกรับแทน แล้วก็มีคนมาด่าคนออกรับแทนอีกที พูดง่ายๆ ก็คือเกิด ‘ดราม่า’ กันเละเทะในสื่อโซเชียลเหมือนกับดราม่าในสังคมไทยไม่มีผิด
ดราม่าที่ว่านี้ ลุกลามไปถึงขนาดมีนักเขียนคนหนึ่งที่เป็นอนุรักษ์นิยม (หรือสังกัดอยู่ฝั่ง ‘คนดี’) ทนไม่ไหว ต้องลุกขึ้นมาเขียนบทความลงในนิวยอร์กไทมส์ (นิวยอร์กไทม์สเชียวนะคุณ!) เพื่อตอบโต้คนที่วิจารณ์คุณวอลเธอร์ เขาคือคุณรอส เดาแธต (Ross Douthat)
ที่น่าสนใจเอามากๆ (เพราะมีอะไรคล้ายๆ กับ ‘ข้อเสนอ’ หรือ argument ในกลอนของนักกลอนคนดีเหมือนกัน) ก็คือคุณเดาแธตบอกว่า เอาเข้าจริงแล้ว ที่พวกฝ่ายซ้ายเสรีนิยม ลิเบอร่าน หรือ ‘คนก้าวหน้า’ ทั้งหลายนิยมชมชอบดู GoT กันเป็นการใหญ่ ก็เพราะลึกลงไปในหัวใจ – คนเหล่านี้ต้องการระบอบกษัตริย์
เขาทวีตว่า
No, you like it because it lets you escape the flat dreariness of liberalism for a little while. Because deep down you want a king or queen. (ไม่ พวกคุณชอบ [GoT] เพราะมันทำให้คุณได้หนีจากความเป็นเสรีนิยมอันแบนแต๋น่าเศร้าไปได้สักครู่ เพราะลึกลงไปแล้ว คุณต้องการกษัตริย์หรือราชินี)
กับ
You don’t want the egalitarian sex-positive Westerosi Republic. You want to be a bannerman to the Starks, a counselor to Daenerys. (คุณไม่ต้องการสาธารณรัฐเวสเทอรอสที่เท่าเทียมเสมอภาคและมองเรื่องเพศในแง่บวกหรอก คุณอยากเป็นองครักษ์ให้ตระกูลสตาร์ค หรือเป็นที่ปรึกษาให้แดนิริสต่างหากเล่า)
ถ้าดูใน GoT จะเห็นว่าช่วงก่อนหน้านี้มีการขับเคี่ยวระหว่างเซอร์ซี แลนนิสเตอร์ และไฮสแปโรว์ที่เป็นพระและเป็นขวัญใจของ ‘สามัญชน’ คนธรรมดาทั่วไป ซึ่งคุณเดาแธตบอกว่า ถ้าใครเป็นเสรีนิยม ก็ควรจะต้องเลือกเชียร์ไฮสแปโรว์สิ เพราะไฮสแปโรว์เป็นตัวแทนของสามัญชน แต่ปรากฏว่ามีเสรีนิยมจำนวนไม่น้อยเลยที่เชียร์เซอร์ซี แลนนิสเตอร์ เขาจึงบอกว่านั่นคืออาการมือถือสากปากถือศีลอย่างหนึ่ง ภายนอกบอกว่าอยากเป็นเสรีนิยม ชอบความเท่าเทียม แต่ลึกๆ แล้วเอาเข้าจริงก็ถวิลหาระบอบการปกครองแบบกษัตริย์ต่างหาก
ฟังเผินๆ หลายคนอาจจะบอกว่าอีตาเดาแธตนี่บ้าหรือเปล่า แต่ผมว่ามันคือ argument ที่น่าสนใจไม่น้อยเลยนะครับ เพราะถึงที่สุดแล้ว มีฝ่ายซ้ายหรือเสรีนิยมจำนวนไม่น้อยที่ตระหนักถึงความ ‘แบนแต๋น่าเศร้า’ ของการดำรงอยู่แบบปัจเจก ไม่มีชุมชน ไม่มีลำดับชั้นทางสังคม ไม่มีผู้นำสังคมที่อยู่เหนือทุกสิ่งอยู่เหมือนกัน ลึกๆ แล้ว หลายคนอาจรู้สึกก็ได้ว่าการมี ‘ผู้มีอำนาจ’ ประเภทที่สามารถขี่มังกร (หรือขี่ม้าขาว) มาช่วยรบทัพจับศึก กำจัดศัตรูให้ แก้ปัญหาโน่นนั่นนี่ให้ตัวเองได้ (ไม่ว่าจะในนามของอะไรก็ตาม) โดยที่ตัวเองไม่ต้องทำอะไรมากมายนัก ก็เป็นเรื่องที่ ‘สบาย’ อยู่เหมือนกัน
มองในมุมหนึ่ง argument ของคุณเดาแธตจึงน่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว
แต่ปัญหาที่ต้องถามคุณเดาแธตกลับก็คือ แล้ว GoT สร้างขึ้นมาเพื่อเป็น ‘หนังการเมือง – เรื่องกษัตริย์’ หรือเป็นธรรมาธรรมะสงคราม เพื่อให้เราได้ ‘หนี’ ไปจาก ‘ความจริง’ อันน่าเศร้าแบนแต๋ภายใต้การปกครองของทรัมป์ (และ / หรือ เผด็จการคนอื่นๆ ในที่อื่นๆ) เพื่อใช้ตอบสนองความต้องการลึกๆ ในใจพวกเสรีนิยม (ที่ตัวเองก็ยังไม่รู้ตัว) หรือเปล่า
หรือว่าเอาเข้าจริง มันคือซีรีส์ที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้เราเห็นถึง ‘ความเป็นมนุษย์’ ที่สลับซับซ้อน ของทั้งสามัญชนคนธรรมดา ข้าทาสบริวาร หรือกระทั่งคนที่ต้องสวมหัวโขนเป็นมายลอร์ดมายเลดี้ และไม่มีหรอก – ความดำขาวดีชั่วแบบสัมบูรณ์…
4
ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ ต้องย้ำกันอีกรอบนะครับว่าไม่ได้จะวิจารณ์อะไรใคร แต่แค่รู้สึกว่าเป็นเรื่องน่าสนใจและน่าบันทึกเอาไว้ ว่าเมื่อ GoT ถูกสร้างและถูก ‘โยน’ ออกมาปะทะกับคนที่ฝังตัวอยู่ในอุดมการณ์ต่างๆ แล้ว มันก่อให้เกิดผลอะไรบ้าง
แม้กระทั่งคนที่มีอุดมการณ์คล้ายกัน อยู่ในฝั่งของความคิดเดียวกัน แต่เมื่ออยู่ในโลกคนละใบ คือโลกตะวันออกกับโลกตะวันตก ผลลัพธ์ที่ได้ก็แตกต่างกัน
ข้อที่น่าสังเกตอย่างหนึ่งก็คือ ไม่ว่าจะชอบหรือไม่ชอบ GoT ก็ตาม แต่กลุ่ม ‘คนดี’ นั้น มักจะชอบใส่แว่น ‘ธรรมาธรรมะสงคราม’ ในการทัศนาสิ่งต่างๆ เสมอ ซึ่งก็สอดคล้องกับผลการสำรวจของ E-Score® ที่บอกว่าพล็อตเรื่องประเภท Good vs Evil นั้น จะเป็นที่นิยม เพราะมันเข้าใจง่าย และมีลักษณะที่เรียกว่า Family Friendly คือเป็นพล็อตเรื่องที่เอาไป ‘สอนเด็ก’ ได้โดยไม่ต้องตะขิดตะขวงใจมากนัก
ที่สำคัญก็คือ คนกลุ่มนี้จะไม่ค่อยชอบเสพอะไรที่ซับซ้อนหรือหลากหลายมากเกินไป ซึ่งก็สอดรับกับที่มีนักจิตวิทยาจำนวนมากวิเคราะห์คนที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมเอาไว้ว่า ชอบอะไรที่เคลียร์ๆ ชัดๆ ขีดเส้นแบ่งกันไปเลยอย่าได้แคร์ ดังนั้น อะไรที่เลือนๆ พร่าๆ ตัดสินไม่ได้ว่าดีหรือชั่ว – จึงเป็นสิ่งที่ฝั่งอนุรักษ์นิยมไม่ชอบ
ดังนั้น เมื่อ ‘คนดี’ บางคนในสังคมไทยได้ดู GoT แล้วชอบ ทั้งยังจับ GoT ไปใส่ไว้ในกล่องธรรมาธรรมะสงครามตามที่เคยคุ้น – จึงบ่งบอกอะไรที่น่าสนใจเกี่ยวกับสังคมไทยและอนุรักษ์นิยมไทยได้ไม่น้อยเลย