แม้พ่อจะไม่รัก แต่ลูกคนนี้ก็อยากพิสูจน์ตัวเองสักครั้ง ให้พ่อได้ภูมิใจ
สำหรับพฤติกรรมของตัวละครบางตัว ที่สร้างปัญหาชวนปวดหัว จนทำเอาคนดูอย่างเราอยากเบือนหน้าหนี แต่พอดูให้ดีๆ พวกเขาดันมีบางอย่างเชื่อมโยงเอาไว้ด้วยกัน สิ่งนั้นคือ ‘ปมในจิตใจ’ ที่พอย้อนกลับไปจึงพบว่า พวกเขาเหล่านี้เคยมีปัญหากับพ่อมาทั้งนั้น
แค่พ่อคนเดียว สามารถส่งผลต่อนิสัยหรือพฤติกรรมของลูกได้มากขนาดนี้จริงหรอ? เดอร์ริล โกลเดนเบิร์ก (Deryl Goldenberg) นักจิตวิทยาคลินิก ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาในผู้ชายละปัญหาความสัมพันธ์ของครอบครัว ได้อธิบายตามหลักจิตวิทยาว่า พฤติกรรม การแสดงออกทางอารมณ์ รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในวัยผู้ใหญ่ มีโอกาสสูงที่จะมาจากความสัมพันธ์อันไม่สู้ดีเท่าไหร่นัก ระหว่างพ่อกับลูก ไม่ว่าจะเป็นความความคาดหวัง แรงกดดัน การแสดงออกอย่างหากเหิน หรือการไม่เอาใจใส่
ด้วยเหตุนี้เอง นิสัยหรือพฤติกรรมตัวละครบางตัว จึงเชื่อมโยงกับปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างพ่อและลูก The MATTER เลยอยากพาทุกคนไปดูเบื้องหลังเรื่องราวของเหล่าตัวละครพ่อไม่รัก พร้อมชวนดูกันสักนิดว่า พวกเขาพยายามแค่ไหนที่จะเข้าไปอยู่ในใจผู้เป็นพ่อ
Tyrion Lannister จาก Game of Thrones
‘ทีเรียน แลนนิสเตอร์ (Tyrion Lannister)’ จาก มหากาพย์ซีรีส์ศึกชิงบัลลังก์ Game of Throne เขาผู้นี้คือ ลูกที่ถูกพ่อแท้ๆ อย่าง ‘ไทวิน แลนนิสเตอร์ (Tywin Lannister)’ เกลียดเข้าไส้ จนถึงขั้นไม่อยากให้ทีเรียนได้มีชีวิตอยู่บนโลกนี้อีกต่อไป
สาเหตุของความเกลียดชังเริ่มต้นเมื่อตอนทีเรียนเกิด เขาไม่เพียงแค่เกิดมาเป็นคนแคระ ซึ่งทำให้พ่อตัวเองต้องอับอาย ทว่าเขายังพรากชีวิตผู้เป็นแม่ไประหว่างคลอด ทำให้พ่อและคนในตระกูลต่างก็มองว่าทีเรียนคือจุดด่างพร้อยอันน่าอับอาย จนทำให้หลายต่อหลายครั้ง ไทวินมักจะดูถูกเหยียดหยาม ผลักไสไล่ส่ง รวมไปถึงส่งลูกชายตัวเองให้ไปตายในสงครามแบบไม่ใยดี ราวกับทีเรียนไม่ใช่ลูก และเป็นส่วนเกินของตระกูล
ทว่าตัวทีเรียนเอง ได้พยายามแสดงศักยภาพและช่วยตระกูลเอาไว้ในยามวิกฤตอยู่หลายครั้ง แต่ถึงอย่างนั้น เขากลับถูกมองข้ามและยังคงได้รับการดูถูกจากพ่อตัวเองอยู่เรื่อยมา ด้วยความสัมพันธ์ ซึ่งเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ทำให้ในท้ายที่สุด เขาจึงตัดสินใจลุกขึ้นมาต่อต้านพ่อและเลือกเส้นทางเดินของตนเอง
Adam Groff จาก Sex Education
ความเจ็บปวดจากการไม่ถูกยอมรับคือ สิ่งที่หล่อหลอมให้เส้นทางเดินของตัวละคร ‘อดัม กรอฟ (Adam Groff)’ จาก Sex Education เต็มไปด้วยบาดแผล อันยากเกินจะเยียวได้
อดัมเติบโตมาด้วยการโดนกดดันและถูกมองข้ามจากผู้เป็นพ่ออยู่เสมอ โดยพ่อของเขาเป็นคนเคร่งครัด รวมทั้งตั้งความหวังต่อตัวลูกชายค่อนข้างสูง ทำให้หลายครั้งอดัมจึงมักจะรู้สึกว่า ตัวเองไม่เคยดีพอหรือทำให้พ่อภูมิใจได้เลยสักครั้ง จากความผิดหวังในตัวเอง ประกอบการถูกกดดันบ่อยครั้งเข้า ส่งผลให้อดัมกลายเป็นคนเก็บกด แล้วเริ่มใช้ความรุนแรงเป็นเกราะกำบังในการปกปิดความอ่อนแอที่ถูกซ่อนเอาไว้ จนทำให้หลายคนมองตัวละครตัวนี้เป็นเพียงเด็กมีปัญหาคนหนึ่งเท่านั้น
แต่ลึกๆ แล้วตัวละครตัวนี้เป็นเพียงวัยรุ่นธรรมดาทั่วไป ผู้ต้องการแสวงหาการถูกยอมรับและความรักเข้ามาเติมเต็มช่องว่างในจิตใจ ซึ่งหลายๆ สิ่งที่อดัมทำภายในเรื่อง อย่าง การตั้งใจเรียนมากขึ้นหรือเอาสุนัขไปร่วมประกวดแข่งขัน เขาแค่ต้องการรางวัลเพียงอย่างเดียวคือ ความภูมิใจจากพ่อของเขาเท่านั้นเอง
Dionysus จาก KAOS
ใครว่าเหล่าทวยเทพไม่มีลูกรักลูกชัง คงยังไม่รู้จักกับ ‘ไดโอนิซุส (Dionysus)’ จาก KAOS พ่อหนุ่มมาดทะเล้น ยียวนกวนประสาท ไปไหนก็มีแต่สร้างปัญหาให้ผู้เป็นพ่ออย่าง ‘ซุส (Zeus)’ ปวดหัวอยู่เป็นประจำ
เบื้องหลังของเทพแห่งความรื่นเริงผู้นี้ ไดโอนิซุสพยายามอย่างหนัก เพื่ออยากทำให้ซุสยอมรับในตัวเขา จากการที่ตัวเขาเป็นลูกนอกสายตา อีกทั้งยังไม่ได้สร้างผลงานอันมีประโยชน์ต่อเหล่าทวยเทพเท่าไหร่นัก นอกจากใช้ชีวิตเป็นหนุ่มเจ้าสำราญ หาความสนุกไปวันๆ ทำให้ผู้เป็นพ่อไม่ค่อยสนใจใยดีและมองข้ามตัวลูกชายคนนี้อยู่ตลอด
ถ้าถามว่าไดโอนิซุสแคร์สายตาผู้เป็นพ่อมากขนาดไหน ก็ต้องบอกว่า มาก แคร์มากถึงขนาดยอมทำเรื่องผิดกฎร้ายแรงของเหล่าทวยเทพ อย่าง การส่งมนุษย์ไปชิงวิญญาณคนรักจากโลกหลังความตาย เพียงต้องการพิสูจน์ให้มหาเทพผู้เป็นพ่อมองเขาเห็นและภาคภูมิใจกับเขาบ้างสักครั้งหนึ่ง แต่สุดท้ายแล้ว อาจเป็นตัวไดโอนิซุสที่เล็กเกินไป จนทำให้สายตาของผู้เป็นพ่อมองข้ามลูกชายไปอย่างไม่เหลียวแล
Charles จาก The Crown
การเกิดมาพร้อมกับหน้าที่รับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ทำให้ ‘เจ้าชายชาร์ลส์ (Prince Charles)’ จาก ซีรีส์ The Crown ต้องแบกรับภาระอันหนักอึ้งและความคาดหวังจากคนในครอบครัวมากล้นเกินจะรับไหว
หลายๆ ฉากภายในซีรีส์ แสดงให้ผู้ชมอย่างเราเห็นเสมอว่า ‘เจ้าชายฟิลิป (Prince Philip)’ ผู้เป็นพ่อ ไม่ได้ใส่ใจและมอบความรักให้แก่เจ้าชายชาร์ลส์มากเท่าไหร่ แถมดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างพ่อกับลูกก็ไม่สู้ดีพอสมควร เจ้าชายฟิลิปมองว่า ลูกตนเองจะต้องเติบโตไปเป็นกษัตริย์ในอนาคต การมอบบทเรียนสำคัญสำหรับการเป็นประมุขของประเทศ ดูเหมือนจะเหมาะสมต่อตัวเจ้าชายชาร์ลส์ แต่หลายสิ่งที่ได้มาจากผู้เป็นพ่อ กลับสร้างบาดแผลในลึกๆ ใจของเจ้าชายชาร์ลส์มากกว่า
เจ้าชายชาร์ลส์เป็นผู้พยายามทำทุกสิ่งให้ตัวเขาได้รับการยอมรับอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็น การเดินทางไปสร้างสัมพันธไมตรีกับเวลส์ การแต่งงานตามคำแนะนำครอบครัว หรือการยอมปฏิบัติตามธรรมเนียมราชวงศ์อย่างเคร่งครัด ทุกสิ่งที่เจ้าชายชาร์ลส์ทำ เพียงแค่ต้องการการยอมรับและคำชมจากพ่อตัวเองบ้างสักครั้ง ทว่าเป็นเรื่องน่าเศร้า เพราะต่อให้เจ้าชายชาร์ลส์พยายามแค่ไหน แต่ภายในเรื่อง เจ้าชายฟิลิปได้เผยออกมาชัดเจนว่าลูกสาวคนรองคือลูกคนโปรดของเขาอยู่ดี
Kendall Roy จาก Succession
‘เคนดัล รอย (Kendall Roy)’ ชายผู้ดิ้นรนจากการเคยติดยา สู่การก้าวขึ้นมาช่วงชิงบัลลังก์และอำนาจแห่งโลกธุรกิจของ ‘โลแกน รอย (Logan Roy)’ ผู้เป็นพ่อ ในซีรีส์ Succession
ด้วยการเกิดมาเป็นลูกชายคนโตในตระกูล แน่นอนว่าผู้เป็นพ่อจะต้องคาดหวังในตัวเคนดัลเอาไว้สูงลิบลิ่วว่า ตัวลูกชายคนนี้จะต้องเติบโตมาแข็งแกร่งเช่นเดียวกับตนเอง นั่นจึงทำให้เคนดัลต้องการพิสูจน์ให้พ่อเห็นอยู่เสมอว่า เขาคู่ควรต่อบัลลังก์ของตระกูลรอยมากแค่ไหน
แม้เคนดัลจะปฏิบัติตัวตามคำสั่งพ่ออย่างเคร่งครัด ไม่มีการกระด้างกระเดื่องต่อพ่อของเขาแม้แต่น้อย แต่ถึงอย่างนั้นตัวเขาเองกลับไม่ได้อยู่ในสายตาผู้เป็นพ่อเลย แถมยังได้รับร้อยร้าวในจิตใจ ซึ่งกระทบต่อชีวิตและความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคนรอบตัว จนยากเกินกว่าจะจัดการ
Cressida Cowper จาก Bridgerton
ถ้าการประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานคือเป้าหมายสูงสุดสำหรับหลายคนในยุคปัจจุบัน การแต่งงานและมีสามีที่เพรียบพร้อมก็คงเป็นเป้าหมายสูงสุดแล้วของสาวๆ ในยุครีเจนซี ในซีรีส์ Bridgerton
‘เครสซิดา คาวเปอร์ (Cressida Cowper)’ เองก็เป็นหนึ่งในหญิงสาว ผู้แสวงหาสามีที่ดีเฉกเช่นกับสตรีคนอื่น แม้ผู้ชมอย่างเราจะมองว่าตัวละครตัวนี้เป็นตัวร้ายแสนเย่อหยิ่งและมีแผนร้ายกาจสำหรับทำร้ายคนอื่นอยู่เสมอ แต่สาเหตุส่วนหนึ่งของนิสัย รวมถึงพฤติกรรมของเธอ มาจากการกดดันจากครอบครัว โดยเฉพาะจากผู้เป็นพ่อ ซึ่งต้องการให้เธอหาสามีให้ได้เสียที มิฉะนั้นเขาจะเป็นคนหามาให้เธอเอง
แน่นอนว่า เครสซิดามีความพยายามอยู่ไม่น้อย ในการหาสามีให้ได้ก่อนจะโดนพ่อตัวเองบังคับให้แต่งงาน อย่างในซีรีส์ เธอต้องการจะแต่งงานกับ ‘ลอร์ดเดบลิง (Lord Debling)’ โดยทำทุกวิถีทางไม่ว่าจะเป็นวิธีที่ดีหรือร้ายแค่ไหนก็ตาม ทว่าท้ายสุดแล้ว ลอร์ดเดบลิงก็ไม่ได้เลือกเธอ ซึ่งเธอก็ไม่สามารถทำตามความคาดหวังของพ่อตัวเองได้ ทำให้ผู้เป็นพ่อส่งเธอไปใช้ชีวิตอยู่กับป้าอันร้ายกาจในชนบท และอาจไม่ได้กลับมาโลดแล่นในสังคมผู้ดีอีกต่อไป
ทุกพฤติกรรมของแต่ละตัวละครล้วนมีเหตุผลเสมอ ดังจะเห็นได้จากเหล่าตัวละคร ที่แม้ในสายตาคนดูอย่างเรา พวกเขาจะทำตัวให้เรารู้สึกไม่อยากเข้าข้างเท่าไหร่นักตอนดู แต่หากพิจารณาให้ลึกลงไป เราจะได้เห็นร้อยร้าวในจิตใจพวกเขา จากการต้องทำตัวให้อยู่ในสายตาของพ่อ โดยพวกเขาไม่รู้เลยว่า ต่อให้พยายามมากแค่ไหน คนไม่ใช่ ก็คือไม่ใช่อยู่ดี
อ้างอิงจาก