ถ้าเรามองย้อนกลับไปเมื่อสมัยที่โทรศัพท์มือถือยังเป็นของราคาแพงแสนแพงราคาเหยียบแสนบาท และมีฟังก์ชั่นเพียงแค่โทรเข้าโทรออกและส่งข้อความหากัน ต่ออินเทอร์เน็ตไม่ได้ วิดิโอคอลไม่ได้ โอนเงินผ่านโทรศัพท์มือถือก็ไม่ได้ แต่กลับกลายเป็นว่า เมื่อเห็นใครมีโทรศัพท์เครื่องโตเหน็บอยู่ที่เอว มันกลับเป็นสัญลักษณ์บางอย่างที่นอกจากจะใช้บ่งบอกฐานะของเจ้าของโทรศัพท์มือถือที่มีเงินแสนแขวนอยู่ที่เอวได้แล้ว ยังสันนิษฐานต่อได้อีกว่าเขาคนนั้นคงจะใช้ชีวิตได้สะดวกสบายขึ้นมากโข เนื่องด้วยสามารถโทรศัพท์หาใครก็ได้บนโลกในทุกที่ๆ เขาไป
ตัดภาพมาในปัจจุบันที่โทรศัพท์แทบจะกลายเป็นอวัยวะอย่างหนึ่งของร่างกาย ทุกคนทุกเพศทุกวัยทุกเชื้อชาติแทบไม่มีใครไม่มีโทรศัพท์มือถือ โทรศัพท์มือถือจึงแทบจะเป็นอุปกรณ์พื้นฐานในการดำรงอยู่ของมนุษย์ไปเสียแล้ว หากเพียงแต่ว่าความสะดวกสบายที่ได้จากการใช้โทรศัพท์ การต่ออินเตอร์เนตแบบเคลื่อนที่ การประชุมวิดิโอคอลผ่านโทรศัพท์ที่ไหนก็ได้ที่คุณอยู่บนโลกใบนี้ กลับเป็นสิ่งที่มนุษย์คิดเพิ่มเติมต่อไปอีกว่า
แล้วเราจะทำยังไงได้อีกบ้างให้เราใช้ชีวิตสะดวกมากขึ้นกว่านี้อีก?
สำหรับคนที่ผ่านโลกยุคที่โทรศัพท์เหน็บเอวเครื่องละแสนบาทบางคนอาจจะเลิกคิ้วด้วยความสงสัยว่า นี่เรายังต้องการความสะดวกมากไปกว่านี้อีกหรือ โทรศัพท์ขนาดเท่าฝ่ามือ แต่รวมทุกอุปกรณ์พื้นฐานในชีวิตไว้ในเครื่องเดียวจนหมดสิ้น เป็นทั้งเครื่องคิดเลข ทั้งกล้องถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ เป็นคอมพิวเตอร์ขนาดย่อมๆ และที่สำคัญเป็นโทรศัพท์! เท่านี้แล้วชีวิตของคุณยังสะดวกได้มากกว่านี้อีกหรือ?
คำตอบคือ
ใช่แล้ว! ชีวิตยังสะดวกได้มากกว่านี้อีก
มีคนมากมายที่ต้องการความสะดวกสบายที่เพิ่มขึ้นไปอีกจากการใช้โทรศัพท์มือถือ รวมไปถึง จูเลียน่า เฮ (Julianna He) ผู้ก่อตั้งและ CEO ของ MOFT แบรนด์อุปกรณ์เสริมที่ตั้งใจทำให้ชีวิตของคนทุกคนที่ต้องเดินทางไปด้วย ทำงานไปด้วยง่ายขึ้น
เพราะทุกวันนี้โลกอนุญาตให้เราสามารถทำงานที่ไหนก็ได้บนโลก จูเลียน่าจึงเดินทางไป-มา ระหว่างอเมริกาและจีนบ่อยๆ ในระหว่างการเดินทางเธอพกทั้งคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์มือถือ แทบเล็ตติดตัวไปด้วย เนื่องด้วยการเดินทางก็สำคัญ แต่งานก็สำคัญกว่า อุปสรรคที่ทำให้จูเลียน่ารู้สึกว่าเธอทำงานได้ไม่เต็มที่คือ การที่เธอต้องแบกอุปกรณ์อิเลกทรอนิกส์ในการทำงานมากมายติดตัวแต่กลับรู้สึกว่ามันไม่สะดวกสบายเหมือนตอนทำงานอยู่ที่ออฟฟิศเลย
แล้วมันจะเป็นไปได้ไหม ที่เธอจะสามารถนั่งทำงานในเลาจน์โรงแรมก็ได้ นั่งทำงานที่คาเฟ่ก็ได้ นั่งทำงานที่สนามบินก็ได้ แต่ยังคงรู้สึกองศาของแลปท็อปต่อระยะห่างของสายตาของเธอกำลังสบายตาและเป็นมิตรกับคอและหลัง มันจะเป็นไปได้ไหมที่เธอสามารถตั้งไอโฟนของเธอและมองหรือสัมผัสมันได้อย่างสบายตาโดยที่ไม่ต้องกังวลว่าที่ตรงนั้นจะมีผนังให้เธอได้พิงไอโฟนหรือไม่ มันจะเป็นไปได้ไหมที่เธอสามารถมีเคสที่เก็บแทบเล็ตของเธอโดยที่สามารถแปลงเปลี่ยนเคสรักษาแท็บเล็ตนั้นเป็นที่ตั้งแท็บเล็ตได้ด้วย
คำถามต่างๆ เหล่านั้นถูกแปลงเป็นคำตอบในปี 2018 ปีที่จูเลียน่าตัดสินใจเปิดแบรนด์ MOFT ขึ้นมาเพื่อสร้างอุปกรณ์เสริมให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลาย ทั้ง Invisible laptop stand ที่ตั้งแลปทอปที่บางเพียงแค่ 0.1 นิ้ว น้ำหนักเบา 3 ออนซ์ พกพาสะดวก ทำให้คุณสามารถนั่งทำงานที่ไหนก็ได้กับแลปท็อปของคุณโดยที่คุณไม่ต้องก้มหน้ามองคีย์บอร์ดให้ปวดคอ เพราะองศาของแลปท็อปที่ Invisible laptop stand ออกแบบมา ทำให้คุณสามารถวางมือบนคีย์บอร์ดได้โดยไม่ต้องเกร็งข้อมือจนเมื่อย ซึ่งแน่นอนมันจะเป็นมิตรกับไหล่และคอของคุณเช่นกัน
นอกจากที่วางแลปท็อป ที่วางโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตก็ดูเป็นอุปกรณ์เสริมที่มาแรงไม่เบาของ MOFT เพราะโทรศัพท์มือถือในปัจจุบันมีความสามารถแทบจะเทียบเท่าคอมพิวเตอร์แล้ว หากไม่ติดตรงที่ว่าขนาดของจอเน้นไปที่ความกะทัดรัด เราคงได้เห็นใครต่อใครต่างทำงานบนจอมือถือมากกว่านี้แน่ๆ
ดังนั้นอุปกรณ์เสริมสำหรับโทรศัพท์มือถือและแท็บเล็ตก็มีให้เห็นมากมายเช่นกัน ทั้ง Snap phone tripod stand แสตนด์วางโทรศัพท์มือถือที่ปรับองศาได้ตามมือปรับ แท็บแม่เหล็กของสแตนตัวนี้ทำให้เราสามารถถอดสแตนเข้า-ออกจากโทรศัพท์ของเราได้ตามสะดวกใจ ตอนไหนไม่คิดจะใช้สแตนก็ถอดเก็บใส่ในกระเป๋า เมื่อไหร่ที่อยากใช้มันก็เอาออกมาประกบติดกับโทรศัพท์ นอกจากองศาที่ปรับได้ตามมือปรับแล้วความสูงของสแตนตัวนี้ยังอนุญาตให้เราสามารถปรับความสูงของการวางโทรศัพท์ของเราให้ต่ำเตี้ย หรือสูงขึ้นพอกับที่เราต้องการได้อีกด้วย
ดีไซน์การพับเก็บสแตนทั้งหายของ MOFT น่าจะเป็นอีกหนึ่งฟังก์ชั่นที่น่าสนใจที่สุดของ MOFT ด้วยคอนเซ็ปต์ความไปได้ทุกที่ขณะเดินทาง พกพาสะดวกแถมยังให้ความรู้สึกไร้ตัวตน (เพราะพกง่ายสุดๆ) ทำให้ MOFT ใช้หลักการการพับกระดาษแบบโอริกามิมาดีไซน์สแตนด์ จึงทำให้สแตนด์ที่ใช้วางแลปท็อป วางแท็บเล็ต วางโทรศัพท์ สามารถพับเก็บได้ประหนึ่งว่ามันคือกระดาษสาที่ใช้พับโอริกามิชิ้นหนึ่งเท่านั้น
นอกจากดีไซน์ที่มินิมอล พกพาสะดวก การปรับตัวให้เท่าทันกับดีไซน์ของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของ MOFT ก็เป็นสิ่งที่ทำให้ MOFT ทันยุคสมัยเสมอ เช่น แถบแม่เหล็กที่ทำให้สแตนของ MOFT ยึดติดและแยกจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ได้ หรือวัสดุที่ใช้ในการทำเคสของ MOFT ที่เป็นแบบ MagSafe ที่อนุญาตให้โทรศัพท์สามารถชาร์จได้โดยใช้พลังแม่เหล็กจากพาวเวอร์แบงค์ชาร์จเข้าโดยตรงกับโทรศัพท์ได้เลย
นอกจากวิ่งไล่ตามเทคโนโลยีของวัสดุที่ใช้ทำเคสของ MOFT ยังวิ่งไล่ตามไลฟ์สไตล์ของผู้คนอีกต่างหาก ในปัจจุบันที่คนนิยมพกแอลกอฮอล์เพื่อฉีดพ่น MOFT ทำเคสจากวัสดุที่ทนทานต่อการสัมผัสจากแอลกอฮอล์ ที่เมื่อโดนแอลกอฮอล์แล้วจะไม่ซีดจางหรือสีหลุดร่อน เรียกว่าไล่ตามทั้งเทคโนโลยี ไล่ตามทั้งไลฟ์สไตล์ของคนจริงๆ
เราไม่แน่ใจว่าราคาอุปกรณ์เสริมต่างๆ ของ MOFT เรียกว่าถูกหรือแพง เพราะคำว่าถูกแพงช่างปัจเจกและแตกต่างไปตามการตีความของแต่ละคน แต่เอาเป็นว่าถ้าเคสหรืออุปกรณ์เสริมของ MOFT มันสามารถช่วยทำให้คุณทำงานสะดวกขึ้น ง่ายขึ้น สบายขึ้น ถ้าอย่างนั้นราคาอุปกรณ์เสริมของ MOFT คงถือว่าสมเหตุสมผลอยู่ทีเดียว
อย่างน้อยๆ ก็ทำให้คุณสบายตัวและประหยัดค่าหมอนวดจับเส้นคอ บ่า ไหล่ ของคุณได้ไปหลายบาทเลยทีเดียว
อ้างอิงจาก