แสงแดด ทราย สายน้ำ เทียนไข
สี่สิ่งนี้ล้วนแต่เคยถูกประยุกต์ใช้ให้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องบอกเวลา จวบจนช่วงราวๆ ยุค 1300s ที่นาฬิกาถูกประดิษฐ์ขึ้นเป็นครั้งแรกของโลกในแถบยุโรป เราจึงมีเครื่องบอกเวลาแบบสากลที่ทุกคนใช้กัน จากนั้นรูปร่างหน้าตาของนาฬิกาก็ถูกพัฒนาเรื่อยมาจากนาฬิกาทรงใหญ่แบบทาวเวอร์กลายมาเป็นนาฬิกาเล็กจิ๋วรัดอยู่บนข้อมือคน
ในโลกแห่งทุนนิยมเฉกเช่นทุกวันนี้นาฬิกาใช่ว่าจะใช้เพียงบอกแค่เวลา แต่ยังบ่งบอกสถานะและตัวตนของคนที่สวมใส่มันด้วยอีกต่างหาก เพราะนาฬิกาบนข้อมือของเรามีราคาค่าตัวไล่เรียงตั้งแต่ราคาเพียงหลักร้อยไปจนถึงหลักล้าน มีตั้งแต่สไตล์สปอร์ตบุกป่าลุยโคลนไปจนถึงนาฬิกาหรูหราสายทองคำโรสโกลด์ สำหรับบางคนนาฬิกาจึงเป็นอีกหนึ่งช่องทางเพื่อบ่งบอกถึงสถานะทางเศรษฐกิจและสะท้อนความเป็นปัจเจกสำหรับผู้สวมใส่
นอกจากจะถูกใช้สอยเพื่อการดูเวลา ปัจจุบันนาฬิกาถูกพัฒนาไปไกลกว่าการเป็นเพียงแค่เครื่องบอกโมงยาม นาฬิกาสามารถตรวจวัดอัตราการเต้นของหัวใจ ติดตามการนอนหลับ ติดตามข้อมูลสุขภาพ ตรวจจับการหกล้ม เป็นเครื่องช่วยวัดระยะเวลาและการเต้นของหัวใจว่าอยู่โซนไหนเมื่อเราออกกำลังกาย
ฟังก์ชั่นทั้งหมดนั้นเรากำลังพูดถึงนาฬิกา Apple Watch
ทุกวันนี้อาจจะมีนาฬิกาสุขภาพมากมายออกมาวางขายในท้องตลาด แต่ Apple Watch คือนาฬิกาที่อย่างที่เราทราบกันดีว่ามาจากบริษัทที่ผลิตโทรศัพท์ iPhone ออกมาวางขายด้วย ดังนั้นฟังก์ชั่นการใช้นาฬิกาของ Apple Watch จึงไม่ได้มีดีแค่การเป็นนาฬิกาสุขภาพแต่ Apple Watch ยังสามารถเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ สามารถแสดงข้อความ การแจ้งเตือนต่างๆ จากโทรศัพท์ตรงดิ่งจากโทรศัพท์ iPhone ถึง Apple Watch ได้ อย่างกับว่า Apple Watch คือ iPhone ขนาดย่อมๆ ยังไงอย่างนั้นแหละ
นอกจากการเชื่อมต่อเพื่อแจ้งเตือนจาก iPhone กับ Apple Watch เพื่อแจ้งเตือนข้อความจากแอปพลิเคชั่นต่างๆ จากโทรศัพท์ถึงข้อมือคุณ Apple Watch ยังมีเคสมากมายบนโลกนี้ที่ได้เคยถูกกล่าวขานกันอย่างแพร่หลายว่าได้ช่วยชีวิตคนไว้มากมาย เช่น ในเดือนพฤษภาคม 2023 กรณีของหญิงคนหนึ่งที่สหรัฐอเมริกาที่ล้มลงที่โรงแรมด้วยอาการเจ็บหน้าอก ก่อนจะล้มลงและหมดสติเธอส่งข้อความบอกเพื่อนที่พักอยู่ที่โรงแรมเดียวกันแต่อาศัยอยู่คนละห้องให้มาดูอาการเธอหน่อย เพราะเธอเจ็บหน้าอกขึ้นเรื่อยๆ และนี่ไม่ใช่อาการปกติแน่ๆ
จนเมื่อเพื่อเธอมาถึงที่ห้องพักก็พบว่าเธอนอนคว่ำหน้าหมดสติกองลงไปกับพื้น เพื่อนของหญิงผู้นั้นจึงดำเนินการโทรศัพท์เรียกรถพยาบาล หากเพียงแต่ว่ารถพยาบาลได้ออกเดินทางเพื่อมาที่โรงแรมแล้ว พูดให้เข้าใจง่ายก็คือ รถพยาบาลออกเดินทางก่อนที่เพื่อนของผู้หญิงคนนั้นจะโทรไปแจ้งกับทางโรงพยาบาลเสียอีก ที่รถพยาบาลสามารถออกเดินทางมาได้เร็วขนาดนั้นก็ต้องยกความดีให้กับความว่องไวของ Apple Watch ที่สามารถตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจที่ผิดปกติของหญิงคนนั้น และตรวจพบเจอว่าเธอกำลังล้มลง (และแน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว) Apple Watch จึงทำการโทรออกเพื่อแจ้งรถพยาบาลให้มาดูอาการของเธอในทันใด!
นับเป็นโชคดีของหญิงคนนั้นที่เธอมีสติและมีเวลามากพอที่จะส่งข้อความหาเพื่อน เพื่อมาช่วยดูอาการของเธอ แต่อันที่จริงแล้ว เราคงต้องชื่นชมเพื่อนอีกคนของเธอด้วยในสถานการณ์นี้ที่นับว่าช่วยชีวิตของเธอไว้เช่นกัน และเพื่อนของเธอผู้นั้นคือ Apple Watch นั่นเอง
หรือจะเป็นอีกกรณีหนึ่งในปี 2019 ที่เป็นกรณีโด่งดังในอเมริกาอีกเช่นกันที่ Apple Watch ช่วยชีวิตหนุ่มสาวนักปีนเขาคู่หนึ่งไว้
เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นที่นิวเจอร์ซีย์ อเมริกา เมื่อหนุ่มสาวคู่หนึ่งออกไปทำกิจกรรมเดินป่าและปีนเขา แต่กลับหลงป่าและดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยต่ำลง ซ้ำร้ายฝ่ายหญิงยังพลั้งตกเขาลงไปอีก ฝ่ายชายจึงลงไปช่วยฝ่ายหญิงตรงบริเวณเขาด้านล่างที่ฝ่ายหญิงตกลงไป ทำให้ทั้งสองคนไม่สามารถปีนเขากลับมายังบริเวณเส้นทางเดิมได้ แถมฝ่ายชายยังเสียรองเท้าไประหว่างทางการเดินลงมายังเขาด้านล่างอีก
ทั้งสองจึงตัดสินใจสไลด์ตัวลงไปเรื่อยๆ ตามตำราที่ฝ่ายชายเคยได้เรียนรู้เกี่ยวกับการปีนเขามา แต่ยิ่งสไลด์ตัวลงไปมากเท่าไหร่ กลับกลายเป็นว่ายิ่งหลงป่าลึกเข้าไปเรื่อยๆ ประกอบกับฝ่ายชายเริ่มได้รับการบาดเจ็บขาหักและเท้าโดนขวากหนามตำไม่สามารถเดินต่อได้ ทันใดนั้นทั้งสองก็ได้ยินเสียงที่น่าจะเป็นเสียงที่ไพเราะที่สุดราวกับเสียงสวรรค์ดังขึ้นจาก Apple Watch ของฝ่ายชาย
“911 คุณมีเหตุฉุกเฉินอะไรให้เราช่วยไหม”
ปรากฏว่า Apple Watch ตรวจจับการหกล้มอย่างแรงและไม่มีการเคลื่อนไหวของฝ่ายชายได้ และได้ทำการโทรออกไปยังหมายเลขเหตุฉุกเฉินนั่นคือ 911 จากนั้นทั้งสองคนก็ได้รับการช่วยเหลืออกมาได้อย่างปลอดภัย
เป็นอีกครั้งที่ไม่น่าเชื่อว่านาฬิกาจะไม่เพียงแค่บอกเวลาแต่ยังสามารถช่วยชีวิตคนไว้ได้จริงๆ
นาฬิกาสุขภาพคุณภาพดีอาจจะมีมากมายในโลกแห่งการค้าแต่นาฬิกาที่ช่วยชีวิตคนไว้ได้จากสถานการณ์ฉุกเฉินในนาทีนี้คงไม่มีใครนำหน้านาฬิกา Apple Watch เรือนนี้ไปอีกแล้ว
พูดถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเดินไปหยิบ Apple Watch มาใส่ไว้ที่ข้อมือ จุดประสงค์ในการใส่มันก็แน่นอนว่าไม่ได้ใส่เพื่อบ่งบอกสถานะทางสังคมให้ใครรู้ หรือใช้เพื่อดูเวลาเพียงเท่านั้น แต่ในเมื่อโลกใบนี้อะไรๆ ก็เกิดขึ้นได้ และ Apple Watch ก็เป็นเสมือนเพื่อนที่คอยดูแลสุขภาพ (และการลื่นหกล้ม)ให้เรา
อ้างอิงจาก